ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 789

สรุปบท บทที่ 789 ขับรถเที่ยว: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

อ่านสรุป บทที่ 789 ขับรถเที่ยว จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บทที่ บทที่ 789 ขับรถเที่ยว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 789 ขับรถเที่ยว

คำถามจริงจังจากเสี่ยวเป่า เมื่อทุกคนได้ยินก็พากันหัวเราะออกมา

แม่จิ้นหน้าแดง และหันไปทำหน้าดุใส่พ่อจิ้น

คิดไม่ถึงว่าเถียนเถียนจะพูดเสริมขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างออดอ้อนว่า “เถียนเถียนก็นอนไม่หลับค่ะ......”

ตอนนี้แม้แต่แม่จิ้นก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปเธอหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับทุกคน

ในคืนนั้นจิ้นเฟิงเหราแอบย่องไปตอนที่แม่จิ้นกำลังหลับและพาตัวส้งหวั่นชีงกลับไปที่ห้องของตน

ที่จริงแล้วแม่จิ้นรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ เพียงแต่เธอเลือกที่จะปิดตาข้างหนึ่งเท่านั้นเอง

เช้าวันต่อมาหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเด็กๆทั้งสองคนก็ขึ้นไปเล่นของเล่นกับแม่จิ้นด้านบน

เจียงสื้อสื้อไม่มีอะไรทำ เธอจึงได้แต่เดินไปที่ห้องดอกไม้และเงยหน้ามองดูเพดานอย่างเหม่อลอย

ในขณะที่เธออาบแดดและสูดดมกลิ่นดอกไม้หอมกรุ่นเหล่านี้และกำลังจะผล็อยหลับไป อยู่ๆก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันสม่ำเสมอดังขึ้น

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร เจียงสื้อสื้อจึงได้เอนกายลงบนเก้าอี้แขวน กอดหมอนด้วยท่าทางง่วงนอน

เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามาก็พบกับภาพตรงหน้า หญิงสาวอันเป็นที่รักของเขากำลังนอนอาบแดดอยู่อย่างสบายอารมณ์

ดอกกุหลาบเถาข้างๆถูกสายลมพัดเสียจนกลีบดอกกระจัดกระจาย

เขาค่อยๆเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ และเมื่อมองดูใบหน้าของเธอที่หลับไหลก็อดไม่ได้ก้มลงไปใกล้ๆ

เจียงสื้อสื้อที่นอนหลับอยู่อย่างแผ่วเบาและกำลังจะหลับสนิท รู้สึกว่าจู่ๆด้านหน้าก็มืดขึ้น

จึงได้ลืมตามองดูและพบใบหน้าอันหล่อเหลาของจิ้นเฟิงเฉินอยู่ตรงหน้าเธอ

ดวงตาของทั้งสองคนประสานกันโดยบังเอิญ เจียงสื้อสื้อตกตะลึงและรีบผลักเขาออกเพื่อลุกขึ้นนั่ง

ความต้องการที่จะแอบจูบเธอตอนหลับใหลของจิ้นเฟิงเฉินถูกจับได้ จึงได้ยิ้มออกมาอย่างเขินอายและนั่งลงข้างๆเธอ

“เบื่อใช่ไหมครับ?”

จิ้นเฟิงเฉินเอื้อมมือไปจับมือของเจียงสื้อสื้อมาเล่นอยู่ในมือของเขา

เจียงสื้อสื้อไม่คุ้นเคยกับการใกล้ชิดสนิทสนมกันแบบนี้มาก่อน เธอจึงหันไปทางประตูและพบว่าไม่มีใครจึงรู้สึกโล่งอก

สองวันมานี้เธอเองก็เริ่มเคยชินกับการเข้าใกล้ของผู้ชายคนนี้อย่างกระชั้นชิด

จิ้นเฟิงเฉินใช้มืออันหนาแน่นของเขาโอบไหล่ของเธอเบาๆให้เธอพิงอยู่ตรงหน้าอก

แรกเริ่มเจียงสื้อสื้อรู้สึกแข็งกระด้างเล็กน้อยจากนั้นจึงค่อยๆปรับตัวเข้ากับความรู้สึกนี้

ต่อมาเธอจึงพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า “ก็ยังไม่เท่าไหร่ค่ะ เพียงแต่อยู่ๆก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี เลยทำตัวไม่ค่อยถูกนะคะ”

จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะขึ้นมา แรงสั่นสะเทือนจากหน้าอกของเขาทำให้เจียงสื้อสื้ออยากจะใกล้เข้าใกล้เขาให้มากกว่านี้

เพียงแต่ว่า เธอคงกล้าแค่จะคิดเท่านั้น

ดูเหมือนจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จิ้นเฟิงเฉินจึงได้ใช้แขนของเขาทั้งสองข้างโอบเธอเข้ามาไว้เบาๆ

หลังจากนั้นเขาก็เสนอความคิดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นเราไปเที่ยวกันดีไหมครับ? รอบๆนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังใกล้ๆมากมาย พวกเราไปเดินเล่นกันสักหน่อยก็น่าจะไม่เบื่อมากเกินไป?”

หัวใจของเจียงสื้อสื้อหวั่นไหวเล็กน้อย ข้อเสนอที่เขาพูดออกมาทำให้เธอตื่นเต้นมากจริงๆ

เธอไม่เคยชินกับสถานที่ต่างๆเหล่านี้ ใช้โอกาสนี้ไปทำความคุ้นเคยบ้างก็คงดี

ส่วนในใจของจิ้นเฟิงเฉินกลับคิดว่า ถ้าพวกเขาสองคนมีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองมากขึ้น จะมีประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ของเขาทั้งสอง

“ฉันไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี คุณมีสถานที่แนะนำไหมคะ?”

เจียงสื้อสื้อเงยหน้ามองดูเขา จึงได้เห็นว่าดวงตาของเขากำลังจ้องเธออยู่ ดังนั้นเธอเลยก้มหน้าด้วยความเขินอาย

“เรื่องนี้เดี๋ยวพวกเราไปถามเฟิงเหราก็ได้ เจ้าหมอนั่นชอบท่องเที่ยวอยู่แล้ว แถวนี้มีอะไรน่าสนุกบ้าง ผมว่าเขาคงจะรู้ดีกว่าใครๆ”

รถติดอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ในที่สุดท้องฟ้าก็ค่อยๆกลับกลายเป็นสีเทา

จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่เมฆหนาบนท้องฟ้า พร้อมกับลางสังหรณ์บางอย่าง เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูพยากรณ์อากาศและพบว่าอีกสักพักจะมีพายุเข้า

ขบวนรถยาวเหยียดเริ่มขยับขึ้นเล็กน้อย จิ้นเฟิงเฉินจึงได้ถอนหายใจออกมา และตั้งใจว่าจะต้องลงจากทางด่วนให้ได้ก่อนที่ฝนตก

หลังจากขับไปได้ประมาณ 10 กว่านาที ฝนเม็ดใหญ่ขนาดเม็ดถั่วก็เริ่มตกลงมากระทบกับกระจกรถ ราวกับท้องฟ้าถูกแทงจนรั่ว ฝนกระหน่ำตกลงมาเรื่อยๆ

เจียงสื้อสื้อเริ่มกังวลขึ้นมาทันใด “เราจะลงจากทางด่วนทันไหมคะ ฝนตกหนักจังเลยฉันกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย”

หลังจากมองไปรอบๆรถ จิ้นเฟิงเฉินจึงได้ปลอบโยนว่า “น่าจะได้ครับ พวกเราจะลงจากทางด่วนตรงข้างหน้านี้”

ผ่านไปประมาณ 10 นาทีในที่สุดพวกเขาทั้งหลายก็ลงออกจากทางด่วนได้เสียที แต่ขับไปได้ไม่นานรถของพวกเขาก็ติดหล่ม

จิ้นเฟิงเฉินไม่รู้จะทำอย่างไร จึงทำได้เพียงลงจากรถสวมเสื้อกันฝนที่สำรองไว้ แล้วกำชับว่า “ผมจะไปดูว่าข้างหน้ามีใครช่วยพวกเราได้ไหม คุณรอผมอยู่ที่นี่นะ”

เมื่อพูดจบเขาก็วิ่งหายเข้าไปท่ามกลางสายฝน ทิ้งให้เจียงสื้อสื้อและเด็กอีก 2 คนรออยู่ในรถ

เมื่อมองตามร่างเขาที่ค่อยๆเลือนหายไป ในใจของเธอก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา

โชคดีที่จิ้นเฟิงเฉินกลับมาได้อย่างรวดเร็ว และพาพวกเธอไปเข้าพักยังGuest Houseเก่าแก่ที่อยู่ไม่ไกลนัก

ประตูไม้ถูกเปิดออกเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด คุณยายเดินถือหม้อชาน้ำขิงเข้ามา บังเอิญพบเข้ากับจิ้นเฟิงเฉินที่ถือแก้วน้ำร้อนเข้ามาให้เจียงสื้อสื้อ

คุณยายยิ้มขึ้นอย่างใจดีแล้วพูดว่า “แม่หนูช่างโชคดีจริงๆเลย ลูกๆก็น่ารัก สามีก็ใจดีแล้วก็รักเธอมาก”

เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างเขินอาย

เมื่อค่ำคืนมาถึง ฝนเริ่มหยุดลง มีเพียงเสียงเม็ดฝนที่ตกลงมาจากชายคาบ้านยังคงดังเป็นจังหวะ

เจียงสื้อสื้อนอนอยู่บนเตียงและมองไปยังชายหนุ่มกับเด็กๆ ที่นอนหลับสนิท ในใจของเธอรู้สึกอบอุ่นและพอใจเป็นอย่างมาก

เสียงเม็ดฝนที่ตกลงมาเป็นจังหวะทำให้เจียงสื้อสื้อค่อยๆผล็อยหลับไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!