“อืม”
ฟางยู่เชินยิ้มอย่างขมขื่น “ที่จริงแล้วใครจะเป็นทายาทนั้น ฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่ว่าคุณปู่อายุเยอะแล้ว เห็นตระกูลฟางยุ่งวุ่นวายแบบนี้ ต้องเป็นทุกข์อย่างแน่นอน”
“ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ”เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ
ทั้งตระกูลฟางนี้ มีเพียงแค่คุณตาและน้าชายเล็กเท่านั้นที่รู้เหตุรู้ผล น้าชายอีกสองคนนั้นได้ถูกครอบงำด้วยลาภยศและผลประโยชน์ไปหมดแล้ว ไม่ได้สนใจความรักความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติอยู่แล้ว
“ขอโทษทีนะ เธอพึ่งจะรู้จักกับปู่ได้ไม่นาน ก็ต้องมาเห็นด้านที่สุดจะทนของตระกูลฟางซะได้”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ? ”
“ใช่ ครอบครัวเดียวกัน” ฟางยู่เชินยิ้มอย่างถากถาง “แต่ว่ามีคนบางคนไม่เห็นพวกเราเป็นครอบครัว”
แน่นอนว่าเขาหมายถึงน้าชายใหญ่กับน้าชายรอง
“ไม่ต้องคิดเยอะหรอก พวกเขาอยากแย่งก็ให้แย่งกันไป ฉันเชื่อว่าคุณตานั้นสายตาเฉียบแหลม คงได้เลือกคนที่เหมาะสมไว้อยู่แล้วล่ะ”
ตอนที่พูดประโยคนี้นั้น เจียงสื้อสื้อก็มองหน้าเขาอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
ทั้งตระกูลฟางนี้ คนเดียวที่มีความสามารถที่ควรจะได้สืบทอดบทบาทหน้าที่ของคุณปู่ก็มีแค่ฟางยู่เชิน
ถึงแม้ว่าความสามารถของฟางอี้หมิงและฟางเย้นซินก็ไม่ได้แย่ แต่ว่าจิตใจของพวกเขาไม่บริสุทธิ์ การยับยั้งชั่งใจน้อย คุณปู่ไม่มีทางมอบกิจการครอบครัวให้คนใดคนหนึ่งในพวกเขาอย่างแน่นอน
ฟางยู่เชินพูดกึ่งล้อเล่นกึ่งจริงจัง “ไม่คิดเลยว่าเธอจะเข้าใจความคิดของคุณตาด้วย”
“ไม่ใช่ว่าเข้าใจ แต่ว่าความจริงมันเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”
ไม่ใช่แค่เธอ แค่คนที่รู้เรื่องสถานการณ์ของตระกูลฟาง ก็สามารถทายความคิดของคุณปู่ได้อยู่แล้ว
พอได้ยินดังนั้น ฟางยู่เชินก็เงียบลง สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปกลายเป็นเคร่งขรึม
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่าคะ? ”
ฟางยู่เชินส่ายหน้า
ฟางยู่เชินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง “ความหมายของคุณก็คือ คุณตาตั้งใจจะมอบตระกูลฟางให้คุณ ถ้าเป็นแบบนั้นวันเวลาในอนาคตระหว่างคุณกับน้าเล็กและน้าสะใภ้เล็กคงจะไม่ดีเท่าไหร่ใช่ไหม”
ดูจากนิสัยของน้าชายกับน้าสะใภ้แล้ว ต้องเอาแต่กลั่นแกล้งพวกเขาอย่างแน่นอน แม้กระทั่งสร้างปัญหาในหน้าที่การงานของเขา
“มันก็ไม่เคยดีอยู่แล้ว”
ฟางยู่เชินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ “ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่รู้ว่าทำไมน้าชายใหญ่กับน้าชายรองถึงไม่ชอบครอบครัวของพวกเรานัก ชอบพูดคำหยาบคาบทุกประเภทมาเยาะเย้ยเรา”
“ความอิจฉาริษยาหลอกหลอนอยู่ในใจ” เจียงสื้อสื้อเม้มปากและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ท่าทีที่คุณตามีต่อน้าเล็กนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกับที่มีต่อพวกน้าชายใหญ่ แล้วอีกอย่างกิจการของตระกูลฟางนั้นใหญ่โต พวกเขาเห็นน้าเล็กเป็นคู่แข่ง ไม่ได้เห็นเป็นคนในครอบครัวแล้ว”
การวิเคราะห์แบบนี้มันทำร้ายจิตใจมาก
ทั้งๆ ที่เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ๆ แต่กลับมาเป็นศัตรูกัน ทำให้คนรู้สึกหายใจไม่ออกจริงๆ
ฟางยู่เชินพยายามฝืนยิ้มครั้งแล้วครั้งเล่า “เธอพูดไม่ผิดหรอก ความจริงมันก็เป็นแบบนี้แหละ พ่อฉันบอกว่า ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะกลัวว่าหากตระกูลฟางตกไปอยู่ในมือพวกเขาแล้วจะเสียทรัพย์สินนั้น เขาจะไม่มอบภาระหน้าที่อันหนักหน่วงนี้ให้หรอก”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “หนูเข้าใจความหมายของน้าเล็ก พอน้าเล็กรับมาแล้ว ในอนาคตปัญหาต้องตามมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน พวกน้าชายใหญ่ไม่มีทางยอมปล่อยไปอย่างแน่”
สิ่งที่เธอพูดนั้น ฟางยู่เชินเองก็คิดไว้อยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาก็เลยกำลังลังเลอยู่ ไม่รู้ว่าควรจะรับหน้าที่นี้ไปหรือไม่
เจียงสื้อสื้อมองออกว่าเขากำลังลังเล เธอคลี่ยิ้มออกมา “พี่ อย่าทำให้คุณตาผิดหวังสิ”
ประโยคนี้เตือนใจฟางยู่เชิน
ใช่ เขาจะให้คุณปู่ผิดหวังไม่ได้เด็ดขาด
ฟางซื่อกรุ๊ปถูกก่อตั้งโดยคุณปู่ จะให้น้าใหญ่กับน้าชายรองทำลายมันไปไม่ได้
“สื้อสื้อ ขอบคุณนะ ฉันรู้แล้วว่าตัวเองควรเลือกอะไร” ฟางยู่เชินยิ้มให้เจียงสื้อสื้อด้วยความซาบซึ้ง
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
เสียงของเจียงสื้อสื้อยังไม่ทันจะเปล่งออกมา ก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา “ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็พูดได้เลย”
จิ้นเฟิงเฉินนั่นเอง
คำพูดของเขาทำให้ความมั่นใจของฟางยู่เชินเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
อีกคนหนึ่งยืนขึ้น แล้วก็ถามอย่างไม่แน่ใจ “น้องเขย นายหมายความว่า……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!