ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 940

สรุปบท บทที่940 มันเป็นอุบัติเหตุ?: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

บทที่940 มันเป็นอุบัติเหตุ? – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่940 มันเป็นอุบัติเหตุ? จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เรื่องนี้ได้บทสรุปไปแล้ว ฟางรุ่ยยังไม่ยอม

“ยู่เชินยังเด็กเกินไป ยังไม่มีความสามารถที่จะบริหารบริษัทให้ดีได้”

“ถ้าเกิดว่าผมไม่มีความสามารถ แล้วจะสามารถร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปได้ยังไงกัน? ” ฟางยู่เชินหันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเฉิน

จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกว่าตัวเองก็ควรแสดงท่าทีเหมือนกัน ก็เลยยืนขึ้น ริมฝีปากบางเปิดออกเบา ๆ และเสียงต่ำและเย็นก็ดังขึ้น “ผมเชื่อในอนาคตภายใต้การบริหารของยู่เชิน จิ้นกรุ๊ปกับฟางซื่อกรุ๊ปจะต้องร่วมมือกันแล้วได้ผลประโยชน์ยิ่งใหญ่แน่นอน”

ความหมายก็คือ เขาเชื่อว่าฟางยู่เชินมีความสามารถที่จะบริหารฟางซื่อกรุ๊ปได้ดี

“ใครไม่รู้บ้างว่าการที่เขาได้การร่วมมือนี้มา เพราะอาศัยเจียงสื้อสื้อ” ฟางเย้นชิงถากถาง

จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้ามอง สายตาแหลมคม “คุณเองก็เป็นพี่ชายของสื้อสื้อเหมือนกัน ถ้ายังงั้นคุณกล่อมให้ผมอยากร่วมงานด้วยได้ไหมล่ะ? ”

ฟางเย้นชิงอึ้งไป แล้วก็ซ่อนตัวเงียบๆ อยู่ด้านหลังพ่อของเขา

ในที่สุดครอบครัวของฟางรุ่ยก็ตระหนักได้ถึงความเป็นจริง สถานการณ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์

ความวุ่นวายในทรัพย์สินของครอบครัวได้สิ้นสุดลงชั่วคราว สองครอบครัวฟางรุ่ยและฟางเฉิงก็กลับไปด้วยสีหน้าที่ดูแย่

เจียงสื้อสื้อก็ทรุดตัวลงกับโซฟา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

วันนี้ทั้งวัน เธอเหนื่อยยิ่งกว่าวิ่งมาราธอนเสียอีก

และมันเป็นการเหนื่อยทั้งกายและใจ

“ไม่สบายเหรอ? ” จิ้นเฟิงเฉินเห็นว่าสีหน้าเธอไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ก็ถามด้วยความเป็นห่วง

“เปล่า”

เจียงสื้อสื้อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็ค่อยๆ พูดต่อ “ฉันแค่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันเหนื่อยจริงๆ จากการใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวแบบนี้”

ซ่างหยิงที่กำลังเดินมาได้ยินแบบนี้ ก็ถอนหายใจอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ยิ่งกว่าความเหนื่อยล้า ก็คือต้องระมัดระวังทุกทางว่าจะมีคนมาทำร้ายเขา”

“น้าสะใภ้เล็ก”เจียงสื้อสื้อรีบนั่งตัวตรงทันที

“มา ดื่มนมให้อิ่มท้องหน่อย ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน” ซ่างหยิงส่งแก้วนมในมือในพวกเขาทั้งสองคน

“ขอบคุณครับ” จิ้นเฟิงเฉินขอบคุณอย่างเกรงใจ

ซ่างหยิงคลี่ยิ้ม “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นหรอก”

เจียงสื้อสื้อดื่มนมลงไป ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นได้ “น้าสะใภ้เล็ก น้าเล่าเกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุของคุณตาให้หนูฟังหน่อยได้ไหมคะ? ”

“หนูอยากรู้อะไร? ”ซ่างหยิงนั่งลงตรงข้ามเธอ

“หนูอยากรู้ว่าอุบัติเหตุนี้มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ รึเปล่า? ”

ซ่างหยิงส่ายหน้า “น้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ตำรวจกำลังสืบอยู่”

“ช่วงนี้ที่บ้านมีเรื่องอะไรแปลกๆ ไหมคะ? ” เจียงสื้อสื้อถามอีก

“อะไรแปลกๆ เหรอ? ” ซ่างหยิงขมวดคิ้วแล้วคิดอย่างจริงจัง หลังจากนั้นก็ส่ายหน้า “ไม่เห็นนะ”

เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินมองหน้ากัน ทั้งคู่ในคำถามมากมายอยู่ในใจ

อุบัติเหตุของคุณท่านมันบังเอิญเกินไป มันเกิดขึ้นก่อนที่จะประกาศผู้สืบทอดพอดี มันทำให้คนอดสงสัยไม่ได้หรอก

แต่ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ“

“ในครัวกำลังเตรียมของกิน กินข้าวเสร็จแล้วจะขึ้นไปพักผ่อนนะ"

ซ่างหยิงยืนขึ้นเตรียมจะออกไป ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ แล้วก็หันหน้ากลับมา “ถ้ายังงั้น อาศัยโอกาสนี้ น้าพาพวกเธอขึ้นไปดูห้องด้านบน มาดูกันว่าต้องเตรียมอะไรอีกบ้าง”

“ค่ะ”

เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินตามเธอขึ้นไปด้านบน

ซ่างหยิงเตรียมห้องสำหรับพวกเขา อยู่ในส่วนในสุดของทางเดินบนชั้นสอง

“น้าให้แม่บ้านทำความสะอาดไว้ให้แล้ว ผ้าปูก็ปูใหม่แล้ว ดูว่ายังต้องการอะไรอีกไหม แล้วก็บอกน้าได้เลยนะ”

ห้องพักมีขนาดใหญ่และตกแต่งอย่างอบอุ่นราวกับว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน

เจียงสื้อสื้อซาบซึ้ง เธอส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้วค่ะ พวกเราไม่ได้ขาดเหลืออะไรเลย”

“ถ้ายังงั้นก็ได้ พวกเธอรีบพักผ่อนนะ เดี๋ยวพอถึงเวลาอาหารแล้วน้าจะมาเรียกอีกที”

“คุณลุงคิดว่ายังไงกันบ้างครับ?”

ตอนที่กรรมการยังไม่ทันจะตอบ จู่ๆ ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้น “ประธานฟางได้รับสัญญาการร่วมมือระยะยาวกับจิ้นกรุ๊ปมาแล้ว มีการสนับสนุนจากจิ้นกรุ๊ป ไม่ต้องกลัวบริษัทจะเดินไปไม่ได้ไกลหรอกค่ะ”

พอผู้ช่วยพูดออกมา พวกคณะกรรมการถึงได้นึกถึงเรื่องที่ฟางซื่อกรุ๊ปจะร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ปขึ้นมาได้ ทันใดนั้นใบหน้าของพวกเขาก็แปลกมาก

พูดตามตรง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่พอใจในฟางยู่เชิน แต่ว่าพวกเขาก็อยากให้ฟางซื่อกรุ๊ปพัฒนาไปได้ด้วยดี แบบนั้นพวกเขาถึงจะได้ผลประโยชน์ที่มากมาย

กรรมการหลายคนพูดคุยกันด้วยเสียงเบา แล้วกล่าวว่า "งั้นก็ได้ เราจะเชื่อนายชั่วคราวแล้วกัน"

หลังจากพูดจบ พวกเขาก็จากใจ

ฟางยู่เชินยกมือขึ้นมาปลดเนกไท แล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคดีที่มีการร่วมมือกับจิ้นกรุ๊ป ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะปล่อยเขาไปง่ายๆ ได้อย่างไร

……

เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมาแต่เช้า กินข้าวเช้าเสร็จแล้วก็ไปโรงพยาบาลกับซ่างหยิงเพื่อไปดูแลคุณท่าน

ซ่างหยิงเอาผ้าขนหนูเช็ดมือของคุณท่านอย่างระมัดระวัง เธอเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองไปที่เจียงสื้อสื้อที่ยืนอยู่อีกฝ่ายหนึ่งของเตียงผู้ป่วย คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “สื้อสื้อ หนูอยากฟังเรื่องของคุณตาหน่อยไหม”

เจียงสื้อสื้องุนงง “เรื่องของคุณตาเหรอคะ? ”

“ก็สถานการณ์ของคุณตาในช่วงสองสามปีก่อน” ซ่างหยิงวางผ้าขนหนูไว้ด้านข้าง เงยหน้าขึ้นมอง "อยากฟังไหม"

“อยากค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า

“ไม่รู้ว่าเสว่มั่นเคยพูดเรื่องคุณตากับคุณยายให้หนูฟังรึเปล่า”

“ไม่เคยค่ะ”

เจียงสื้อสื้อตอบตามความเป็นจริง ถ้าเกิดว่าตอนนั้นฟางยู่เชินไม่ได้มาหาเธอ เธอก็ไม่รู้หรือว่าครอบครัวทางฝั่งแม่ของเธออยู่ที่ไหน

ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ แม่ของเธอกลับไม่เคยพูดเรื่องของครอบครัวเธอเลยแม้แต่คำเดียว

ซ่างหยิงไม่แปลกใจ “สมกับเป็นนิสัยของเสว่มั่น”

เธอหยุดอยู่ครู่หนึ่งและพูดต่อ “ตากับยายของหนูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ดังนั้นตั้งแต่ยายของหนูจากไป สุขภาพของตาก็แย่ลงเรื่อยๆ จนเกือบจะตามยายไปหลายครั้ง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!