ตอน บทที่ 951 ขี้ขลาดไม่ยอมลงมือ จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 951 ขี้ขลาดไม่ยอมลงมือ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่เขียนโดย เมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
“น้าชายเล็ก พี่ชาย”
เจียงสื้อสื้อทักทายตามมารยาท
“พวกคุณมากันแล้ว นั่งลงเร็ว” ฟางเถิงพูดทักทายตอนที่พวกเขากำลังนั่งลง
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ฟางเถิงก็เริ่มเอ่ยปากถามก่อน “ทำไมถึงมาช้าขนาดนี้ล่ะ?”
“ไม่ใช่ พวกเขามาถึงตั้งแต่บ่ายแล้ว แต่ไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อกับพี่สามที่โรงพยาบาลแหละ”
ซ่างหยิงตักน้ำแกงไปด้วยและตอบแทนพวกของเจียงสื้อสื้อด้วย
ฟางเถิงยิ้ม “พวกคุณช่างมีน้ำใจ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบรับแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“เอานี่ สื้อสื้อ ดื่มน้ำแกงสักหน่อย” ซ่างหยิงเอาน้ำแกงที่ตักเสร็จเรียบร้อยส่งให้ถึงมือของเจียงสื้อสื้อ
“ขอบคุณค่ะ”
เจียงสื้อสื้อก้มหน้าก้มตาซดน้ำแกง เวลานี้เอง พลันมีเสียงของฟางยู่เชินดังขึ้นมาข้างหู “น้องเขย เดี๋ยวพอกินข้าวเสร็จแล้วรบกวนขอเวลาคุณสักหน่อยได้ไหม?”
น้ำเสียงของเขาคอยระมัดระวัง ทำเหมือนจิ้นเฟิงเฉินเป็นคนน่ากลัวเช่นนั้น
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้น และพูดก่อนที่จิ้นเฟิงเฉินจะตอบกลับ “พี่ชาย พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน พี่ไม่ต้องพูดกับฉันระแวดระวังขนาดนี้ก็ได้”
ฟางยู่เชินผงะทันที จากนั้นก็ยิ้มออกมา “ฉันไม่ได้ระแวดระวังอะไร แค่รู้สึกทำตัวไม่ถูก”
“ก็ได้” เจียงสื้อสื้อหันศีรษะไปมองผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง “พี่ชายฉันถามคุณอยู่เนี่ย”
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเธออยู่แวบหนึ่ง มุมปากฉีกยิ้มเล็กน้อยเหมือนไม่ใส่ใจอะไร จากนั้น ก็ตอบกลับอย่างอ่อนโยน “แน่นอนว่าต้องได้สิ”
เมื่อเห็นว่าเขาตอบตกลงแล้ว ฟางยู่เชินจึงถอนหายใจโล่งอก “งั้น เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วพวกเราไปคุยกันที่ห้องหนังสือนะ”
จิ้นเฟิงเฉินตอบอย่างราบเรียบ “อืม”
หลังจากที่กินข้าวแล้ว ฟางยู่เชินพาจิ้นเฟิงเฉินไปยังห้องหนังสือ
ส่วนเจียงสื้อสื้อนั้นซ่างหยิงเป็นคนนำทาง เพื่อพามายังห้องพักของมารดาที่เคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้
“ที่นี่ไม่ได้ขยับอะไรให้เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด” ซ่างหยิงพูดขึ้นมา
ห้องพักขนาดใหญ่ ตกแต่งในสไตล์ยุโรป มีห้องแต่งตัวกับห้องน้ำแยกต่างหาก ตรงกลางยังมีเตียงสไตล์เจ้าหญิงแบบยุโรปวางเอาไว้ พร้อมทั้งมีมุ้งสีชมพูอ่อนคลุมลงมา ผ้าปูเตียงเป็นลูกไม้ การตกแต่งโดยรอบประมาณว่าเป็นลูกไม้เกือบทั้งหมด
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าคุณตากับคุณยายจะเลี้ยงดูแม่ฉันเหมือนกับเจ้าหญิงเลย”
“ลูกที่คุณตาคุณยายรักมากที่สุดก็คือแม่ของหนู”
“ดังนั้นแม่ฉันเลยกล้าที่จะค้านหัวชนฝา เพื่อพ่อแล้วถึงกับหักหน้าคุณตาเลย”
เพราะอาศัยความรักทะนุถนอมของพ่อกับแม่ แม่ก็เลยยอมไร้ความปรานีขนาดนั้น
แต่ว่าสิ่งที่ตัดขาดออกไปผลลัพธ์ที่ได้กลับมามันทำร้ายตนเอง และก็ยังเป็นการทำร้ายคนในครอบครัวของเธอด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของเจียงสื้อสื้อรู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที
ถ้าปีนั้นมารดายอมฟังคุณตา ก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปีถึงเพียงนั้น
เหมือนมองความคิดที่อยู่ในใจของเธอออก ซ่างหยิงวางมือลงบนไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งพูดอย่างอ่อนโยน “ฉันคิดว่าถ้าเวลามันย้อนกลับไปได้ แม่ของหนูก็คงตัดสินใจเหมือนเดิม”
เจียงสื้อสื้อหันกลับไปมองเธอ
“เพราะว่าคนเราเมื่อได้เจอกับความรักแล้วก็ไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งนั้น เวลานั้น พวกเขาสองคนรักกันมาก ความรักมาเร็วก็ไปจากเราเร็วเช่นเดียวกัน”
ซ่างหยิงเห็นถึงความรักระหว่างฟางเสว่มั่นกับเจียงเจิ้น
เดิมคิดว่าพวกเขาจะอยู่กันไปจนแก่จนเฒ่า แต่ที่ไหนได้สุดท้ายแล้วก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี
จนมีอาการรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ซ่างหยิงสูดลมหายใจเข้าออก พร้อมทั้งฉีกยิ้ม “พอแล้ว เราไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว พวกเราลงไปข้างล่างไปกินผลไม้กันเถอะ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ”
……
ห้องหนังสือ
ฟางยู่เชินเอาสัญญาที่ถูกปฏิเสธการลงนามเซ็นชื่อในวันนี้เอาออกมา
“น้องเขย ฉันอยากจะให้นายดูสัญญาฉบับนี้สักหน่อยว่ามันมีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง”
ตอนที่กำลังพูด เขาก็ยื่นสัญญาให้จิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินรับมา จากนั้นก็เปิดดูอย่างไม่พูดไม่พูดพร่ำทำเพลง
บริเวณโดยรอบเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียงพลิกกระดาษไปมา
ฟางยู่เชินกลืนน้ำลายลงคออย่างตื่นเต้น ในเวลานี้ราวกับตอนนี้เขาเหมือนนักเรียนคนหนึ่งที่กำลังรอให้ครูตรวจการบ้านอยู่เช่นนั้น
จิ้นเฟิงเฉินชูมือขึ้นและตบบ่าเขาเบาๆ พร้อมทั้งพูดอย่างหนักแน่น “ความสามารถของคุณก็ไม่ได้ด้อยเลย ไม่จำเป็นต้องขี้ขลาดหวาดกลัวจนไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเอง”
“คุณต้องจำไว้ บางครั้งยิ่งระวังมากเกินไปมันก็จะผิดพลาดได้ง่ายกว่าเดิม ระดับความเหมาะสมมันได้แล้ว ไม่งั้น มันจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มันตรงกันข้ามในสิ่งที่เราหวังไว้”
“ได้ ผมจำได้ขึ้นใจแล้ว”
ฟางยู่เชินยิ้มให้ “ขอบคุณ คุณมาก น้องเขย”
จิ้นเฟิงเฉินดึงมือกลับ “มีตรงไหนที่ต้องการให้ผมช่วย คุณก็พูดออกมาตรงๆ ได้เลย”
ฟางยู่เชินคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็เสนอความคิดของตนเองออกไปอย่างกล้าหาญ “ผมคิดว่าพรุ่งนี้จะให้คุณไปบริษัทพร้อมกับผม”
“ได้สิ” จิ้นเฟิงเฉินตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใดๆ
แม้ว่าเขาจะอยู่ที่ฟางซื่อกรุ๊ปแต่ไม่สามารถจะยืนหยัดได้อย่างมั่นคง เช่นนั้นก็ไปช่วยให้เขายืนหยัดได้อย่างมั่นคง การทำเช่นนี้สื้อสื้อก็คงสบายใจไปด้วย
ฟางยู่เชินไม่คิดเลยว่าเขาจะตอบตกลงได้รวดเร็วขนาดนี้ จนเขาถึงแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นถึงได้สติกลับมา ความยินดีปรากฏให้เห็นอยู่บนใบหน้า “น้องเขย ผมไม่รู้เลยว่าจะขอบใจคุณยังไงดี”
“ครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นก็ได้”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เดินตามหลังติดๆ ลงมาด้านล่าง
“พวกคุณคุยกันเสร็จแล้วเหรอ?” ซ่างหยิงถามอย่างสงสัย
“อื้อ”
ฟางยู่เชินเดินเข้ามาหา พร้อมทั้งยิ้มเล็กน้อยให้เจียงสื้อสื้ออย่างอ่อนโยน “น้องสาว พรุ่งนี้ฉันขอยืมเวลาของน้องเขยสักหน่อย ได้ไหม?”
เจียงสื้อสื้อผงะไปชั่วครู่ “ได้สิ”
“ฉันยังคิดว่าน้องจะตอบปฏิเสธนะเนี่ย” ฟางยู่เชินพูดหยอกล้อ
“แล้วทำไมต้องตอบไม่เห็นด้วยล่ะ? ฉันเป็นคนขี้เหนียวขนาดนั้นเลย?” เจียงสื้อสื้อแกล้งทำท่าโกรธตอนมองมาทางเขา
จิ้นเฟิงเฉินเดินมานั่งข้างเธอ เธอเองก็เอาส้อมจิ้มแอปเปิลมาหนึ่งชิ้นแล้วก็ยื่นให้เขา “กินแอปเปิลสักหน่อย”
ฟางยู่เชินพูดติดตลก “เป็นไปได้ยังไง นี่ไม่ใช่เป็นเพราะว่าคอยกังวลเรื่องคู่สามีภรรยาที่ไม่ยอมแยกจากกันหรอกเหรอ”
เจียงสื้อสื้อหน้าร้อนผ่าว จากนั้นก็อ้าปากพูดเปลี่ยนเรื่องแทน “พี่ พี่ทำงานอยู่บริษัทยังสบายดีอยู่ใช่ไหม?”
นิสัยน้าชายใหญ่และน้าชายรองแล้ว ต้องคอยรังแกเขาที่บริษัทอยู่ไม่น้อย
ฟางยู่เชินยักไหล่เล็กน้อย “ถ้ามันดีจริง แล้วทำไมฉันต้องมายืมน้องเขยด้วยล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!