จากนั้น กู้เนี่ยนที่ติดตามจิ้นเฟิงเฉินอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ ก็ได้ก้าวขึ้นรถเพื่อไปนำรถขับมา จอดหน้าจิ้นเฟิงเฉินอย่างช้าๆ
จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยทักทายฟางเฉิงและลูกชายของเขาก่อนจะออกไป
ระหว่างทางกลับโรงแรม กู้เนี่ยนขับรถพลางมองไปที่คุณชายของเขาผ่านกระจกมองหลัง
“คุณชายครับ คิดว่าSAกรุ๊ปจะยกเลิกร่วมมือกับเราไหม?”
“ยกเลิกเหรอ? ไม่แน่”
จิ้นเฟิงเฉินดูเหมือนจะยิ้มและมองออกไปนอกหน้าต่างคิดถึงบางสิ่งอยู่
แม้ว่าพิเอร์สจะไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนในตอนนี้ แต่เมื่อสังเกตจากปฏิกิริยาของเขา เห็นได้ว่าเขาสนใจเรื่องนี้มาก
“คุณชายครับ นี่หมายความว่าอย่างไร?”
กู้เนี่ยนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความงง
จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบ แต่กลับถามขึ้นมาว่า “คุณคิดว่าพิเอร์สเป็นยังไงบ้าง?”
“ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ลึกซึ้งมาก มันไม่ง่ายที่จะมองออกว่าเขาคิดอะไรอยู่”
กู้เนี่ยนตอบอย่างตรงไปตรงมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาและจิ้นเฟิงเฉินไม่เคยปิดบังอะไรกัน
จิ้นเฟิงเฉินเอนกายลงตรงที่นั่งและนำมือขึ้นนวดขมับ พยายามจะบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะหลังจากดื่มเมื่อครู่ “คนที่สามารถรับผิดชอบตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของSAกรุ๊ปได้ เราจะมองความคิดของเขาไม่ออกแน่นอน”
กู้เนี่ยนติดตามเขามาหลายปีและมีประสบการณ์มากมาย และเขาจะไม่สงสัยในความสามารถของคุณชายของตนแน่
เพียงว่าเมื่อต้องเผชิญกับSAกรุ๊ปที่ลึกลับเช่นนี้ ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
เขาขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “แล้วคุณคิดว่าโอกาสที่เขาร่วมมือกับเรามีมากไหม?”
“น่าจะมาหาเราภายในสองสามวันนี้แหละ รอดูได้เลย”
จิ้นเฟิงเฉินหันศีรษะและมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง เขามองไปยังถนนที่มีคนพลุกพล่าน และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสื้อสื้อและลูกอีกสองคนของเขา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้เนี่ยนก็พยักหน้า “ครับ”
หลังกลับมาถึงโรงแรม จิ้นเฟิงเฉินยังไม่ทันได้ถอดเสื้อนอกออก เขาแทบอดใจรอที่จะวิดีโอคอลหาเจียงสื้อสื้อไม่ไหว
“ที่รักครับ ทำอะไรอยู่?”
เนื่องจากดื่มไวน์เข้าไป ทำให้เสียงจิ้นเฟิงเฉินดูอืดอาด ความเร็วในการพูดของเขาก็ช้าลงเล็กน้อย
เจียงสื้อสื้อได้ยินก็รู้ทันที “คุณดื่มแอลกอฮอล์ใช่ไหมคะ?”
ฟังดูเหมือนว่าเธอกำลังตำหนิจิ้นเฟิงเฉินอยู่ แต่ใครก็ตามที่ไม่ได้ตาบอกก็สามารถเห็นได้ว่าเธอรู้สึกเป็นห่วงจิ้นเฟิงเฉิน
“เปล่า......”
จิ้นเฟิงเฉินทำท่าจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่อยากโกหกเธอ เขาพูดออกมาเพียงคำเดียวก็ต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจว่า “ดื่มมานิดหน่อยครับ”
“คุณโกหก ถ้าดื่มแค่นิดหน่อยคุณจะไม่เป็นแบบนี้”
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจเมื่อมองไปยังดวงตาแดงก่ำของชายหนุ่มคนนั้นหลังจากดื่มสุรา
เขาทำเพื่อพวกเธอ ทำเพื่อครอบครัว จึงจำเป็นต้องเข้าสังคม
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มและปลอบโยนว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหน ผมดื่มไปแค่นิดเดียวจริงๆ”
“นั่นไม่ใช่นิดหน่อยแน่ๆ คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ? ถึงขนาดกลับห้องไปคุณยังไม่ถอดเสื้อคลุมด้วยซ้ำ”
เจียงสื้อสื้อ ทำเป็นบ่นเขาอย่างโมโห
แต่เธอรู้สึกกังวลมากกว่า ถ้าตอนนี้เธออยู่เคียงข้างเขาก็คงดี
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็ก้มหน้าลงมองดูตัวเอง เขาไม่ได้ถอดเสื้อจริงๆด้วย
เพื่อไม่ต้องให้สื้อสื้อกังวลอีกต่อไป เขาจึงทำท่าทางสดชื่นและเปลี่ยนเรื่องคุยว่า “เสี่ยวเป่า กับเถียนเถียนล่ะ หลับแล้วเหรอ?”
อันที่จริง เจ้าตัวเล็กสองคนมักวิ่งอยู่รอบตัวจนคุ้นเคยกับเสียงเล่นของพวกเขา แต่จู่ๆก็หายไปทำให้ไม่ชินเท่าไหร่นัก
“แด๊ดดี้ ผมอยู่นี่!”
“แด๊ดดี้ หนูก็อยู่นี่ค่ะ!”
ทันทีที่จิ้นเฟิงเฉินพูดจบ เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนก็ปรากฏตัวต่อหน้ากล้องทันที
จิ้นเฟิงเฉินชะงักไปครู่หนึ่งและหัวเราะขึ้น “ฮ่าๆ เจ้าตัวเล็กทั้งสองคนรู้จักหลอกคนให้ตกใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ปกติเขามักได้ยินเสียงวิ่งเล่นของสองพี่น้องดังขึ้นมาเสมอ แต่วันนี้เขาไม่ได้ยิน ตอนแรกยังสงสัยว่าสองคนนั้นหลับไปแล้วหรือเปล่า
คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจงใจจะซ่อนตัวและทำให้เขาตกใจ เจ้าสองคนนี่ร้ายขึ้นทุกวันแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!