ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 640

บทที่ 640 เธอจะแต่งงานแล้ว

วันถัดมา เจียงสื้อสื้อมาที่บ้านตระกูลจิ้น เพื่อรับเถียนเถียนกลับไป

ในตอนที่เธอมาถึง เถียนเถียนเล่นอยู่กับพ่อจิ้นแม่จิ้นอย่างมีความสุข

เด็กหญิงตัวน้อยนั่งอยู่ในอ้อมกอดของแม่จิ้น ในปากกำลังกินองุ่นที่พ่อจิ้นป้อน หัวเราคิกคักคิกคัก

เจียงสื้อสื้อมองอยู่สักพัก เดินเข้าไปอย่างยิ้มๆ

“เถียนเถียน หม่ามี๊มารับหนูกลับบ้านแล้ว”

เถียนเถียนลงมาจากขาของแม่จิ้น โผเข้าหาอ้อมกอดของเจียงสื้อสื้อ พูดอย่างดีใจว่า “หม่ามี๊เถียนเถียนคิดถึงหม่ามี๊มากๆค่ะ”

เจียงสื้อสื้อลูบหัวของเธอ และพูดขอบคุณกับพ่อจิ้นแม่จิ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

“ขอบคุณพวกท่านจริงๆค่ะที่ดูแลเถียนเถียนให้ ขอบคุณนะคะ”

พ่อจิ้นแม่จิ้นมองใบหน้าของลูกสะใภ้ ภายในใจก็ยุ่งเหยิงมาก ก็รีบโบกมือและพูดว่า “ไม่เป็นไรๆ เถียนเถียนเป็นเด็กดีมาก พวกเราชอบเธอมาก”

ชอบจนอยากให้เธออยู่ที่นี่ อยู่ข้างๆตลอดไป

จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ข้างๆฉวยโอกาสพูดว่า “ใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว อยู่ทานอาหารที่นี่ก่อนเถอะ”

ในน้ำเสียงมีความปรารถนาอย่างไม่ได้สังเกต ดวงตาสีดำขลับจ้องมองไปที่เจียงสื้อสื้อ ความรักและหลงใหลในดวงตาเกือบจะล้นออกมา

แม่จิ้นเห็นดังนั้นก็รีบพูดเสริมขึ้นมาทันที “ใช่ใช่ใช่ ฉันจะไปสั่งในครัวให้ทำอาหารที่เถียนเถียนชอบทาน”

“คุณน้าคะ ไม่ต้องลำบากเหรอกค่ะ”

เจียงสื้อสื้อเรียกแม่จิ้นเอาไว้ ยิ้มบางๆและพูดว่า “ที่บ้านยังมีธุระอยู่ ไม่อยู่ทานข้าวแล้ว ฉันจะพาเถียนเถียนกลับบ้านเลยค่ะ”

คนตระกูลจิ้นได้ยินดังนั้นก็ผิดหวังกันหมด เสี่ยวเป่ายิ่งมุ่ยปาก ในตามีน้ำตาอยู่

ในตอนนั้นเจียงสื้อสื้อก็ไม่สบายใจ แต่เธอรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

คนในครอบครัวนี้ดีมาก แต่เพียง เธอและพวกเขาไม่มีโชคชะตาร่วมกัน

ท้ายที่สุด เถียนเถียนและครอบครัวตระกูลจิ้นก็บอกลากันอย่างไม่เต็มใจ

จิ้นเฟิงเฉินจูงมือเสี่ยวเป่าไปส่งเจียงสื้อสื้อที่ประตู พูดอย่างอบอุ่นว่า “เถียนเถียนและเสี่ยวเป่าเล่นกันอย่างสนุกสนาน คุณมีเวลาเมื่อไหร่ พาเถียนเถียนมาทานข้าวด้วยกันเถอะ”

พูดจบก็เจ็บปวดใจอย่างอดไม่ได้ เขาในตอนนี้แม้แต่จะทานข้าวกับเธอยังต้องวกวนไปมาขนาดนี้

เจียงสื้อสื้อไม่ได้รับปาก ให้เพียงแต่คำตอบที่คลุมเครือ

“ไว้ค่อยว่ากันเถอะ”

พอถึงด้านนอก จิ้นเฟิงเฉินยังมีคำพูดอีกมากมายที่อยากจะพูดกับเจียงสื้อสื้อ

แต่ยังไม่ทันรอให้เขาได้พูดออกมา เจียงสื้อสื้อก็ขึ้นรถไปแล้ว พาเถียนเถียนเข้าไปนั่งแล้ว

เขาก้าวขึ้นไปสองก้าว มองไปที่ใบหน้าด้านข้างของเจียงสื้อสื้อ ที่ตอนหลังหันมาพอดี สายตาของทั้งสองคนปะทะ

เจียงสื้อสื้อกะพริบตาเล็กน้อย แต่ไม่ได้หลบ

ดวงตาของทั้งสองคนประสานกันอยู่ห้าวินาที เจียงสื้อสื้อก็หันกลับไป และสั่งให้คนขับออกรถ

จิ้นเฟิงเฉินก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว อ้าปากพูดว่า “สื้อสื้อ……”

แต่ทันทีที่พูดจบ รถก็แล่นผ่านสายตาออกไปทันที

ไม่รู้ว่าทำไม ด้านหลังของเจียงสื้อสื้อครั้งนี้มองไปแล้วดูช่างเด็ดเดี่ยวเหลือเกิน

จิ้นเฟิงเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน

“หม่ามี๊กับน้องไปอีกแล้ว”เสียงพูดเบาๆของเสี่ยวเป่าดังอยู่ข้างหู

จิ้นเฟิงเฉินใช้แรงจับมือของเสี่ยวเป่าแน่น น้ำเสียงแน่วแน่ “ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็จะได้เจอกันอีก”

แต่หลังจากที่แยกกันคราวนี้ หนึ่งสัปดาห์เต็มๆที่พวกเขาไม่ได้คราวข่าวของเจียงสื้อสื้อและเถียนเถียนเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการได้เจอ

จิ้นเฟิงเฉินส่งข้อความไป เหมือนหินจมลงไปในมหาสมุทร

เสี่ยวเป่าโทรไป ก็ไม่มีใครรับเหมือนกัน

จู่ๆพวกเขาก็สูญเสียการติดต่อไปทั้งหมด

“ทำไมหม่ามี๊ไม่รับโทรศัพท์”

เสี่ยวเป่าถือโทรศัพท์ไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

จิ้นเฟิงเฉินเคยที่ไหนกัน?

เขาจ้องมองไปที่หน้าจออย่างใกล้ๆ หน้าจอกลับมีแต่ข้อความที่เขาส่งไป แต่ทางนั้นเงียบหายไปและไม่มีวี่แววว่าจะติดต่อกลับมา

ร่างของเจียงสื้อสื้อในวันนั้นตอนที่จากไปปรากฏขึ้นในดวงนั้น ดวงตาที่ลึกของจิ้นเฟิงเฉินบีบลงในทันที

เขามาถึงที่บริษัท เรียกกู้เนี่ยนมาหาทันที กำชับเสียงเข้มว่า “โครงการใหม่ผมวางแผนที่จะร่วมมือกับฝู้ซื่อกรุ๊ป คุณไปที่ฝู้ซื่อ ไปสำรวจความต้องการของพวกเขาสักหน่อย”

พอกู้เนี่ยนได้ยินว่าฝู้ซื่อกรุ๊ป ก็รู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังเข้าใจอะไรสักอย่าง

“ครับ ท่านประธาน”

หลังจากที่เขาออกไป จิ้นเฟิงเฉินสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง

ดวงตาสีดำขลับจ้องมองไปยังที่ไกลๆ ในดวงตามีอารมณ์ความรู้สึกที่ยุ่งเหยิงนับไม่ถ้วนไหลวนอยู่ สุดท้ายผนึกรวมกันเป็นสีดำขลับ

แต่สิ่งที่กู้เนี่ยนนำกลับมาคือข่าวร้าย

“คุณชายครับ คุณชายใหญ่ของฝู่ซื่อกรุ๊ปจะแต่งงานแล้ว!”

พูดจบ กู้เนี่ยนเห็นสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินเปลี่ยนไปมาก ก็อดไม่ได้ที่จะหดคอลง

จิ้นเฟิงเฉินกำมือแน่น น้ำเสียงต่ำ

“เจ้าสาวคือใคร ข่าวเชื่อถือได้ไหม?”

กู้เนี่ยนสั่นกลัว กัดฟันตอบไปว่า “บอกกันว่าเป็นคุณผู้หญิงเจียง ฝู้ซื่อกรุ๊ปกำลังกระจายข่าวนี้ น่าจะไม่ผิดแน่”

“ฝู้จิงเหวินมีท่าทียังไง?”

น้ำเสียงเย็นชา กู้เนี่ยนบอกอย่างชัดเจน

“วันนี้คุณชายฝู้อยู่ที่บริษัทพอดี ดูท่าทางเหมือนเขาจะอารมณ์ดี”

กู้เนี่ยนนึกย้อนกลับไปถึงท่าทีที่ปลาออกมาของฝู้จิงเหวิน ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นั่นคือสิ่งท่าทีที่ดีทั้งหมด แอบกลุ้มใจแทนเจ้านายของตัวเอง

มือของจิ้นเฟิงเฉินวางอยู่บนราวจับ งอเล็กน้อย ค่อยๆกำหมัดแน่น

เส้นเลือดสีอ่อนปรากฏขึ้นบนมือมีท่าทีย่างน่ากลัว

อุณหภูมิในห้องลดลงไปทันทีสิบองศา

กู้เนี่ยนไม่กล้าออกไป แม้ว่ากลัวว่าจะได้รับลูกหลงก็ตาม

ในใจของจิ้นเฟิงเฉิน เหมือนมีกระน้ำที่โหมกระหน่ำรุนแรง

เจียงสื้อสื้อจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวก็ทำให้เขาใจคอไม่ดี และยิ่งสองสามวันมานี้ ติดต่อไม่ได้อีก แท้ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณ

เพียงแค่เขานึกไม่ถึง ว่าจะเร็วขนาดนี้

คุณชายใหญ่ของฝู้ซื้อกรุ๊ปแต่งงาน คาดไม่ถึงว่าข้างนอกจะไม่ข่าวคราวแม้แต่นิดเดียว จู่ๆสื่อมวลชนก็เงียบ

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ข่าวนี้ ทำไมถึงไม่ประกาศออกไปข้างนอก?”

กู้เนี่ยนในตอนนี้รู้สึกว่าเจ้านายของเขากำลังสับสนวุ่นวาย อาศัยการด่ากันอย่างรุนแรงระหว่างพวกเขาแบบนี้ เปลี่ยนมาเป็นเขา เขาก็จะไม่พูด

ถึงแม้ว่าจะมีบางเรื่องที่ปิดบังไม่ได้ แต่หลังจากแต่งงาน ทุกอย่างก็มีผลลัพธ์ออกมาแล้ว พูดอะไรก็ช้าไปแล้ว

แต่กู้เนี่ยนยังพูดอย่างพิจารณาแล้วว่า “น่าจะประกาศไม่ทันครับ”

พูดจบ ดูสีหน้าบนหน้าของจิ้นเฟิงเฉินไม่ออก

ข้างนอกห้องทำงาน จื่อเฟิงได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน มือเท้าสั่นไปหมด

เพราะท่าทีที่แสดงออกว่าตื่นเต้นมาก

เธอพยายามที่จะยับยั้งการแสดงออกสีหน้าของเธอ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการถูกคนมาเจอ เธอก็จากไปอย่างเงียบๆ

“ฉันจะออกไปข้างนอก วันนี้มีเรื่องอะไรก็ไม่ต้องหาฉัน”

จิ้นเฟิงเฉินหยิบเสื้อคลุมอย่างเรียบง่าย ลุกขึ้น

เรื่องนี้เขาต้องไปยืนยันด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นเขาจะไม่สบายใจ

แม้ว่าจะตำนี่อยู่ในใจว่าเจ้านายจะโดดงานอีกแล้ว แต่ยังไงเรื่องของภรรยาก็สำคัญที่สุด พูดอย่างยอมรับชะตาชีวิตว่า “ครับ คุณสบายใจได้ งานของบริษัทผมจะจัดการแทนคุณเอง”

จิ้นเฟิงเฉินเพียงแค่มองไปที่เขา แต่ไม่ได้พูดอะไร หยิบกุญแจรถและออกไป

หลังจากขึ้นมาบนรถ จิ้นเฟิงเฉินก็มุ่งหน้าตรงไปที่โรงพยาบาล

ถึงแม้ว่าเจียงสื้อสื้อจะไม่สนใจเขา แต่จิ้นเฟิงเฉินรู้ ช่วงนี้เธอดูแลแม่ฝู้อยู่ที่โรงพยาบาล

เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ จิ้นเฟิงเฉินก็ปวดร้าวเหมือนโดนมีดมาทิ่มแทงที่หัวใจ

ความเร็วในการขับรถบนถนนนั้นเร็วมาก จิ้นเฟิงเฉินแทบอยากจะไปถึงโรงพยาบาลในชั่วพริบตาเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!