“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างเป็นห่วง
ฟางยู่เชินเพิ่งจะเข้ามารับช่วงต่อของฟางซื่อกรุ๊ปได้ไม่กี่วันเอง ถ้ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมันจะไม่ดีกับเขามาก
“ไม่มีอะไร เรื่องขี้ปะติ๋วเอง”
ฟางยู่เชินเริ่มพูดอธิบายเพื่อจูงใจทันที “มีน้องเขยคอยช่วย มีเรื่องก็เหมือนไม่มีแหละ”
“งั้นก็ดี” เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ
เธอจิ้มผลไม้ชิ้นหนึ่งที่ปอกแล้วมาจากจานผลไม้ จากนั้นก็หันด้านข้างไปหาจิ้นเฟิงเฉิน “ต้องลำบากคุณแล้วนะ”
“ไม่ลำบากเลย”
ทำได้แค่ให้เธอได้สบายใจ เขายินยอมทำทุกสิ่งทั้งนั้น
เจียงสื้อสื้อยิ้มให้ และเหมือนคิดอะไรออก จากนั้นก็ถามกลับ “นี่พี่ สองสามวันมานี้น้าชายใหญ่กับน้าชายรองพวกเขาไม่ได้ทำให้พี่ลำบากใจใช่ไหม?”
“พวกเขาก็แค่คิดแหละ แต่ไม่ได้กล้าขนาดนั้น ตอนนี้ฉันก็เป็นถึงประมุขของตระกูลฟาง อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องหวาดกลัวอยู่บ้าง”
ฟางยู่เชินไม่อยากให้เธอรู้เรื่องมากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงให้เธอต้องมาคอยเป็นห่วง
“ถ้าพวกเขาทำให้พี่ลำบากใจ แล้วพี่ไม่สามารถแก้ไขจัดการได้ งั้นก็ให้เฟิงเฉินคอยช่วย”
ฟางยู่เชินยิ้มตอบ “ขอบใจมาก ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ”
เวลานั้นเอง จิ้นเฟิงเฉินที่เอาแต่เงียบงันมาตลอดถึงกลับต้องเอ่ยปากพูด “เรื่องที่คุณตาประสบอุบัติเหตุนั้นตรวจสอบอย่างชัดเจนหรือยัง?”
คำถามที่เขาเอ่ยถึงเช่นนี้ จนทำให้เจียงสื้อสื้อนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ “ใช่สิ เรื่องอุบัติเหตุทางรถนั่นมันมีความคืบหน้าบ้างไหม?”
ซ่างหยิงส่ายหน้าไปมา “ไม่มี ทางฝั่งตำรวจนั้นแจ้งข่าวกับพวกเราว่ากำลังตรวจสอบอยู่”
“หรือว่าไม่เจออะไรเลยเหรอ?” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วถาม
“ไม่มี”
เจียงสื้อสื้อถามกลับเหมือนมีความสงสัยอยู่ “ตรวจสอบมาตั้งหลายวันแล้วยังไม่มีความคืบหน้าอีก ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุที่ธรรมดาแล้ว”
ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุธรรมดา ในช่วงระยะเวลานี้ ก็น่าจะเพียงพอในการตรวจหาเหตุปัจจัยได้ออกมาสักหนึ่งอย่างแล้ว
แต่ว่ามาถึงตอนนี้ยังไม่มี นั่นหมายความว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา
“ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ใช่ ตอนนี้พวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่รอฟังข่าวจากทางตำรวจ” ฟางยู่เชินตอบ
จางสื้อสื้อถอนหายใจ “หวังว่าจะสามารถหาเบาะแสความจริงได้อย่างเร็ววัน”
บรรยากาศเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ซ่างหยิงไม่อยากให้พวกเขาต้องอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเคร่งขรึมเช่นนี้ จึงยิ้มและพูดออกมา “พอแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว พูดเรื่องอื่นกันดีกว่า”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ตกลง”
หลังจากที่ทุกคนคุยกันจนเวลาปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้ว ถึงได้แยกย้ายกันกลับไปนอนพักที่ห้องนอนของตนเอง
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินก็ยังกลับไปพักผ่อนยังห้องนอนครั้งที่แล้ว
“เฟิงเฉิน คุณว่าตกลงแล้วใครกันที่ต้องการทำร้ายคุณตาเหรอ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างสงสัย
จิ้นเฟิงเฉินโอบกอดเธอเอาไว้ จากนั้นก็พูดอย่างวิเคราะห์ออกมา “ถ้าไม่ใช่ว่าคุณตามองการณ์ไกลและทำพินัยกรรมเอาไว้แล้วละก็ เช่นนั้นเรื่องนี้ใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดล่ะ?”
ใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด?
เจียงสื้อสื้อไม่ต้องคิดเลย พลันหลุดปากพูดออกมาทันที “น้าชายใหญ่”
พินัยกรรมได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่าจะยกฟางซื่อกรุ๊ปให้กับครอบครัวของฟางยู่เชิน ถ้าไม่มีพินัยกรรมแล้ว เช่นนั้นมีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากที่ฟางอี้หมิงก็ต้องมารับช่วงต่อ และครอบครัวของน้าชายใหญ่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด
“นี่แค่ข้อสงสัยเท่านั้นเอง พวกเราไม่มีหลักฐาน”
“แต่ว่าน้าชายใหญ่จะทำร้ายคุณตาได้อย่างไร?” เจียงสื้อสื้อไม่สามารถรับสภาพจากการคาดเดานี้ได้
หรือว่าน้าชายใหญ่จะเป็นคนโหดเหี้ยมทารุณได้ขนาดนี้จริงๆ เหรอ?
“นกกินจนท้องแตกตาย คนตายเพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
จิ้นเฟิงเฉินหันตัวเธอเข้าหาตัว ทั้งสองจ้องหน้ากัน เขาหยิบเส้นผมของเจียงสื้อสื้อทัดหูให้ พร้อมทั้งพูดปลอบใจอย่างอ่อนโยน “เรื่องนี่คุณก็อย่าคิดเยอะไปเลย อาจจะเป็นน้าชายใหญ่ อาจจะเป็นน้าชายรอง หรืออาจจะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ เป็นไปได้ทั้งหมดแหละ ดังนั้น คุณอย่าได้แบกรับมันเอาไว้ในใจของตนเอง”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าให้ “ฉันรู้แล้ว”
“พอแล้ว นอนเร็วๆ กันเถอะ พรุ่งนี้ไม่ใช่ว่าคุณต้องไปอยู่เป็นเพื่อนคุณตากับคุณแม่ที่โรงพยาบาลเหรอ?”
“อื้อ ฉันรู้แล้ว”
เจียงสื้อสื้อนอนลงอย่างเชื่อฟัง พร้อมทั้งสอดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉิน ผ่านไปสักพักก็นอนหลับสนิทอย่างสบายใจ
……
ทั้งคืนหลับสนิทโดยที่ไม่มีความฝันใดๆ
ตอนที่เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมานั้น เวลาก็สายโด่งแล้ว อีกฝั่งบนเตียงก็ว่างเปล่าแล้ว
“สื้อสื้อตื่นแล้ว”
ซ่างหยิงเห็นเธอลงมา ก็ยิ้มทักทายให้อย่างยิ้มแย้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!