“แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะวุ่นวาย แต่ฉันคิดว่าถ้าเกิดว่ามีคุณปู่อยู่ น้าชายใหญ่กับน้าชายรองก็ไม่กล้ายุ่งวุ่นวายหรอก”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ว่าฟางยู่เชินก็ยังคงมีความกังวลอยู่ “กลัวว่าพวกเขาจะยอมเสี่ยงเมื่อถึงเวลาเข้าตาจนเนี่ยละ”
เจียงสื้อสื้อเองก็เป็นกังวลไปด้วย
คนของตระกูลฟาง นอกจากฟางยู่เชินแล้ว คนอื่นๆ เธอก็เคยเจอแค่ครั้งสองครั้ง แต่เธอก็มองออกว่าครอบครัวของน้าชายใหญ่กับน้าชายรองนั้นไม่ใช่คนดี
ที่เรียกกันว่าความโลภนั้น นำมนุษย์ไปสู่หายนะ ดูจากนิสัยที่ละโมบของพวกเขาแล้วนั้น ต้องไม่มีทางทนดูคุณท่านมอบกิจการครอบครัวให้ฟางยู่เชินเฉยๆ อย่างแน่นอน
“ฉันจะระวัง”
เรื่องราวมาถึงตอนนี้แล้ว ฟางยู่เชินก็รู้ว่าตัวเองไม่มีทางให้ถอยกลับอีกแล้ว มีเพียงการที่เขาเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น คนพวกนั้นก็จะไม่เที่ยวก่อความวุ่นวายไปทั่ว
“เดี๋ยวผู้ช่วยผมจะส่งสัญญามาให้ หลังจากเซ็นสัญญาและมีผลบังคับใช้แล้ว มันจะกลายเป็นอาวุธที่ได้เปรียบที่สุดของคุณ”
ความหมายของจิ้นเฟิงเฉินนั้นชัดเจนมาก ว่าเขาช่วยเขาจริงๆ
“ขอบคุณนะ” นอกจากสิ่งนี้ฟางยู่เชินก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“พี่ไปบอกคุณตาหน่อย ว่าไม่ต้องมาที่นี่ เดี๋ยวฉันกับเฟิงเฉินแล้วก็ลูกไปหาก็ได้”
หลังจากการเลือกทายาทในครั้งนี้ ต้องเกิดเรื่องขึ้นมากมายอย่างแน่นอน คุณท่านต้องทุกข์ใจมากพอแล้ว เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะให้เขาวิ่งกลับไปกลับมา
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ได้ เดี๋ยวฉันจะไปบอกคุณปู่ให้”
กู้เนี่ยนส่งสัญญามาอย่างรวดเร็ว
สัญญาระหว่างจิ้นกรุ๊ปกับฟางซื่อกรุ๊ป หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินกับฟางยู่เชินลงนามในสัญญาแล้ว ก็เริ่มอย่างเป็นทางกาย
“น้องเขย ยินดีที่ได้ร่วมงานนะ” ฟางยู่เชินยื่นมือออกไป
จิ้นเฟิงเฉินก็ยื่นมือไปจับมือเขาเหมือนกัน “ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ”
หลังจากเซ็นสัญญาเสร็จแล้ว ฟางยู่เชินก็กลับไป
เขากลับไปเตรียมตัวสำหรับประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันพรุ่งนี้
……
“นายว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า? ”
พอกลับมาที่ห้อง เจียงสื้อสื้อก็ยังรู้สึกสบายใจไม่ได้ พอนึกถึงสถานการณ์ของตระกูลฟางในตอนนี้แล้วนั้น เธอช่างเป็นห่วงคุณตาจริงๆ
“พวกเราไปเมืองหลวงกัน? ” จิ้นเฟิงเฉินถาม
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่แล้ว ถ้าเกิดว่าพวกเราไปตอนนี้สถานการณ์ก็จะยิ่งวุ่นวายขึ้นเท่านั้น รอให้มันจบลงก่อนค่อยไปแล้วกัน”
เธอไม่อยากไปเพิ่มภาระให้คุณตาตอนนี้
“ถ้ายังงั้นเธอก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมอก แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ต้องเชื่อใจในฟางยู่เชิน ในเมื่อคุณตามมอบฟางซื่อกรุ๊ปให้เขาแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาเชื่อว่าฟางยู่เชินมีความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้”
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ “ฉันไม่ได้ไม่เชื่อเขา แต่ฉันกลัวน้าชายใหญ่กับน้าชายรองมากกว่า จิตใจของพวกเขานั้นแย่มาก”
ในตระกูลที่ร่ำรวย บ้านเมืองต้องวุ่นวายแปรปรวนไปหมดเพราะการแก่งแย่งชิงดี บางคนถึงกับต้องเสียชีวิตด้วยเหตุนี้
มองความคิดของเธอออก จิ้นเฟิงเฉินก็หัวเราะออกมา “เธอเนี่ย ดูละครเยอะไปแล้ว”
“ไม่!”เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นมองเขา “น้าชายและน้าสะใภ้สองคนนั้นน่ากลัวกว่าในละครซะอีกนะ”
พอย้อนกลับไปนึกถึงที่เจอกันครั้งแรก การเยาะเย้ยถากถางต่างๆ ของพวกเขา เธอยังจำได้อยู่ดี
“ถ้าเกิดว่าเธอไม่สบายใจจริงๆ เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปช่วยฟางยู่เชิน”
“นายแน่ใจเหรอ? ” เจียงสื้อสื้อประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ก็เธอเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ? ” จิ้นเฟิงเฉินมองเธออย่างน่าขำ ถ้าเกิดไม่ใช่เพื่อความสบายใจของเธอ เขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องการต่อสู้เพื่อแย่งอำนาจของครอบครัวอื่นหรอกนะ
เจียงสื้อสื้อเบะปาก “ฉันเป็นห่วง แต่ก็อย่าเลย ก็เหมือนกับที่นายพูดนั่นแหละ ต้องเชื่อใจพี่”
“เอาตามเธอแล้วกัน”จิ้นเฟิงเฉินลูบหัวของเธอ “ไปอาบน้ำเถอะ รีบพักผ่อน”
“แล้วนายล่ะ?”
“ฉันก็จะพักผ่อนเหมือนกัน”
“อ้อ”เธอก็นึกว่าเขาจะไปจัดการเรื่องงานต่อ
พอเห็นว่าเธอเข้าไปในห้องน้ำ จิ้นเฟิงเฉินถึงได้เดินออกไป
เจียงสื้อสื้ออาบน้ำเสร็จแล้วออกมา ก็เห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้อยู่ในห้อง คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย เขาก็จะพักผ่อนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมเขาไม่อยู่ล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!