พอกลับมาที่บ้านตระกูลฟาง ยังไม่ทันจะนั่งลง ก็ได้ยินฟางเฉิงพูดออกมาอย่างแทบจะรอไม่ไหว “ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว เย็นนี้ต้องสรุปผลให้ได้ ว่าใครจะมาดูแลฟางซื่อกรุ๊ปชั่วคราว”
เขารีบขนาดนี้ กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ความคิดของตัวเองหรือยังไง?
เจียงสื้อสื้อสีหน้าเรียบเฉย ถึงให้จิ้นเฟิงเฉินนั่งลงริมสุด เธอยังไม่ต้องการจะมีส่วนร่วมในตอนนี้ อยากจะฟังก่อนว่าพวกเขาจะพูดว่าอะไรกัน
“ใช่ ฉันเห็นด้วยกับพี่ใหญ่” ฟางรุ่ยเสริม
เมื่อจุดประสงค์ของทุกคนเหมือนกัน พวกเขายืนอยู่ในเส้นเดียวกัน
ฟางเถิงยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้ว น้ำเสียงค่อนข้างเหนื่อยล้า “ก็ได้ ถ้ายังงั้นพวกพี่คิดว่าควรเป็นใครล่ะ? ”
“อี้หมิง!”
“เย้นซิน!”
ฟางเฉิงกับฟางรุ่ยตอบพร้อมกัน
เลือกไม่เหมือนกัน
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ฟางเฉิงแสดงท่าทีของพี่ใหญ่ “น้องรอง ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดว่าความสามารถของอี้หมิงและเย้นซินใครเก่งกว่ากัน แต่ว่านายอย่าลืมนะว่าอี้หมิงเป็นหลานคนโต เขาเหมาะสมที่จะเป็นผู้สืบต่อของตระกูลฟางมากที่สุด”
พอได้ยินดังนั้น ฟางรุ่ยก็ยิ้ม “พี่ใหญ่ นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ยังจะมาแยกหลานคนโตอะไรอีก มันต้องสำหรับผู้ที่มีความสามารถสิ!”
พอพูดแบบนี้ เขาก็หันไปมองฟางเถิง “น้องสาม แกว่าถูกไหม? ”
ฟางเถิงไม่ได้ตอบอะไร
เขาก็ไม่ได้อารมณ์เสียอะไร และพูดต่อ “ทุกคนก็เห็นอาการของพ่อแล้ว มันต้องส่งผลกระทบสู่บริษัทอย่างแน่นอน พนักงานไม่น้อยเลยที่กลัวว่าพ่อล้มไปแล้วฟางซื่อกรุ๊ปจะจบสิ้น
เพราะฉะนั้นคนที่จะมาแทนที่พ่อชั่วคราวนั้น นอกจากจะมีความสามารถแล้ว ก็ต้องมีความกล้าหาญด้วย ต้องเป็นเย้นซินเท่านั้น”
ฟางเย้นซินนั้นไม่เคยยอมแพ้หรือว่าท้อถอย ปลิ้นปล้อนพอๆ กับฟางอี้หมิง ความจริงแล้วก็เหมาะสมมากเช่นกัน
แต่ว่าคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ย่อมรู้ดีว่า ไม่ว่าจะเป็นฟางอี้หมิงหรือฟางเย้นซินที่มาควบคุมฟางซื่อกรุ๊ปนั้น คนอื่นๆ ก็ต้องถูกไล่ออกจากฟางซื่อกรุ๊ปเนื่องจากไม่ใช่พวกเดียวกันอย่างแน่นอน
พวกเขาไม่สามารถทนกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขาได้
เพราะในสายตาของพวกเขามีเพียงผลประโยชน์และอำนาจ
“ไม่ถูก ต้องเป็นอี้หมิง!” ฟางเฉิงโต้กลับ “ถ้าจะพูดถึงความสามารถ อี้หมิงก็สุดยอด ดังนั้นอี้หมิงคือคนที่เหมาะสมที่สุด!”
และแล้ว ฟางเฉิงกับฟางรุ่ยก็ทะเลาะกันขึ้นมาอีกครั้งเพราะเห็นต่าง แม้แต่ภรรยาของพวกเขาก็เข้าร่วมศึกครั้งนี้ด้วย
สถานที่นี้วุ่นวายอยู่พักหนึ่ง
พอเห็นว่าทะเลาะกันไม่จบไม่สิ้น ฟางเถิงที่เงียบอยู่นานนั้นสุดท้ายกอดไม่ได้ แล้วตะคอกออกมา “พอแล้ว!”
การทะเลาะวิวาทหยุดลงทันที
ทุกคนก็มองไปที่ฟางเถิง
ฟางเถิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ “ฉันรู้ว่าพวกพี่คิดว่าลูกชายของตัวเองมีความสามารถมากที่สุด……”
พึ่งจะพูดออกไปได้ครึ่งหนึ่ง พ่อบ้านก็รีบร้อนเดินเข้ามา “ทนายเฉินของคุณท่านมาแล้วครับ”
ทนายเฉิน?
ทุกคนมองหน้ากัน ทุกคนมีคำถามในใจ
ทนายเฉินคนนี้มาทำอะไรกัน?
ฟางอี้หมิงหรี่ตาลง แล้วเบิกตากว้างทันทีด้วยความประหลาดใจ คงไม่ใช่แบบที่เขาคิดใช่ไหม?
พ่อบ้านเชิญทนายเฉินเข้ามา
ทนายเฉินก้มหน้าทักทายอย่างมีมารยาท “สวัสดีตอนเย็นครับ ผมคือทนายเฉิน ทนายของคุณท่านฟางครับ”
“สวัสดีครับ รบกวนสอบถามว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ? ” ฟางเถิงถาม
“คือว่ายังงี้ครับ คุณท่านฟางได้ให้ผมได้ทำพินัยกรรมไว้ก่อนหน้านี้”
“พินัยกรรม?!”
ฟางเฉิงกับฟางรุ่ยตกใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!