พอเจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้น อารมณ์ก็ดีขึ้นมาในทันที
“จริงเหรอ? ถ้ายังงั้นฉันก็สบายใจแล้ว”
ในที่สุด หัวใจที่เป็นกังวลอยู่นั้นก็กลับมาที่เดิม
จิ้นเฟิงเฉินหันหน้ามาเหลือบมองเธอ มุมปากมีรอยยิ้มที่เอาใจ “อารมณ์ดีแล้วเหรอ? ”
“อืม ดีขึ้นเยอะเลย” เจียงสื้อสื้อหันหน้าไปยิ้มหวาน “ในที่สุดคุณตาก็เกษียณอย่างสบายใจ ฉันเชื่อว่าความสามารถของพี่จะสามารถดูแลจัดการฟางซื่อกรุ๊ปได้ดี”
“ฉันก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน”
จิ้นเฟิงเฉินละสายตากลับมา มองไปด้านหน้า รถก็ค่อยๆ มุ่งเข้าสู่กระแสจราจร “พอเรื่องของตระกูลฟางจบลงเมื่อไหร่ พวกเราก็ไปหาคุณตากัน”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “โอเค ตอนนั้นก็เอาเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนไปด้วย”
“อืม”จิ้นเฟิงเฉินหันไปมองเธอ “อยากกินอะไร? ”
เจียงสื้อสื้ออึ้งไป “ไม่กลับไปกินเหรอ? ”
“เมื่อคืนพวกเขายึดครองเธอไปแล้วทั้งคืน ดังนั้น คืนนี้เธอต้องเป็นของฉันเท่านั้น”
“พูดอะไรกัน” คำพูดนี้มันค่อนข้างน่าอาย เจียงสื้อสื้อหน้าร้อน แล้วก็พูดอย่างโกรธเคือง “นายเป็นแด๊ดดี้ของพวกเขานะ ทำไมถึงได้หึงพวกเขาล่ะ? ”
“เพราะว่าเธอคือภรรยาของฉัน”
จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือไปกุมมือเธอไว้ ดูเหมือนว่าจะเป็นการประกาศอธิปไตย
เหมือนเด็กน้อยจริงๆ
เจียงสื้อสื้อเม้มปากและคลี่ยิ้มออกมา “ก็ได้ ฟังนายแล้วกัน”
เย็นนี้จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อไปกินข้าวด้านนอก ดื่มด่ำกับโลกของคนสองคน จนถึงกลางดึกค่อยกลับบ้าน
เพราะว่าเหนื่อย คืนนี้เจียงสื้อสื้อเลยหลับสนิทมาก ไม่ฝันเลยทั้งคืน
แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ตอนที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้า หนังตาขวาเธอก็กระตุกไม่หยุดเลย
รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่สบายใจตรงไหนเหรอ? ” จิ้นเฟิงเฉินสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ปกติ ก็นึกว่าเธอรู้สึกไม่สบาย เลยถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอก”เจียงสื้อสื้อเม้มปาก และพูดต่อว่า “หนังตาฉันเอาแต่กระตุกไม่หยุดเลย รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เหมือนกับว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นยังงั้นแหละ ทางฝั่งตระกูลฟาง……คงจะไม่มีอะไรผิดพลาดใช่ไหม? ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ถ้าเกิดว่าไม่สบายใจจริงๆ กินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็โทรไปถามฟางยู่เชินสิ”
“โอเค”
พอกินอาหารเช้าเสร็จ ความรู้สึกไม่สบายใจนั้นยังคงอยู่ เจียงสื้อสื้อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจเชื่อจิ้นเฟิงเฉิน โทรไปหาฟางยู่เชิน
ฟางยู่เชินบอกว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น รอให้การประชุมคณะกรรมการบริหารจบลงแล้วสถานการณ์คลี่คลาย เขาจะโทรมาบอกเธอ
เจียงสื้อสื้อรู้สึกสบายใจขึ้น แต่ว่าหนังตาของเธอก็ยังกระตุกไม่หยุดเลย
ประมาณสิบโมงเช้า จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
ฟางยู่เชินโทรมา
เจียงสื้อสื้อนึกว่าเขาจะโทรมาบอกเรื่องที่น่ายินดี ก็รีบรับสายทันที “พี่ ใช่……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงของฟางยู่เชินพูดอย่างรีบด่วน “สื้อสื้อ คุณตาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้อยู่ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล!”
เหมือนฟ้าผ่าเข้ามาท่ามกลางท้องฟ้าที่สดใส เจียงสื้อสื้ออึ้งไป นึกว่าตัวเองได้ยินผิด “พี่ พี่……พูดว่าอะไรนะ? ”
“ตอนนี้ไม่รู้ว่าอาการของคุณตาจะเป็นยังไงบ้าง เธอ……”
“ฉันจะไปเมืองหลวงเดี๋ยวนี้!”
เจียงสื้อสื้อพุ่งออกมาจากห้อง แล้ววิ่งลงไปด้านล่าง
“สื้อสื้อ หนูเป็นอะไรไป? ” แม่จิ้นเห็นว่าเธอตื่นตระหนก ก็รีบห้ามเธอไว้ แล้วถามอย่างเป็นห่วง
“แม่คะ คุณตาของหนูเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ หนูต้องไปเมืองหลวงตอนนี้”
พอพูดนั้น เจียงสื้อสื้อก็จะวิ่งออกไปด้านนอกทันที
“สื้อสื้อเดี๋ยวก่อน!”แม่จิ้นดึงเธอไว้ “จากเมืองจิ่นไปเมืองหลวงนั้นไม่ใกล้เลยนะ หนูไปคนเดียวแม่ไม่สบายใจ”
“แม่คะ……”เจียงสื้อสื้อตาแดงแล้ว
“สื้อสื้อ หนูใจเย็นก่อน เดี๋ยวแม่จะโทรหาเฟิงเฉิน ให้เขาไปเป็นเพื่อนหนู”
แม่จิ้นดึงเธอมานั่งลงที่โซฟา หลังจากนั้นก็โทรหาจิ้นเฟิงเฉิน เล่าสถานการณ์ให้เขาฟัง
“ผมจะกลับไปตอนนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!