ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 952

สรุปบท บทที่ 952 ใครได้ผลประโยชน์มากที่สุด: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปเนื้อหา บทที่ 952 ใครได้ผลประโยชน์มากที่สุด – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บท บทที่ 952 ใครได้ผลประโยชน์มากที่สุด ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างเป็นห่วง

ฟางยู่เชินเพิ่งจะเข้ามารับช่วงต่อของฟางซื่อกรุ๊ปได้ไม่กี่วันเอง ถ้ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมันจะไม่ดีกับเขามาก

“ไม่มีอะไร เรื่องขี้ปะติ๋วเอง”

ฟางยู่เชินเริ่มพูดอธิบายเพื่อจูงใจทันที “มีน้องเขยคอยช่วย มีเรื่องก็เหมือนไม่มีแหละ”

“งั้นก็ดี” เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ

เธอจิ้มผลไม้ชิ้นหนึ่งที่ปอกแล้วมาจากจานผลไม้ จากนั้นก็หันด้านข้างไปหาจิ้นเฟิงเฉิน “ต้องลำบากคุณแล้วนะ”

“ไม่ลำบากเลย”

ทำได้แค่ให้เธอได้สบายใจ เขายินยอมทำทุกสิ่งทั้งนั้น

เจียงสื้อสื้อยิ้มให้ และเหมือนคิดอะไรออก จากนั้นก็ถามกลับ “นี่พี่ สองสามวันมานี้น้าชายใหญ่กับน้าชายรองพวกเขาไม่ได้ทำให้พี่ลำบากใจใช่ไหม?”

“พวกเขาก็แค่คิดแหละ แต่ไม่ได้กล้าขนาดนั้น ตอนนี้ฉันก็เป็นถึงประมุขของตระกูลฟาง อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องหวาดกลัวอยู่บ้าง”

ฟางยู่เชินไม่อยากให้เธอรู้เรื่องมากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงให้เธอต้องมาคอยเป็นห่วง

“ถ้าพวกเขาทำให้พี่ลำบากใจ แล้วพี่ไม่สามารถแก้ไขจัดการได้ งั้นก็ให้เฟิงเฉินคอยช่วย”

ฟางยู่เชินยิ้มตอบ “ขอบใจมาก ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ”

เวลานั้นเอง จิ้นเฟิงเฉินที่เอาแต่เงียบงันมาตลอดถึงกลับต้องเอ่ยปากพูด “เรื่องที่คุณตาประสบอุบัติเหตุนั้นตรวจสอบอย่างชัดเจนหรือยัง?”

คำถามที่เขาเอ่ยถึงเช่นนี้ จนทำให้เจียงสื้อสื้อนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ “ใช่สิ เรื่องอุบัติเหตุทางรถนั่นมันมีความคืบหน้าบ้างไหม?”

ซ่างหยิงส่ายหน้าไปมา “ไม่มี ทางฝั่งตำรวจนั้นแจ้งข่าวกับพวกเราว่ากำลังตรวจสอบอยู่”

“หรือว่าไม่เจออะไรเลยเหรอ?” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วถาม

“ไม่มี”

เจียงสื้อสื้อถามกลับเหมือนมีความสงสัยอยู่ “ตรวจสอบมาตั้งหลายวันแล้วยังไม่มีความคืบหน้าอีก ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุที่ธรรมดาแล้ว”

ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุธรรมดา ในช่วงระยะเวลานี้ ก็น่าจะเพียงพอในการตรวจหาเหตุปัจจัยได้ออกมาสักหนึ่งอย่างแล้ว

แต่ว่ามาถึงตอนนี้ยังไม่มี นั่นหมายความว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา

“ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ใช่ ตอนนี้พวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่รอฟังข่าวจากทางตำรวจ” ฟางยู่เชินตอบ

จางสื้อสื้อถอนหายใจ “หวังว่าจะสามารถหาเบาะแสความจริงได้อย่างเร็ววัน”

บรรยากาศเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย ซ่างหยิงไม่อยากให้พวกเขาต้องอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเคร่งขรึมเช่นนี้ จึงยิ้มและพูดออกมา “พอแล้ว ไม่พูดเรื่องนี้กันแล้ว พูดเรื่องอื่นกันดีกว่า”

เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ตกลง”

หลังจากที่ทุกคนคุยกันจนเวลาปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้ว ถึงได้แยกย้ายกันกลับไปนอนพักที่ห้องนอนของตนเอง

เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินก็ยังกลับไปพักผ่อนยังห้องนอนครั้งที่แล้ว

“เฟิงเฉิน คุณว่าตกลงแล้วใครกันที่ต้องการทำร้ายคุณตาเหรอ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างสงสัย

จิ้นเฟิงเฉินโอบกอดเธอเอาไว้ จากนั้นก็พูดอย่างวิเคราะห์ออกมา “ถ้าไม่ใช่ว่าคุณตามองการณ์ไกลและทำพินัยกรรมเอาไว้แล้วละก็ เช่นนั้นเรื่องนี้ใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดล่ะ?”

ใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด?

เจียงสื้อสื้อไม่ต้องคิดเลย พลันหลุดปากพูดออกมาทันที “น้าชายใหญ่”

พินัยกรรมได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่าจะยกฟางซื่อกรุ๊ปให้กับครอบครัวของฟางยู่เชิน ถ้าไม่มีพินัยกรรมแล้ว เช่นนั้นมีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากที่ฟางอี้หมิงก็ต้องมารับช่วงต่อ และครอบครัวของน้าชายใหญ่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

“นี่แค่ข้อสงสัยเท่านั้นเอง พวกเราไม่มีหลักฐาน”

“แต่ว่าน้าชายใหญ่จะทำร้ายคุณตาได้อย่างไร?” เจียงสื้อสื้อไม่สามารถรับสภาพจากการคาดเดานี้ได้

หรือว่าน้าชายใหญ่จะเป็นคนโหดเหี้ยมทารุณได้ขนาดนี้จริงๆ เหรอ?

“นกกินจนท้องแตกตาย คนตายเพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”

จิ้นเฟิงเฉินหันตัวเธอเข้าหาตัว ทั้งสองจ้องหน้ากัน เขาหยิบเส้นผมของเจียงสื้อสื้อทัดหูให้ พร้อมทั้งพูดปลอบใจอย่างอ่อนโยน “เรื่องนี่คุณก็อย่าคิดเยอะไปเลย อาจจะเป็นน้าชายใหญ่ อาจจะเป็นน้าชายรอง หรืออาจจะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ เป็นไปได้ทั้งหมดแหละ ดังนั้น คุณอย่าได้แบกรับมันเอาไว้ในใจของตนเอง”

เจียงสื้อสื้อพยักหน้าให้ “ฉันรู้แล้ว”

“พอแล้ว นอนเร็วๆ กันเถอะ พรุ่งนี้ไม่ใช่ว่าคุณต้องไปอยู่เป็นเพื่อนคุณตากับคุณแม่ที่โรงพยาบาลเหรอ?”

“อื้อ ฉันรู้แล้ว”

เจียงสื้อสื้อนอนลงอย่างเชื่อฟัง พร้อมทั้งสอดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของจิ้นเฟิงเฉิน ผ่านไปสักพักก็นอนหลับสนิทอย่างสบายใจ

……

ทั้งคืนหลับสนิทโดยที่ไม่มีความฝันใดๆ

ตอนที่เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมานั้น เวลาก็สายโด่งแล้ว อีกฝั่งบนเตียงก็ว่างเปล่าแล้ว

“สื้อสื้อตื่นแล้ว”

ซ่างหยิงเห็นเธอลงมา ก็ยิ้มทักทายให้อย่างยิ้มแย้ม

“อะไรนะ?” ฟางอี้หมิงลุกพรวดขึ้นมาทันที “เขาจะมาได้ยังไงกัน?”

“น่าจะเป็นเพราะว่าฟางยู่เชินไอ้หมอนั่นเชิญมาช่วยงาน” ตอนที่พูดประโยคนี้ออกไปนั้น ฟางเฉินโกรธแค้นจนต้องกัดกันพูด

เดิมพวกเขาต้องการที่จะให้จิ้นเฟิงเฉินต้องอาศัยพวกเขา และร่วมมือกันสักครั้ง แต่ว่าตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินไม่ให้โอกาสกับพวกเขาแล้ว

ฟางยู่เชินยิ้มแห้งๆ “มองไม่ออกเลยว่าฟางยู่เชินจะมีกลยุทธ์มากมายขนาดนี้”

“ถ้าฉันไม่ได้ทายผิดแล้วละก็น่าจะเป็นเพราะว่าเรื่องเมื่อวานนี้”

เป็นเพราะว่าเมื่อวานนี้สัญญาเจรจาไม่ลงตัว กรรมการจำนวนไม่น้อยก็แสดงความคิดเห็นกับฟางยู่เชิน

“เขาต้องการเอาใจพวกเหล่ากรรมการ” ฟางอี้หมิงกำหมัดแน่น พร้อมทั้งรอยยิ้มอันเย็นชา “ครั้งนี้ก็ต้องปล่อยให้เขาหนีรอดไปอย่างหวุดหวิด”

ฟางเฉิงขมวดคิ้ว “พวกเราไม่ค่อยขัดขวางเหรอ?”

“นั่นคือจิ้นเฟิงเฉินเลยนะ พวกเราสามารถไปขัดขวางไว้ได้ไหมล่ะ?”

“งั้นจะทำยังไงดี หรือว่าจะยืนมองเฉยๆ ปล่อยให้ฟางยู่เชินไอ้หมอนั่นได้ใจไปตามนั้นเหรอ?”

ฟางอี้หมิงหรี่ตามอง “ตอนนี้สิ่งที่พวกเราทำได้คือคิดหาวิธีการในการร่วมมือกับจิ้นเฟิงเฉินอีกสักครั้ง”

“ร่วมมือเหรอ?” ฟางเฉิงขมวดคิ้วแน่ขึ้นจนเป็นเส้น “เขาจะยินยอมไหมล่ะ?”

ฟางอี้หมิงเหลือบตามองบิดา “ผมไม่ได้พูดว่าต้องหาวิธีไม่ใช่เหรอ? ถ้าเขาไม่ยินยอม พวกเราก็ต้องทำให้เขายอม”

เขาไม่อนุญาตให้ฟางยู่เชินภาคภูมิใจต่อไปได้

ฟางเฉิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “งั้นฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปหาจิ้นเฟิงเฉินลองคุยดู”

“ไม่ว่าจะยังไงก็ตามต้องให้เขายอมตกลงมาร่วมมือกับพวกเรา ไม่ว่าพวกเราจะขาดทุนเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร”

ฟางยู่เชินได้รับการสนับสนุนจากจิ้นกรุ๊ปถึงได้มารับช่วงต่อสืบทอดฟางซื่อกรุ๊ป แต่ว่าจะสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงหรือไม่มันพูดได้ยากมากจริงๆ

เขาต้องแย่งฟางซื่อกรุ๊ปกลับคืนมาให้ถึงมือได้อย่างแน่นอน

มุมปากของฟางอี้หมิงพลันปรากฏรอยยิ้มแห่งชัยชนะ นัยน์ตาเต็มเป็นด้วยแผนการมากมาย

การมาของจิ้นเฟิงเฉินทำให้เหล่ากรรมการต่างยินดีมาก แม้ว่าฟางซื่อกรุ๊ปกับจิ้นกรุ๊ปต่างเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่โดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร แต่ว่าเมื่อเอาเปรียบเทียบกันแล้ว จิ้นกรุ๊ปเหนือกว่าอีกขั้น

ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะอายุมากกว่าจิ้นเฟิงเฉินอยู่ก็ตาม แต่ลึกๆ ในใจก็ยังหวาดกลัวเล็กน้อย

“คุณท่านจิ้น ยินดีต้อนรับท่านสู่ฟางซื่อกรุ๊ป” เหล่ากรรมการต่างแสดงความยินดีต้อนรับของตนเองออกมา

จิ้นเฟิงเฉินได้แค่พยักหน้าชายเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งลงด้านข้างฟางยู่เชิน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!