ที่ด้านนอกประตู ฟางเฉิงเคาะอยู่หลายครั้งก่อนจะดึงมือกลับ และเดินไปเดินมาอย่างกังวล
เช้าตรู่ของวันนี้ เขาไปยังฟางซื่อกรุ๊ปเพื่อจัดการประชุมผู้ถือหุ้น และได้ยินพนักงานคนในบริษัทกำลังพูดถึงฟางยู่เชิน
พนักงานหญิงหลายคนรวมตัวกันเพื่อนินทาไปตามประสา
“ฉันได้ยินมาว่าคราวนี้ประธานฟางสามารถคว้าโครงการพันล้านหยวนมาได้ น่าทึ่งมากจริงๆ”
“ก็นั่นน่ะสิ ท่านประธานฟางทั้งหล่อทั้งมีความสามารถขนาดนี้ ถ้าใครได้แต่งงานกับเขาก็คงไม่ต่างไปจากพบเจอขุมสมบัติเลย"
“ถ้าฉันฉลาดได้สักเพียงครึ่งของประธานฟาง ก็คงไม่ต้องมาเป็นพนักงานเล็กๆอยู่ที่นี่หรอก เฮ้อ”
“......”
คำพูดที่ลอยเข้ามาในหัวของฟางเฉิง ทำให้เขาถึงกับตกตะลึงอยู่ชั่วครู่
พันล้าน?
ประธานฟางคนไหนกัน?
ถ้าเป็นฟางอี้หมิง คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้
เขามีท่าทีตื่นตระหนกและเดินไปยังห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ก็ได้เห็นฟางยู่เชินและคุณท่านฟางกำลังพูดคุยกันอยู่ด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่ฟางยู่เชินเห็นฟางเฉิง เขาก็หันไปกล่าวทักทายว่า “คุณลุงใหญ่ มาแล้วเหรอครับ”
“อืม”
ฟางเฉิงกำลังคิดเรื่องโครงการพันล้านดอลลาร์อยู่ จึงได้พยักหน้าตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินไปนั่ง
เขายังไม่ทันจะได้นั่งลงดี คุณท่านฟางก็เริ่มเอ่ยชมว่า “นี่ฟางเฉิง ครั้งนี้ยู่เชินทำผลประโยชน์ให้กับตระกูลเรามากมายจริงๆ เราได้เซ็นสัญญากับโครงการมูลค่ากว่าหนึ่งพันล้านหยวนเชียว ถึงเวลาแล้วที่ต้องให้อี้หมิงมาเรียนรู้กับยู่เชินบ้าง จะได้ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เก่าๆ”
ประธานฟางที่พนักงานเหล่านั้นพูดถึงก็คือฟางยู่เชิน?!
ฟางเฉิงแอบกัดฟันกรอด มือของเขากำแน่นด้วยความโกรธเอาไว้ใต้โต๊ะ พยายามระงับความไม่พอใจของเขา และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ครับพ่อ ที่พ่อพูดถูกแล้ว ผมคงต้องให้อี้หมิงมาเรียนรู้กับยู่เชินบ้าง”
ช่วงนี้เขากับฟางอี้หมิงมัวยุ่งกับเรื่องความร่วมมือกับSAกรุ๊ปมาระยะหนึ่งแล้ว เขาจะไปคิดได้อย่างไรว่าฟางยู่เชินจะสามารถทำโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านหยวนได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน!
ฟางยู่เชินที่นั่งอยู่ข้างๆรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณลุงพูดเกินไปแล้วละครับ ยังไงพี่ก็เก่งกว่าผมอยู่ดี”
ฟางเฉิงระงับอารมณ์ของเขาเอาไว้ เพื่อต้องการรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้ เขาจึงยิ้มและถามว่า “ว่าแต่ ไม่รู้ว่าโครงการพันล้านนี้......”
ยังไม่ทันพูดจบ ผู้ถือหุ้นก็ทยอยเข้ามากันเรื่อยๆ
คำถามที่นอกเหนือจากนี้ เขาก็ไม่กล้าจะถามต่อหน้าคนมากมาย ไม่อย่างนั้นจะดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเลย
ผ่านไปครู่หนึ่ง คุณท่านฟางเห็นว่าทุกคนมาครบแล้ว เขาก็ยิ้มและพูดว่า “การประชุมครั้งนี้ ผมขอเอ่ยเชยชมยู่เชินสักหน่อย เขาสามารถทำโครงการใหญ่เช่นนี้สำเร็จได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นับว่าเป็นทำคุณงามความดีให้แก่บริษัทเรามาก ผมเองก็เชื่อว่าฟางซื่อกรุ๊ปของเราจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆในอนาคต”
เรื่องที่ทำผลกำไรให้บริษัทได้นั้น ผู้ถือหุ้นทุกคนล้วนชื่นชมยินดี
เมื่อเสียงของคุณท่านฟางเงียบลง ผู้ถือหุ้นต่างก็พากันพูดต่อว่า
“นั่นสิ เราทุกคนเห็นความสามารถของยู่เชิน และเราก็เชื่อว่าฟางซื่อกรุ๊ปจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ”
“ยู่เชินอายุเท่านี้ แต่ความสามารถมากเกินพวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่เสียแล้ว เก่งจริงๆ”
......
ฟางยู่เชิน ได้ยินคำพูดเหล่านั้นจึงได้พูดอย่างสุภาพว่า “ทุกท่านชื่นชมกันเกินไปแล้วล่ะครับ การที่อีกฝ่ายเลือกที่จะร่วมมือกับเรา ก็เป็นเพราะตระกูลฟางของพวกเราแข็งแกร่ง และการที่ตระกูลฟางมีวันนี้มาได้ ก็เป็นเพราะผู้ใหญ่ทุกท่านที่มากความสามารถ ช่วยกันก่อตั้งขึ้นมาครับ”
คำเหล่านี้พูดได้ดีมาก
เขาไม่ถ่อมตัวจนเกินไป และในขณะเดียวกันก็ได้ยกย่องผู้ถือหุ้นเหล่านี้ด้วย
แต่คนที่สามารถนั่งในตำแหน่งเหล่านี้ได้ก็ไม่ใช่คนโง่ ไม่มีใครลุกขึ้นมาเอ่ยชมตัวเองเพียงเพราะคำพูดของฟางยู่เชิน
เมื่อเห็นว่าฟางยู่เชินเอ่ยชมกลับเช่นนั้น คุณท่านฟางก็พยักหน้าอย่างโล่งอก หากมอบฟางซื่อกรุ๊ปไว้ให้ฟางยู่เชินในอนาคต เขาคงจะวางใจได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!