ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 721

บทที่ 721 ทำอาหารให้เขา

เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็พยักหน้า

จิ้นเฟิงเฉินเอนกายลงอย่างว่าง่าย เจียงสื้อสื้อห่มผ้าห่มให้กับจิ้นเฟิงเฉิน

เธอรอจนกระทั่งจิ้นเฟิงเฉินหลับไป จึงได้เดินลงไปชั้นล่าง

ขณะที่เดินลงบันไดนั้น ก็ได้ยินเสียงคนสองคนกำลังหยอกล้อกัน เป็นจิ้นเฟิงเหราและส้งหวั่นชีงที่มาส่งเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนนั่นเอง

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า จิ้นเฟิงเหราก็ได้เงยหน้าขึ้นไปดูและหยุดการกระทำลง

ส้งหวั่นชีงรีบใช้โอกาสนี้ ตบเขาเสียจนเสียงดังกังวานไปทั้งห้องนั่งเล่น

แม้แต่คนรับใช้ก็ตกตะลึง เนื่องจากแรงตบเมื่อสักครู่ไม่เบาเลยทีเดียว

จิ้นเฟิงเหราสูดลมหายใจเข้าเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่กลับถูกส้งหวั่นชีงหันมาดุด้วยหน้าตาเคร่งขรึมว่า

“คุณก็รู้ว่าฉันจะตีคุณ แล้วทำไมคุณไม่หลบล่ะคะโง่ขนาดนี้เชียวเหรอ?”

แม้น้ำเสียงนั้นจะดูดุร้าย แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

หลังจากที่จิ้นเฟิงเหราได้ยินดังนั้นก็หายโมโหลงไปกว่าครึ่ง เขายื่นแก้มที่แดงเรื่ออันเกิดจากรอยนิ้วมือของส้งหวั่นชีงเมื่อสักครู่เข้าไปใกล้

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยครับ ผมไม่เจ็บสักหน่อย คุณจะตบอีกสักทีไหมล่ะ?”

มุมปากของเจียงสื้อสื้อเผยอโค้งขึ้นเล็กน้อย สองคนนี้ช่างเป็นคู่กัดกันจริงๆ

เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคนแล้วนั่งลง เนื่องจากเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วยทั้งสองคนจึงได้นั่งนิ่งลง

ส้งหวั่นชีงมองไปทางเจียงสื้อสื้อด้วยสายตาเป็นกังวลแล้วถามขึ้นว่า “พี่ชายไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่เป็นอะไรจ๊ะ”

เพียงแต่เมื่อเธอหันไปมองรอยแดงบนหน้าจิ้นเฟิงเหราก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า

“แต่ฝ่ามือของเธอเมื่อสักครู่มันช่าง......”

เมื่อพูดจบส้งหวั่นชีงก็เงยขึ้นมาดูใบหน้าแดงระเรื่อของจิ้นเฟิงเหรา และขมวดคิ้วเล็กน้อย

เธอพูดเสียงแข็งว่า “เขาโง่เองนี่คะที่ไม่ยอมหลบ”

“นี่คุณหมายความว่ายังไง......?”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะทะเลาะกันขึ้นมาอีกครั้ง เจียงสื้อสื้อจึงได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“พวกเธอสองคนจะกลับไปเมื่อไหร่เนี่ย?”

“ทำไมเหรอครับ? พี่สะใภ้จะไล่พวกเรากลับอย่างนั้นเหรอ? หรือการที่พวกเราอยู่ที่นี่พี่กับพี่ชายผมจะทำอะไรไม่สะดวก?”

จิ้นเฟิงเหราพูดออกมาเบาๆ จากนั้นเอื้อมมือไปคว้าถั่วที่วางอยู่ในจานเข้ามากิน

เดิมทีเจียงสื้อสื้อก็ไม่ใช่คนหน้าหนา เมื่อเธอได้ยินประโยคนั้นก็ทำให้หน้าแดง

ยังดีที่จิ้นเฟิงเหราไม่ได้พูดอะไรต่อไป แต่กลับเปลี่ยนหัวข้อสนทนาพูดติดตลกว่า “พี่ชายผมเป็นห่วงพี่มาก หลายวันมานี้ไม่ค่อยได้กินอะไรเลย พี่ไม่เห็นเหรอว่าเขาผอมขนาดไหน?”

เขาจงใจพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง

สายตาคอยจับจ้องอยู่ที่ปฏิกิริยาของเจียงสื้อสื้อ

เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน ผู้ชายคนนี้บาดเจ็บอยู่แท้ๆ แต่มักจะไปที่โรงพยาบาลตลอด ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เสมอ

เธอลดสายตาลงอย่างช้าๆด้วยความทุกข์ใจและกังวล

ฉากนี้ถูกจิ้นเฟิงเหราจับตามองอยู่ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสุข

แม้ว่าพี่สะใภ้จะยังจำเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่ได้ แต่ความรู้สึกของเธอนั้นยังคงไม่เปลี่ยนไป

ถ้าเขาไม่เข้ามาช่วยเหลือพี่ชายอันซื่อบื้อของเขา ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสามารถเอาพี่สะใภ้กลับคืนมาได้

หลังจากนั้นเขาก็ทำเป็นพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจว่า “แต่ว่านะ พี่ชายผมชอบกินอาหารที่พี่สะใภ้ทำให้ พี่จะลงมือทำอาหารให้เขาสักหน่อยไหมล่ะ ผมรับรองว่าเขาจะดีขึ้นเร็วแน่”

เขาไม่ได้ต้องการจะพูดอะไรต่อไปอีก เนื่องจากความหมายนั้นชัดเจนแล้ว

เจียงสื้อสื้อลุกขึ้นยืนโดยทันที ส้งหวั่นชีงหยิกเข้าไปที่แขวนของจิ้นเฟิงเหราและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อยว่า “คุณเป็นบ้าหรือไงกัน? ตอนนี้พี่สะใภ้ก็เป็นคนไข้เหมือนกันนะ เธอยังมีอาการบาดเจ็บอยู่เลยจะให้เธอไปทำอาหารได้ยังไง!”

เมื่อได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเหราจึงนึกขึ้นมาได้ เขารีบส่ายหัวและกล่าวขอโทษว่า “พี่สะใภ้ครับ ผมขอโทษทีผมคิดไม่รอบคอบ เดี๋ยวผมจะไปทำโจ๊กให้พี่เองครับ”

แต่เจียงสื้อสื้อที่ลุกขึ้นยืนอยู่เธอหันมายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้บอบบางขนาดนั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!