บรรยากาศหนักอึ้ง ไม่มีใครพูดอะไร
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน กระทั่งจิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นมาก่อนว่า “ตอนนี้มีทางไหนไหมที่จะทำให้สื้อสื้อฟื้นฟูสุขภาพกลับมาเป็นปกติได้”
เมื่อโม่เหยียกำลังจะอ้าปากตอบ เขาก็เสริมอีกว่า “ยกเว้นเรื่องที่นายบอกก่อนหน้านี้ว่าควรให้ความสนใจ มียาตัวไหนที่สามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้เธอได้อีกไหม”
“พวกเราคิดวิธีแล้วครับ รออีกสองวัน” โม่เหยียพูด
“เร็วที่สุด”
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็หันหลังเดินจากไป
มองดูเขาจากไปแล้ว โม่เหยียกับหานยู่ก็พากันถอนหายใจโล่งอก
“ฉันรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก” หานยู่บ่นออกมาอย่างทนไม่ไหว เป็นเพราะออร่าของจิ้นเฟิงเฉินแข็งแกร่งเกินไป
“เหมือนกัน”
โม่เหยียเม้มริมฝีปาก แล้วเขาก็มองไปยังห้องที่เจียงสื้อสื้อพักผ่อนอยู่ ใบหน้าเผยความเศร้า “พวกเราต้องรีบแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณหญิงจะต้องมีอันตรายถึงชีวิต”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น หานยู่ก็สีหน้าจริงจังและเคร่งขรึมขึ้น พยักหน้าหนัก “ได้ ฉันรู้แล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ออกจากสถาบันวิจัย แต่ไปสูดอากาศข้างนอก
แค่คิดว่าสถานการณ์อันเลวร้ายของเจียงสื้อสื้อยิ่งใกล้เข้ามา มันก็เหมือนมีหินก้อนใหญ่มากดทับหัวใจเขา ทำให้เขาหายใจไม่ออก
“ถ้าโชคดี ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ แต่ร่างกายจะถูกไวรัสกัดกินตลอดไปจนกระทั่งเสียชีวิต”
คำพูดของโม่เหยียก้องอยู่ในโสตประสาท จิ้นเฟิงเฉินกำหมัดแน่น ดวงตาเข้มหรี่ลง แววตาคมกริบ
ถ้าเบอร์เกนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เขาจะฆ่ามันโดยไม่ลังเล
เขาจะไม่ปล่อยเบอร์เกนไปแน่นอน!
……
คืนนี้ลูกชายและลูกสะใภ้ยังไม่กลับบ้าน แม่จิ้นยิ่งมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าความไม่สบายใจของตัวเองนั้นถูกต้อง
“เฟิงเหรา แกโทรหาพี่ชายแกหน่อย”
จิ้นเฟิงเหราที่กำลังดูทีวีกับภรรยาหันกลับไปมองแม่ของตัวเอง แล้วก็ยิ้มอย่างอ่อนใจ “คุณแม่ครับ พี่ชายผมเดินทางไปติดต่อธุรกิจหลายวันเพิ่งกลับมา คุณก็อย่าไปกวนพวกเขาคู่รักเลยครับ”
“แกคิดอะไร” แม่จิ้นตบหน้าผากของเขา “ฉันคิดว่าพี่ชายของแกมีเรื่องปิดบังฉัน ฉันรู้สึกไม่สบายใจ”
“เรื่องอะไรครับ” จิ้นเฟิงเหราไม่ได้ใส่ใจนัก คิดแค่ว่าแม่ของตัวเองคิดมากไป
“วันนี้ทันทีที่พี่ชายของแกกลับมาแล้วไม่พบสื้อสื้อก็เกิดอาการตื่นตระหนกผิดปกติ หลังจากนั้นก็รีบร้อนวิ่งออกไป มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่”
“คุณแม่ คุณคิดมากไปแล้ว ไม่มีอะไรหรอกครับ” จิ้นเฟิงเหราตบที่มือของแม่เพื่อปลอบให้สบายใจ
ส้งหวั่นชีงที่อยู่ข้างๆ ก็เสริมอย่างคล้อยตามด้วยว่า “ใช่ค่ะคุณแม่ พี่ชายกับพี่สะใภ้ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
“ขอให้เป็นอย่างนั้น”
แม่จิ้นถอนหายใจ หันหลังเตรียมจะขึ้นไปข้างบน แต่เดินไปไม่กี่ก้าวกลับมา
“เฟิงเหรา แกโทรไปให้แม่หน่อย”
เธอยังไม่วางใจ
จิ้นเฟิงเหราไหล่ตก ถึงกับพยักหน้าอย่างอ่อนใจ “ได้ครับ”
ตอนที่โทรศัพท์มือถือดังขึ้น จิ้นเฟิงเฉินกำลังอยู่ในห้องเป็นเพื่อนเจียงสื้อสื้อ
เขากลัวว่าจะเป็นการปลุกเจียงสื้อสื้อ จึงเอาโทรศัพท์มือถือไปที่ระเบียง
หลังจากนั้นก็มีเสียงของจิ้นเฟิงเหราดังมาทันที “พี่ครับ พวกคุณจะกลับบ้านเมื่อไรเหรอครับ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
สื้อสื้อยังไม่ตื่น คงยังกลับไม่ได้ในตอนนี้
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์มือถืออีกฝั่งก็เปลี่ยนคนในสาย
“เฟิงเฉิน พวกแกมีเรื่องอะไรใช่ไหม” เสียงของแม่จิ้นเต็มไปด้วยความกังวล
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธ “คุณแม่ครับ กลับไปแล้วจะบอกคุณอีกทีนะครับ คุณไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น แม่จิ้นก็ร้อนใจ “แกไม่พูดให้ชัดเจน แม่จะหลับลงได้ยังไง”
และในขณะนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังมา “เฟิงเฉิน”
เป็นเสียงของสื้อสื้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!