ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 999

สรุปบท บทที่999ไม่ตัดความเป็นไปได้นี้ออก: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

บทที่999ไม่ตัดความเป็นไปได้นี้ออก – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่999ไม่ตัดความเป็นไปได้นี้ออก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

พอมาถึงเมืองหลวง จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อก็ไปที่โรงพยาบาลก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อไปเยี่ยมคุณท่านฟางกับฟางเสว่มั่น

ตอนที่ได้เห็นทั้งคู่ ฟางเสว่มั่นทั้งตกใจทั้งดีใจ

“พวกลูกมาได้ยังไงเนี่ย?”

“ก็คิดถึงแม่ไงคะ”

เจียงสื้อสื้อเข้าไปกอดเธอเอาไว้

ฟางเสว่มั่นเผยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นออกมา ยกมือขึ้นมาตบที่หลังของเธอเบาๆ “โตจนป่านนี้แล้ว ยังขี้อ้อนไม่เปลี่ยนเลย”

“ไม่ว่าจะโตแค่ไหน หนูก็ยังเป็นลูกสาวของแม่อยู่ดีนี่คะ”

เจียงสื้อสื้อลุกออกมา จากนั้นก็พิจารณาร่างกายของผู้เป็นแม่ แล้วถามไปว่า “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”

“ก็ไม่เลวนะ”

ฟางเสว่มั่นเงยหน้าขึ้นมามองจิ้นเฟิงเฉิน เธอยิ้มให้เขา “เฟิงเฉิน ลำบากแย่เลย ที่ต้องตามสื้อสื้อไปๆ มาๆ แบบนี้”

จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมาเล็กน้อย “ผมไม่ได้ลำบากเลยครับ แม่”

เขาเป็นห่วงสื้อสื้อขนาดไหน ฟางเสว่มั่นเองก็รู้ดี เธอดีใจมากที่ลูกสาวของตัวเองได้มีสามีที่ดีขนาดนี้

ไม่เหมือนกับเธอ

เจียงสื้อสื้อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ดิ่งลงของผู้เป็นแม่ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “แม่คะ แม่เป็นอะไร?”

ฟางเสว่มั่นรีบกดความรู้สึกนั้นลงไป แล้วส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “แม่ไม่เป็นไร”

แล้วเธอก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “จริงสิ พวกลูกกินข้าวเที่ยงกันรึยัง?”

“กินมาก่อนออกเดินทางแล้วค่ะ”

ฟางเสว่มั่นขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะหิวแล้วนะ รีบไปหาอะไรกินก่อนไป เดี๋ยวดึกๆ น้าชายเล็กกับน้าสะใภ้เล็กจะเข้ามาด้วย”

เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกหนูไปหาอะไรกินก่อนนะคะ”

“ไปเถอะจ้ะ”

พอเห็นทั้งคู่ออกไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางเสว่มั่นก็ค่อยจางหายไป เธอหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา เปิดออก แล้วเข้าไปที่ข้อความ

----เสว่มั่น ช่วงนี้คุณสบายดีไหม?

คนที่ส่งข้อความมาคือเจียงเจิ้ง

ฟางเสว่มั่นจ้องมองข้อความบนหน้าจอ ด้วยความรู้สึกที่สับสน

เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เจียงเจิ้งถึงส่งข้อความนี้มา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตอบกลับ

ส่วนเจียงเจิ้งเองก็ไม่ได้ส่งอะไรมาเพิ่มเหมือนกัน

เธอถอนหายใจ จากนั่นก็ปิดมือถือลง

……

จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อมาถึงภัตตาคารแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล

พอนั่งลง เจียงสื้อสื้อก็เอะใจเหมือนคิดอะไรได้ “จนถึงตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณตายังไม่ได้ข้อสรุป แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลฟางอีก คุณคิดว่าสองเรื่องนี้จะเป็นฝีมือของคนคนเดียวรึเปล่าคะ?”

จิ้นเฟิงเฉินคิ้วกระตุก เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกตกใจ “ทำไมจู่ๆ คุณถึงคิดถึงเรื่องนี้ล่ะครับ?” เจียงสื้อสื้อชี้ไปที่หัวของตัวเอง “จู่ๆ มันก็นึกขึ้นได้ค่ะ”

จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้จริงๆ

หรือจะบอกว่าเห็นคุณท่านฟางแล้วนึกออกก็ได้

เพราะทั้งสองเหตุการณ์ก็มุ่งเป้าไปยังที่เดียวกัน นั่นก็คือฟางซื่อกรุ๊ป

จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม “ไม่ตัดข้อความเป็นไปได้นี้ออก”

“อืม……” เจียงสื้อสื้อใช้ความคิด “ถ้าเป็นฝีมือของคนคนเดียวจริง มีความเป็นไปได้มั้ยคะว่าคนคนนั่นจะเป็นฟางอี้หมิง?”

เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าเพื่อผลประโยชน์และอำนาจแล้ว คนคนหนึ่งจะสามารถทำเรื่องที่น่ากลัวแบบนั้นออกมาได้

“เป็นไปได้ครับ”

เจียงสื้อสื้อทำหน้าย่น ทำไมคุณถึงเอาแต่พูดว่า เป็นไปได้เหรอคะ คุณจะตอบให้มันชัดเจนหน่อยไม่ได้รึไง? “

จิ้นเฟิงเฉินหยุดยิ้ม “ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องว่าด้วยหลักฐาน ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่สามารถยืนยันได้ว่าฟางอี้หมิงเป็นคนทำ จึงทำได้แค่สงสัยเท่านั้น”

“แต่เรื่องที่โกดังถูกไฟไหม้ต้องเป็นแผนการของเขาแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”

“ใช่ครับ”

“ยู่เชิน ฉันเชื่อเธอ เชื่อว่าเธอจะต้องทำได้แน่นอน”

ความเชื่อมั่นอย่างไร้ข้อสงสัยของท่านหยางนั้นเป็นกำลังใจให้กับฟางยู่เชินอย่างมาก เขาหายใจเข้าลึกๆ “ปู่หยาง ขอบคุณครับ”

หลังวางสาย ฟางยู่เชินก็เข้าสู่โหมดใช้ความคิด

ตอนนี้ทางตำรวจยังสอบหาคนที่ฉีดยาพิษให้ หลี่เผิงไม่ได้ ส่วนการตรวจสอบทาง ส้งหยาวก็ยังไม่มีความคืบหน้า

คนที่ชื่อย่วนชิงโซงได้ออกนอกประเทศไปก่อนที่ส้งหยาวจะตามถึงตัวเขา

เห็นได้ชัดว่ามีคนสั่งให้เขาเดินทางไปต่างประเทศ

พอคิดถึงตรงนี้ ฟางยู่เชินก็หรี่ตาลง จากนั้นมุมปากของเขาก็แย้มขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า พี่ของเขานั่นฉลาดมาก

แต่ว่า ต่อให้จะหนีออกนอกประเทศไปเขาก็มีวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายกลับประเทศมาอย่างว่าง่ายได้

……

ในเวลาเดียวกัน ในห้องทำงานของฟางอี้หมิง ได้เกิดเสียงที่น่าสะพรึงกลัวขึ้น

“ท่านหยางนั่นอีกแล้วเหรอ นี่เขาตั้งใจหาเรื่องเราใช่มั้ย?” ฟางอี้หมิงจ้องมองฟางเฉิงพ่อของตัวเอง แล้วถามด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว

ฟางเฉิงรีบพูดระงับอารมณ์ของเขา “แกใจเย็นลงก่อน เสียงดังขนาดนี้ไม่กลัวคนอื่นได้ยินเข้ารึไง?”

ฟางอี้หมิงหายใจเข้าลึกๆ กดความรู้สึกโกรธในใจลงไป แล้วกัดฟันพูดไปว่า “ทั้งๆ ที่เส้นตายหนึ่งอาทิตย์ก็ถึงแล้ว หางยู่เชินมันก็ควรลงจากตำแหน่งประธานได้แล้ว แล้วตอนนี้ล่ะ? ไม่เพียงไม่ต้องลงจากตำแหน่ง แถมยังมีเวลาเพิ่มอีกตั้งอาทิตย์หนึ่งเพื่อไปตรวจสอบ นี่มันตั้งใจขัดใจผมชัดๆ”

เดิมทีถ้าฟางยู่เชินมอบฟางซื่อกรุ๊ปออกมาแล้ว มันก็จะทำให้การตรวจสอบเรื่องโกดังที่ถูกไฟไหม้นั้นยากขึ้น ต่อให้ตรวจสอบยังไงก็ไม่มีทางสาวมาถึงตัวเองอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ล่ะ?

ฟางอี้หมิงยิ่งคิดยิ่งโกรธ กำปั้นของเขาชกลงบนโต๊ะทำงานอย่างแรง เสียงที่ดังขึ้นทำเอาฟางเฉิงถึงกับตกใจ

“อี้หมิง!” ฟางเฉิงใช้สิทธิ์การเป็นพ่อมาตำหนิเขา “ปกติแกก็สามารถกักเก็บอารมณ์ได้ตลอดเลยไม่ใช่รึไง แล้วทำไมตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?”

ฟางอี้หมิงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

ฟางเฉิงถอนหายใจ แล้วพูดต่อว่า “ท่านหยางกับท่านปู่ของแกนั้นสนิทกันที่สุด ส่วนท่านปู่ของแกก็รักฟางยู่เชินที่สุด แบบนี้เขาก็ต้องยืนอยู่ข้างเดียวกับฟางยู่เชินอยู่แล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!