ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 722

สรุปบท บทที่ 722 หลอกใช้: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

บทที่ 722 หลอกใช้ – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 722 หลอกใช้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 722 หลอกใช้

ในคืนนั้นเอง ฝู้จิงเหวินเดินถือถ้วยเก็บความร้อนไว้ในมือ เขาหวังว่าจะไปเยี่ยมเจียงสื้อสื้อสักหน่อย

ในถ้วยนั้นคือซุปรากบัวกระดูกซี่โครงที่วันนี้ทั้งวันเขาให้แม่บ้านสอน และนี่เป็นถ้วยที่เขานับว่าประสบความสำเร็จมากที่สุด

เมื่อเดินมาถึงห้องผู้ป่วย เขายังไม่ทันได้สังเกตเห็นพยาบาลคนหนึ่งที่จับจ้องพฤติกรรมของเขาอยู่ในมุมมืด

หลังจากผลักประตูเข้าไปกลับพบว่าบนเตียงนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ร่องรอยของเจียงสื้อสื้อ

เขารออยู่สักพักและไม่มีทีท่าว่าเจียงสื้อสื้อจะกลับมา

ความรู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่างลอยเข้ามาในสมองของเขา แต่ในไม่ช้าเขาก็ทำให้มันสงบลงได้

เขารีบวิ่งไปยังห้องกล้องวงจรปิดและขอให้เจ้าหน้าที่เปิดดูกล้องวงจรปิดที่จับภาพหน้าห้องผู้ป่วยเอาไว้

ฝู้จิงเหวินโน้มตัวลงมา มือทั้งสองข้างของเขาเท้าอยู่บนโต๊ะ และตั้งใจมองไปยังภาพอย่างใจจดใจจ่อ

จนกระทั่งปรากฏภาพเธอเดินออกมาจากห้องผู้ป่วย หัวใจของเขาแทบตกลงไปที่ตาตุ่ม

หรือว่าเธอจะถือโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่นี่ออกไปข้างนอกกัน?

การคาดเดาของเขาเป็นจริงในไม่ช้า เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าเจียงสื้อสื้อจะไม่แม้แต่โทรศัพท์บอกเขาสักคำว่าเธอไปไหน

เขาก้มหน้าลง และพยายามปิดบังความรู้สึกเสียใจนั้นเอาไว้

จนกระทั่งภาพในกล้องวงจรปิดมองเห็นเจียงสื้อสื้อเดินออกจากประตูโรงพยาบาลไป ฝู้จิงเหวินจึงได้ยืดตัวขึ้นและเอ่ยขอบคุณอย่างมีมารยาทก่อนจะเดินจากมา

เขาเดินเหม่อลอยไปจนกระทั่งถึงลิฟต์ แม้แต่ข้างหลังของเขามีพยาบาลคนหนึ่งเดินตามมาเขาก็ยังไม่รู้สึกตัว

พยาบาลคนนั้นเดินตามเขากลับมายังห้องผู้ป่วยที่ไม่มีใครอยู่สักคน เธอยืนอยู่ด้านนอกและมองเข้าไปด้านในผ่านกระจกตรงประตู

แววตาของเธอมืดมนช่างน่ากลัว เมื่อมองไปเห็นร่างที่เสมือนไร้วิญญาณของเขาแล้ว เธอก็เผยอยิ้มขึ้นตรงมุมปาก

ฝู้จิงเหวินไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่เขาทำดีกับเจียงสื้อสื้อขนาดนี้ แต่ในใจของเธอก็ยังไม่มีที่สำหรับเขาแม้แต่นิดเดียว

สามปีมานี้ เขาปฏิบัติต่อเธอแบบจริงใจตลอดเวลา

แต่เธอไม่รู้ว่าแกล้งโง่หรือโง่จริงๆ เธอมักเมินเฉยต่อการบอกรักของเขาอยู่เสมอ จิ้นเฟิงเฉินเก่งมากจริงๆอย่างนั้นหรือ?

ในใจของเธอนั้น เขาเป็นคนดีมากอย่างนั้นเหรอ?

เขารู้ตัวว่าตนเองไม่ได้เป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุด แต่อย่างน้อยเขาก็มีความสามารถเพียงพอที่จะคู่กับเธอได้

อีกทั้งเขายังเป็นคนที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้

ต่อให้เธอไม่ชอบเขา และตอนนี้ในหัวใจเธอไม่มีเขา แต่เขาก็ไม่รังเกียจที่จะค่อยๆปลูกฝังความรู้สึกไปด้วยกัน เขาสามารถให้เวลาเธอได้มากตามที่เธอต้องการ

แต่ว่า...... ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาแพ้ตั้งแต่จุดเริ่ม

ดวงตาคู่นั้นจ้องไปยังเตียงผู้ป่วย ราวกับว่ามีคนนอนอยู่บนนั้น

บุหรี่ที่อยู่ตรงปลายนิ้วค่อยๆเผาไหม้และมีควันลอยฟุ้ง เขาดูดมันเข้าไปอย่างหนักเป็นบางโอกาส จากนั้นก็ค่อยๆ พ่นควันออกมา

เนื่องจากเขาหันหลังให้กับพยาบาลคนนั้น เธอจึงมองไม่เห็นถึงสีหน้าอารมณ์ของฝู้จิงเหวิน

แต่ดูจากแผ่นหลังก็สามารถเดาได้ว่าตอนนี้อารมณ์เขาไม่ดีแน่

ฝู้จิงเหวินมองไปยังถ้วยเก็บความร้อนที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็ยิ้มเยาะเย้ยตนเอง

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และกดเบอร์มือถือลงไป

ท่าทางของเขาช่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเบอร์โทรนั้นเขาจำได้ขึ้นใจ

หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ในที่สุดเขาก็กดปุ่มโทรออก

โทรศัพท์อีกฝ่ายหนึ่งดังขึ้น จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตามองดูโทรศัพท์มือถือที่กำลังส่องสว่างอยู่บนหัวเตียง เป็นโทรศัพท์ของเจียงสื้อสื้อ

เขาไม่ได้แม้แต่จะคิด รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดรับ

เบอร์โทรศัพท์นี้ไม่ได้ทำการบันทึกเอาไว้ เป็นเพียงตัวเลขแปลกหน้า

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วเข้าหากัน ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา เขาได้ทักทายก่อนว่า “สวัสดีครับ?”

ฝู้จิงเหวินที่อยู่ในโรงพยาบาล เมื่อเขาได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสายก็กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น

รออยู่นั่นนานทีเดียวเมื่อเห็นว่าผู้ที่โทรมาไม่ยอมพูดอะไร จิ้นเฟิงเฉินจึงไม่อยากจะอดทนอีกต่อไป

ในไม่ช้าโทรศัพท์ก็ถูกรับสายคืน แม้ว่าอีกฝั่งหนึ่งยังไม่ได้พูดอะไรออกมา พยาบาลสาวคนนั้นรู้ดีว่าเขากำลังรอให้ตนรายงาน

“เจ้านายคะ เป็นไปอย่างที่จื่อเฟิงพูด ความรักที่ฝู้จิงเหวินมีให้กับเจียงสื้อสื้อนั้นมากเกินกว่าที่พวกเราคาดเดาเอาไว้ คนคนนี้พวกเราใช้ประโยชน์จากเขาได้”

ใช้ประโยชน์จากความรักที่เขามีต่อเจียงสื้อสื้อ มาจัดการจิ้นเฟิงเฉิน

เมื่อพูดจบเธอก็หยุดลงและรอให้เจ้านายกำชับคำสั่งออกมา

“ดีมาก!”

ผู้ชายในสายหัวเราะขึ้นและพูดออกมาเพียงแค่สองคำ เรียบง่ายแต่ทำให้คนฟังรู้สึกมีแรงกดดัน

พยาบาลคนนั้นยืนนิ่งอยู่กับที่และฟังเสียงของชายที่อยู่ปลายสายว่า

“เรื่องนี้ผมมอบให้คุณรับผิดชอบแล้วกัน ส่วนจะทำอย่างไรนั้นผมไม่ต้องสอนคุณใช่ไหม?”

“ไม่ต้องค่ะ”

พยาบาลสาวรีบตอบรับทันควัน น้ำเสียงของเธอดูเยือกเย็นเล็กน้อย ไม่ได้มีอารมณ์โกรธแต่อย่างใด ราวกับหัวใจของคนอันเยือกเย็นในฤดูหนาวที่ไร้ความรู้สึก

ร่างอันสูงสง่าของชายหนุ่มนั่งอยู่ในห้องทำงานอันหรูหรา เขากำลังพิงอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์

หลังจากฟังรายงานของเธอเรียบร้อยแล้วเขาก็ค่อยๆยิ้มขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นช่างน่ากลัว และทำให้คนต้องตัวสั่น

น้ำเสียงอันเยือกเย็นของเขาแฝงไปด้วยความแข็งแกร่งแรงกดดันและอำนาจ “ถ้านังผู้หญิงคนนั้นมีผลกระทบต่อจิ้นเฟิงเฉินจริงๆละก็ คุณรีบไปจัดการเธอให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาแล้วสิ่งที่คุณต้องการได้ผมจะไม่ให้ขาดแม้แต่นิดเดียว”

เมื่อชายหนุ่มพูดจบ สายตาอันลึกล้ำของเขาก็จ้องมองไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์

มันเป็นเอกสารที่ผู้ช่วยของเขาส่งมาให้ นิ้วมือเรียวงามเคาะไปที่แป้นพิมพ์

“ทำตามที่ผมบอกเมื่อสักครู่ อีกอย่างจงหาโอกาสให้ดีในการลงมือ อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดอะไรได้ ถ้ามีเรื่องด่วนให้รีบรายงานผมทันที”

น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นชาราวกับตกอยู่ในขุมนรก

“เข้าใจแล้วค่ะ”

หญิงสาวยิ้มขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนต้องรู้สึกถึงความเยือกเย็น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!