“คุณปู่ยังกำลังถูกช่วยชีวิตอยู่ แต่ว่าพวกคุณกลับมานั่งทะเลาะกันอยู่แบบนี้ ถ้าเกิดว่าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปก็แสดงว่าพวกคุณอกตัญญูนะ”
ฟางยู่เชินสีหน้ามืดมน แล้วก็มองพวกเธออย่าวเย็นชา
“ยู่เชิน แกพูดอะไร? ใครอกตัญญู?!”หลินหลานด่าเขาอย่างไม่พอใจ
“พอแล้วพี่สะใภ้ จนถึงตอนนี้แล้ว สงบลงได้แล้ว รอให้พ่อออกมาแล้วค่อยว่ากัน”
ฟางเถิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา เขาถอนหายใจ แล้วก็พูดต่อ “ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง พวกเราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของพ่อ”
ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ว่าพวกหลินหลานเองก็เงียบลง
บางเรื่องยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ไม่ยังงั้นผลจะมาในทิศทางตรงกันข้ามเท่านั้น
ฟางอี้หมิงจ้องประตูห้องผ่าตัด สายตาโหดร้าย
“ทำไมข้อแตกต่างระหว่างคนเรามันถึงได้ใหญ่โตขนาดนั้นล่ะ? ”
พอเห็นว่าคนของตระกูลฟางเริ่มเงียบลงแล้ว เจียงสื้อสื้อที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถอดถอนใจเบาๆ
จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้ว “จะว่าไงดีล่ะ? ”
เจียงสื้อสื้อหันหน้าไปมองเขา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ตระกูลจิ้นกับตระกูลฟางก็ต่างเป็นตระกูลที่ร่ำรวย แต่ว่าพอเอามาเทียบกันแล้ว ตระกูลจิ้นนั้นทั้งรักและสามัคคีกัน แต่ว่าตระกูลฟาง……”
เธอหยุดอยู่ครู่หนึ่ง หลังก็เหลือบมองพวกคนของตระกูลฟาง แล้วก็พูดด้วยเสียงกระซิบว่า “คดในข้อ งอในกระดูก นอกจากครอบครัวของน้าชายเล็กแล้ว คนอื่นก็ไม่มีใครเป็นคนดีเลย”
ถ้าแม่ไม่ออกจากบ้านด้วยความโกรธ เธออาจจะมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อทรัพย์สินของครอบครัวในตอนนี้
เธอพูดไม่ผิดเลย
คนของตระกูลฟางไม่ได้มีจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกันเลย และก็ยังเห็นแก่ตัวมากอีกด้วย สนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้สนใจความเป็นครอบครัวเลย
ดังนั้นคุณท่านฟางถึงได้ตัดสินใจมอบกิจการครอบครัวให้กับฟางยู่เชิน
เพราะว่าทั้งตระกูลฟาง ก็มีเพียงแค่ครอบครัวของฟางยู่เชินเท่านั้นที่ปกติที่สุด
……
หลังจากช่วยเหลือมาหลายชั่วโมง ชีวิตของคุณท่านก็รอด แต่เขายังอยู่ในอาการโคม่า
“คุณท่านอายุมากแล้ว แล้วยังต้องมาโดนชนหนักแบบนี้ สถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่หนัก ตอนนี้ยังไม่อันตรายถึงชีวิต แต่ว่าท่านจะฟื้นขึ้นมาอีกไหมก็ยังไม่ทราบ”
พอหมอพูดจบ เสียงร้องไห้ก็ดังขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วแน่น แล้วก็หันหน้าไป แล้วก็เห็นว่าเฉินหยุนกำลังร้องไห้เสียใจอย่างมาก
“พ่อ พ่อจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อนะ ตระกูลฟางและพวกเราต้องการพ่อมาก “เธอร้องไห้ไปด้วยแล้วก็ไม่ลืมที่จะพูดไปด้วย ท่าทางเศร้าโศกแบบนั้น เหมือนกับว่าคุณท่านฟางไม่อยู่แล้วมากกว่า
เจียงสื้อสื้อเองก็ทุกข์ใจเหมือนกัน แต่พอได้ยินเฉินหยุนพูดแบบนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ “น้าสะใภ้คะ หมอบอกว่าตอนนี้ยังไม่อันตรายถึงชีวิต แล้วน้าพูดอะไรกัน? ”
พอเธอถามไปแบบนี้ เฉินหยุนก็อึ้งไป ไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้
แล้วเธอก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เช็ดน้ำตา แล้วก็พูดอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก “ทำไมคนที่เด็กกว่าถึงได้ถามฉันด้วยทัศนคติแบบนั้น? แล้วอีกอย่างเธออย่าลืมนะ ว่าเธอไม่ใช่คนของตระกูลฟาง เธอจะมายุ่งเรื่องของตระกูลฟางไม่ได้”
“เธอพูดบ้าอะไรกัน?!”
พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของฟางรุ่ยก็เปลี่ยนไปในทันที แล้วก็รีบขอโทษเจียงสื้อสื้อ “สื้อสื้อ น้าสะใภ้รองของหนูทุกข์ใจไปหน่อย ก็เลยเลือกคำพูดไม่ถูก หนูอย่าไปทะเลาะกับบุคคลที่มีความรู้ต่ำกว่าเลยนะ”
พอพูดจบ เขาก็หันหน้าไปถลึงตาใส่ภรรยาของตัวเอง แล้วก็กระซิบด่าเธอ “เธอเป็นบ้าหรือยังไง เธอไม่ใช่คนของตระกูลฟาง แต่ว่าเป็นคนของตระกูลจิ้นนะ คนที่ทำผิดต่อตระกูลจิ้น ลูกชายของเธอก็ไม่ต้องคาดหวังอยากจะได้ฟางซื่อกรุ๊ปแล้ว”
พอเฉินหยุนได้ยินดังนั้น ก็อึ้งไปในทันที ใช่ เธอลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน?
ดังนั้น เธอก็รีบขอโทษทันที “สื้อสื้อ น้าสะใภ้รองพูดมากเกินไป หนูอย่าเอาไปใส่ใจเลยนะ”
เจียงสื้อสื้อไม่อยากจะไปสนใจพวกเขา แต่ละคนช่างหน้าซื่อใจคดจนเธอพูดอะไรไม่ออก
ฟางเถิงถอนหายใจในใจ หลังจากนั้นก็พูดกับหมอว่า “ได้โปรดรักษาพ่อของผมด้วย ไม่ว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ผมก็จะจ่าย”
หมอพยักหน้า “คุณฟางครับ วางใจเถอะครับ พวกเราจะทำสุดความสามารถ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!