“น้าชายเล็ก พี่ชาย”
เจียงสื้อสื้อทักทายตามมารยาท
“พวกคุณมากันแล้ว นั่งลงเร็ว” ฟางเถิงพูดทักทายตอนที่พวกเขากำลังนั่งลง
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ฟางเถิงก็เริ่มเอ่ยปากถามก่อน “ทำไมถึงมาช้าขนาดนี้ล่ะ?”
“ไม่ใช่ พวกเขามาถึงตั้งแต่บ่ายแล้ว แต่ไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับพี่สามที่โรงพยาบาลแหละ”
ซ่างหยิงตักน้ำแกงไปด้วยและตอบแทนพวกของเจียงสื้อสื้อด้วย
ฟางเถิงยิ้ม “พวกคุณช่างมีน้ำใจ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบรับแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“เอานี่ สื้อสื้อ ดื่มน้ำแกงสักหน่อย” ซ่างหยิงเอาน้ำแกงที่ตักเสร็จเรียบร้อยส่งให้ถึงมือของเจียงสื้อสื้อ
“ขอบคุณค่ะ”
เจียงสื้อสื้อก้มหน้าก้มตาซดน้ำแกง เวลานี้เอง พลันมีเสียงของฟางยู่เชินดังขึ้นมาข้างหู “น้องเขย เดี๋ยวพอกินข้าวเสร็จแล้วรบกวนขอเวลาคุณสักหน่อยได้ไหม?”
น้ำเสียงของเขาคอยระมัดระวัง ทำเหมือนจิ้นเฟิงเฉินเป็นคนน่ากลัวเช่นนั้น
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้น และพูดก่อนที่จิ้นเฟิงเฉินจะตอบกลับ “พี่ชาย พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน พี่ไม่ต้องพูดกับฉันระแวดระวังขนาดนี้ก็ได้”
ฟางยู่เชินผงะทันที จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ฉันไม่ได้ระแวดระวังอะไร แค่รู้สึกทำตัวไม่ถูก”
“ก็ได้” เจียงสื้อสื้อหันศีรษะไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง “พี่ชายฉันถามคุณอยู่เนี่ย”
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเธออยู่แวบหนึ่ง มุมปากฉีกยิ้มเล็กน้อยเหมือนไม่ใส่ใจอะไร จากนั้น ก็ตอบกลับอย่างอ่อนโยน “แน่นอนว่าต้องได้สิ”
เมื่อเห็นว่าเขาตอบตกลงแล้ว ฟางยู่เชินจึงถอนหายใจโล่งอก “งั้น เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วพวกเราไปคุยกันที่ห้องหนังสือนะ”
จิ้นเฟิงเฉินตอบอย่างราบเรียบ “อืม”
หลังจากที่กินข้าวแล้ว ฟางยู่เชินพาจิ้นเฟิงเฉินไปยังห้องหนังสือ
ส่วนเจียงสื้อสื้อนั้นซ่างหยิงเป็นคนนำทาง เพื่อพามายังห้องพักของมารดาที่เคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้
“ที่นี่ไม่ได้ขยับอะไรให้เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด” ซ่างหยิงพูดขึ้นมา
ห้องพักขนาดใหญ่ ตกแต่งในสไตล์ยุโรป มีห้องแต่งตัวกับห้องน้ำแยกต่างหาก ตรงกลางยังมีเตียงสไตล์เจ้าหญิงแบบยุโรปวางเอาไว้ พร้อมทั้งมีมุ้งสีชมพูอ่อนคลุมลงมา ผ้าปูเตียงเป็นลูกไม้ การตกแต่งโดยรอบประมาณว่าเป็นลูกไม้เกือบทั้งหมด
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าคุณตากับคุณยายจะเลี้ยงดูแม่ฉันเหมือนกับเจ้าหญิงเลย”
“ลูกที่คุณตาคุณยายรักมากที่สุดก็คือแม่ของหนู”
“ดังนั้นแม่ฉันเลยกล้าที่จะค้านหัวชนฝา เพื่อพ่อแล้วถึงกับหักหน้าคุณตาเลย”
เพราะอาศัยความรักทะนุถนอมของพ่อกับแม่ แม่ก็เลยยอมไร้ความปรานีขนาดนั้น
แต่ว่าสิ่งที่ตัดขาดออกไปผลลัพธ์ที่ได้กลับมามันทำร้ายตนเอง และก็ยังเป็นการทำร้ายคนในครอบครัวของเธอด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของเจียงสื้อสื้อรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที
ถ้าปีนั้นมารดายอมฟังคุณตา ก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปีถึงเพียงนั้น
เหมือนมองความคิดที่อยู่ในใจของเธอออก ซ่างหยิงวางมือลงบนไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งพูดอย่างอ่อนโยน “ฉันคิดว่าถ้าเวลามันย้อนกลับไปได้ แม่ของหนูก็คงตัดสินใจเหมือนเดิม”
เจียงสื้อสื้อหันกลับไปมองเธอ
“เพราะว่าคนเราเมื่อได้เจอกับความรักแล้วก็ไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งนั้น เวลานั้น พวกเขาสองคนรักกันมาก ความรักมาเร็วก็ไปจากเราเร็วเช่นเดียวกัน”
ซ่างหยิงเห็นถึงความรักระหว่างฟางเสว่มั่นกับเจียงเจิ้น
เดิมคิดว่าพวกเขาจะอยู่กันไปจนแก่จนเฒ่า แต่ที่ไหนได้สุดท้ายแล้วก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี
จนมีอาการรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ซ่างหยิงสูดลมหายใจเข้าออก พร้อมทั้งฉีกยิ้ม “พอแล้ว เราไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว พวกเราลงไปข้างล่างไปกินผลไม้กันเถอะ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ”
……
ห้องหนังสือ
ฟางยู่เชินเอาสัญญาที่ถูกปฏิเสธการลงนามเซ็นชื่อในวันนี้เอาออกมา
“น้องเขย ฉันอยากจะให้นายดูสัญญาฉบับนี้สักหน่อยว่ามันมีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง”
ตอนที่กำลังพูด เขาก็ยื่นสัญญาให้จิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินรับมา จากนั้นก็เปิดดูอย่างไม่พูดไม่พูดพร่ำทำเพลง
บริเวณโดยรอบเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงพลิกกระดาษไปมา
ฟางยู่เชินกลืนน้ำลายลงคออย่างตื่นเต้น ในเวลานี้ราวกับตอนนี้เขาเหมือนนักเรียนคนหนึ่งที่กำลังรอให้ครูตรวจการบ้านอยู่เช่นนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!