บทที่ 824 ฉันเป็นคนรักเก่าของสามีคุณ – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!
ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 824 ฉันเป็นคนรักเก่าของสามีคุณ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 824 ฉันเป็นคนรักเก่าของสามีคุณ
ฟางเสว่มั่นขยับที่วางโทรศัพท์มือถือให้เข้าที่ สีหน้าของเธอปรากฏถึงรอยยิ้มอันใจดีออกมา
“สองคนเราสบายดีใช่ไหม?”
เจียงสื้อสื้อตอบว่า “อืม” เบาๆ “ก็ดีค่ะ”
เธอสังเกตถึงใบหน้าของฟางเสว่มั่น และพบอาการเจ็บป่วยที่ไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้
เจียงสื้อสื้อรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล แต่เพราะกลัวว่าฟางเสว่มั่นจะเห็น ดังนั้นเธอจึงก้มหน้าลงไป
เมื่อเห็นว่าเจียงสื้อสื้อมีท่าทางที่เปลี่ยนไป จิ้นเฟิงเฉินจึงได้ตบลงบนบ่าของเธอเบาๆเป็นการปลอบโยน
“สื้อสื้อ”
น้ำเสียงของฟางเสว่มั่นดูอ่อนโยนมาก และหากฟังดีๆจะพบว่าน้ำเสียงของเธอสั่นคลอนเล็กน้อย “โตขนาดนี้แล้วทำไมไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี ดูสิ ผอมจนเห็นกระดูกแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็ขำแล้วพูดว่า “แม่คะ อย่างหนูเรียกว่าผอมเหรอคะ? หนูก็มีเนื้อมีหนังนะ ไม่เชื่อแม่ดูสิ”
เธอพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจังและหยิบเนื้อตรงแก้มตัวเอง
แต่ความจริงก็ปรากฏให้เห็นว่า เธอพยายามจับอยู่หลายทีกว่าจะจับถูกเนื้อ ทำเอาหน้าของเธอเจ็บเล็กน้อย
ช่วงหลายวันมานี้เธอวิ่งวุ่นไปทั่ว จะไม่ให้ผอมลงได้อย่างไร การที่เธอทำเช่นนี้เพื่อต้องการให้แม่หายกังวลเท่านั้นเอง
“เอาละๆ แม่รู้แล้ว แต่ถ้าอ้วนกว่านี้สักหน่อยก็จะสวยขึ้นนะ”
จิ้นเฟิงเฉินกุมมือเธอเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งลูบไปที่ใบหน้าของเธอเบาๆ
“แม่คะ พวกเราสบายดี แม่และเด็กๆก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะคะ”
ทันใดนั้น เสี่ยวเป่าก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วออกมา มองไปทางเจียงสื้อสื้อแล้วพูดว่า “หม่ามี๊ครับ จะกลับมาเมื่อไหร่เหรอ? ผมคิดถึงจัง”
เถียนเถียนก็ส่งเสียงอืมๆอยู่ข้างๆเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เธอมองไปทางหม่ามี๊เพื่อรอฟังคำตอบ
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเจียงสื้อสื้อก็ดูขมขื่นลงอีกครั้ง
เอกสารของเธอทั้งหมดอยู่ในมือของฝู้จิงเหวิน หากว่าไม่ได้เอกสารกลับคืนมา คาดว่าเร็วๆนี้คงจะกลับไปไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินรู้ดีว่าเธอกำลังลำบากใจ จึงได้พูดขึ้นว่า “แด๊ดดี้มีโครงการอยู่ที่นี่ และเพิ่งอนุมัติครับ จะต้องอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง ตอนนี้ยังกลับไปไม่ได้นะ”
เด็กในหน้าจอทั้งสองคนนั้นก็คือเด็กอยู่วันยังค่ำ ทั้งสองคนยังไม่เข้าใจโลกภายนอก เมื่อได้ยินจิ้นเฟิงเฉินตอบดังนั้นก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรอีก
แต่เจียงสื้อสื้อที่จ้องมองภาพในหน้าจอมือถือมีความกังวลใจซ่อนอยู่
เจียงสื้อสื้อตระหนักได้ว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ เธอจึงได้รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น
ผ่านไปไม่นาน เด็กน้อยทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาไม่หยุด
จิ้นเฟิงเฉินโอบไหล่เจียงสื้อสื้อเอาไว้ ใช้นิ้วมือสัมผัสกับผิวอันบอบบางของเธอเป็นบางครั้ง และตอบคำถามบ้างบางที
ภาพนี้มันช่างกลมกลืนและอบอุ่นเหลือเกิน
ผ่านไปเนิ่นนาน จนในที่สุดเจียงสื้อสื้อมองไปยังใบหน้าของฟางเสว่มั่นที่เผยถึงความเหนื่อยล้าออกมา เธอจึงได้วางสายลงอย่างอาลัยอาวรณ์
จิ้นเฟิงเฉินสูบลงที่ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อเบาๆแล้วปลอบใจว่า “ร่างกายของแม่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว คุณไม่ต้องกังวลจนมากเกินไปหรอกครับ”
ทั้งสองคนยืนใกล้ชิดกัน เจียงสื้อสื้อหลับตาลง เธอถูไถบริเวณหัวไหล่ของเขา
“ค่ะฉันรู้ ฉันก็แค่คิดถึงพวกเธอ”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไรออกมา นิ้วมือเรียวยาวของเขาลูบไล้ไปที่ผมของเจียงสื้อสื้อเป็นระยะๆ “ไม่นานหรอกครับ เราจะต้องนำเอกสารกลับมาและผมจะพาคุณกลับไป”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าไม่ได้พูดอะไรอีก ผ่านไปหลายนาทีในที่สุดอารมณ์ของเธอก็กลับมาเป็นปกติ
“ไปทานข้าวกันเถอะค่ะฉันหิวแล้ว”
“ได้เลยครับ”
......
เจียงสื้อสื้อชะงักลงทันที เธอส่งคำถามผ่านทางแววตาที่มองไปยังจิ้นเฟิงเฉิน
ตอนนี้แววตาของจิ้นเฟิงเฉินเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง สายตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างของชีซา แล้วพูดตักเตือนขึ้นว่า “ดึกดื่นขนาดนี้คุณมาที่นี่เพื่อหาที่ตายหรือไง?”
เมื่อพบว่าสายตาของจิ้นเฟิงเฉินบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ชีซาจึงได้รีบพูดขึ้นว่า
“ไม่ๆๆ ฉันพูดผิด ไม่ใช่คนรักเก่า แต่เป็นบัดดี้เก่าต่างหาก พวกเราเป็นบัดดี้ที่รู้จักกันมานานหลายปีมาก!”
เธอยิ้มไปทางจิ้นเฟิงเฉิน ราวกับว่าคำพูดเมื่อสักครู่จึงจะเป็นเรื่องตลกที่ล้อเล่น
เดิมทีดินเนอร์ที่แสนจะโรแมนติกนี้กลับถูกขัดจังหวะเข้า จึงทำให้รู้สึกอึดอัดใจเหมือนกับมีกลิ่นดินปืนปกคลุมไปทั่ว สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งเยือกเย็นเข้าทุกที
เมื่อเจียงสื้อสื้อเห็นดังนั้นเธอก็ยิ้มออกมาและยื่นมือไปจับทักทายกับเธอกลางอากาศพูดขึ้นว่า “สวัสดีค่ะฉันชื่อเจียงสื้อสื้อ”
เมื่อได้ยินเธอพูด ดวงตาลึกๆของชีซาก็เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองราวกับกำลังตรวจเช็คเจียงสื้อสื้อ แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่ววินาที
เจียงสื้อสื้อชักมือกลับ แล้วหยิบกระดาษทิชชูเช็ดตรงปลายนิ้ว “พอดีพวกเรายังไม่ได้เริ่มทานเลยค่ะ คุณชีซาถ้าไม่รังเกียจร่วมรับประทานด้วยกันไหมคะ?”
เมื่อได้ยินคำเชิญชวนจากเจียงสื้อสื้อ ชีซาก็ไม่เกรงใจต่อไปเธอตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ก็ดีค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ขอขัดขืนคำสั่งแล้วกันนะ ฉันเองก็กำลังหิวพอดี”
เมื่อเห็นว่าชีซานั่งลงอย่างเป็นทางการแล้ว สายตาของจิ้นเฟิงเฉินก็บ่งบอกถึงความไม่พอใจ
แต่เมื่อเห็นว่าเจียงสื้อสื้อไม่มีปฏิกิริยาอะไรออกมา เขาจึงไม่ได้พูดอะไร
ทันใดนั้นเอง เจียงสื้อสื้อก็เข้าไปโอบแขนของจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า
“ฉันอยากดื่มซุปจังเลยค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินทำท่าทางแข็งทื่อ แต่ไม่นานต่อมาใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้ม ปลายนิ้วของเขาสัมผัสที่ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อ แล้วพูดด้วยความทะนุถนอมว่า “ครับผม”
หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นไปตักน้ำซุปให้กับเจียงสื้อสื้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!