บทที่ 829 ควรให้พวกเขาสมหวัง
ร่างกายของจิ้นเฟิงเฉินสั่นเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงมาก่อนว่าฝู้จิงเหวินจะช่วยปกปิดพวกเขา
หากว่าข่ายสื้อลินรู้ว่าพวกเขามาที่นี่คงจะไม่สามารถออกจากบ้านหลังนี้ได้ง่ายๆแน่
เมื่อมองไปรอบๆ บ้านของฝู้จิงเหวินตกแต่งค่อนข้างเรียบง่าย ไม่มีของชิ้นใหญ่อะไรกำบัง
หลังจากมองไปที่ประตูห้อง จิ้นเฟิงเฉินลังเลเล็กน้อย เนื่องจากนั้นเป็นห้องนอนเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
ในขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น ฝู้จิงเหวินได้รีบเข้ามาเปิดประตู แล้วส่งสัญญาณให้พวกเขาทั้งสองเข้าไป
ข่ายสื้อลินที่อยู่ด้านนอกเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา ก็เคาะประตูอย่างไม่ลดละ
หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อเข้าไปซ่อนตัวแล้ว ฝู้จิงเหวินก็จัดแจงเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อยก่อนเดินลงไปชั้นล่างเพื่อเปิดประตู
ข่ายสื้อลินมองดูใบหน้าของฝู้จิงเหวินที่มีเส้นเลือดฝาดเล็กน้อย และถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมนานจังเลย?”
ฝู้จิงเหวินหันหลังเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างช้าๆแล้วกลับไปนั่งที่เดิม ตอบว่า "เปลี่ยนเสื้ออยู่"
ข่ายสื้อลินมองไปยังเสื้อของฝู้จิงเหวิน ดูเหมือนยังคงเป็นเสื้อตัวเมื่อวานอยู่
อีกทั้งขอบเสื้อกับคอปกค่อนข้างเรียบร้อยคล้ายกับถูกตั้งใจจัดแจง แต่จากท่าทางที่รีบร้อนของเขาเมื่อครู่ ไม่น่าจะจัดแจงได้ละเอียดขนาดนี้
ข่ายสื้อลินเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ และใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเสมอ เธอค่อนข้าง sensitive และตอนนี้เธอก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจ
เมื่อมองไปรอบๆพบว่าบนโต๊ะน้ำชามีเพียงชาแก้วหนึ่งที่เย็นชืด ถูกดื่มไปเพียงไม่กี่อึก
ไม่มีแก้วใบอื่นๆตั้งอยู่ แต่ข่ายสื้อลินก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
สายตาของเธอกลอกไปมา รู้ดีว่าหากถามเขาไปตรงๆจิ้นเฟิงเฉินคงไม่บอกแน่ อีกทั้งจะระมัดระวังมากกว่านี้
จึงได้ยิ้มขึ้นเล็กน้อยและพูดติดตลกว่า “ดิฉันมารับท่านไปยังศูนย์วิจัย ไม่ทราบว่าท่านเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วหรือยังคะ?”
ฝู้จิงเหวินลุกขึ้นยืนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยพูดว่า “ครับ ผมไปเอาเสื้อคลุมแล้วก็ออกเดินทางได้”
ข่ายสื้อลินยิ้มกลับแล้วมองตามฝู้จิงเหวินที่เดินเข้าไปในห้องนอน
เมื่อพบว่าฝู้จิงเหวินเดินเข้าไปในห้องแล้วข่ายสื้อลินก็จ้องมองไปทั่วทิศทาง สายตาของเธอตกอยู่ที่ประตูห้อง ซึ่งฝู้จิงเหวินทำการล็อกจากด้านใน
สัญชาตญาณบอกกับเธอทันทีว่าฝู้จิงเหวินซุกซ่อนใครไว้ข้างในบ้าน
และมีทางเป็นไปได้สูงที่จะอยู่ในห้องนอนเขา
ข่ายสื้อลินก้าวขาออกไปเบาๆและเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ราวกับวิญญาณที่ไม่มีเสียง
ฝู้จิงเหวินเดินเข้าไปข้างใน เพื่อต้องการจะบอกกับจิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อว่า ให้ออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่จึงจะปลอดภัยที่สุด
แต่คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันจะพูดอะไรออกมา สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็เคร่งขรึมลงทันที แล้วนำตัวเจียงสื้อสื้อเข้าไปซุกอยู่ในห้องน้ำ
ต่อให้ฝีเท้าของข่ายสื้อลินจะเบาเพียงใด แต่จิ้นเฟิงเฉินก็ยังสัมผัสได้
กระทั่งแม้ว่าเขาจะนำตัวเจียงสื้อสื้อเข้าไปซ่อนในห้องน้ำก็ไม่กล้าที่จะล็อกประตู เนื่องจากกลัวว่าถ้าเกิดเสียงดังขึ้น จะทำให้ข่ายสื้อลินรู้สึกผิดสังเกต
ข่ายสื้อลินค่อยๆเปิดประตูออกอย่างช้าๆและมองไปรอบๆ
ฝู้จิงเหวินเข้าใจการกระทำของจิ้นเฟิงเฉินดี และรู้สึกโมโห จึงได้หันไปตะคอกใส่ข่ายสื้อลินว่า “คุณทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง? เจ้านายของคุณไม่เคยสั่งสอนหรือว่าอย่าเข้าห้องคนอื่นโดยพลการ?!”
ข่ายสื้อลินเก็บมือของเธอกลับมาอย่างลำบากใจเล็กน้อย เธอยิ้มและอธิบายว่า “ฉันแค่กลัวว่าบ้านของคุณจะมีขโมยขึ้น บ้าน”
ฝู้จิงเหวินส่งเสียงอย่างเย็นชา เขาชี้ไปที่ด้านนอกประตูพร้อมออกคำสั่งขับไล่ว่า “ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณหรอก คุณออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ผมไม่จำเป็นต้องให้คุณมารับ เดี๋ยวผมไปเองได้”
สายตาของข่ายสื้อลินยังคงจับจ้องไปที่ลูกบิดประตูชั่วขณะ แต่ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้และโค้งคำนับก่อนจะถอยตัวออกไป
เนื่องจากว่าชีวิตของเธอในตอนนี้ยังอยู่ในกำมือของฝู้จิงเหวิน
หากทำให้เขาโมโหก็ไม่มีอะไรดีต่อเธอ
เมื่อเห็นร่างของข่ายสื้อลินค่อยๆหายไปจากสายตา ฝู้จิงเหวินถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำแล้วพูดว่า “ออกมาเถอะ”
เมื่อผ่านประตูเข้าไปก็พบกับภาพที่เจียงสื้อสื้ออยู่ในอ้อมแขนของจิ้นเฟิงเฉินอย่างแนบชิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!