ตอน บทที่209 ขาสามข้าง จาก ลูกเขยมังกร – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่209 ขาสามข้าง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต ลูกเขยมังกร ที่เขียนโดย เมฆทอง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่209 ขาสามข้าง
หนึ่งนาทีต่อมา ผู้ชายสูงใหญ่สิบกว่าคนที่ใส่ชุดดำ กล้ามหน้าอกพองสูงขึ้นก็เดินเข้ามา ในมือถือมีอาวุธสารพัด
“คุณชายซูน” ผู้ชายสูงใหญ่ชุดดำสิบกว่าคนเดินมาถึงตรงหน้าซูนแช่ โค้งเอวอย่างเป็นระเบียบ
ซูนแช่มองเฉินเฟิงอย่างได้ใจ คล้ายอยากมองหาท่าทางหวาดหวั่นของเฉินเฟิง ใครจะรู้ว่าสีหน้าเฉินเฟิงยังคงเรียบนิ่ง ราวกับไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่าอะไรเรียกว่าความกลัว
ชั่วขณะนั้นซูนแช่พาลโกรธเอาดื้อๆ ชี้ทางเฉินเฟิง เอ่ยปากอย่างโหดร้าย “จัดการเจ้าลูกผสมสองขานี้ให้ฉันซะ”
“ได้ครับ คุณชายซูน“
ชายสูงใหญ่ชุดดำสิบกว่าคนพยักหน้าเป็นระเบียบ จากนั้นยกอาวุธในมือขึ้น ล้อมเฉินเฟิงเข้ามา
“อยากเก็บเพื่อนเฉินเฟิงเหรอ? ข้ามด่านฉันไปก่อนแล้วกัน!” จูกว่างฉวนก้าวออกมาด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“ตีทั้งคู่! ถ้าตีตายฉันจะรับผิดชอบเอง!” ซูนแช่ส่งเสียงหัวเราะเยาะ จูกว่างฉวนคนเดียวยังคิดว่าตนเองจะแน่จริง
“คุณเฉิน คุณรีบหนีเถอะ พวกคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา” จูเจียเหยียนมองเฉินเฟิงอย่างร้อนใจอยู่บ้าง นิสัยของจูกว่างฉวน เธอรู้ดีมาก คนที่ดื้อรั้นแบบนั้น ถ้าเฉินเฟิงไม่หนี เขาก็จะไม่หนีด้วย พอซูนแช่เอาจริงขึ้นมา วันนี้จูกว่างฉวนอาจจะถูกตีตายจริงๆ
เฉินเฟิงส่ายหน้าพลางบอกว่า “คุณจู ผมจะไม่ให้พี่ชายคุณเกิดเรื่อง”
“แต่พวกเขามีสิบกว่า……” จูเจียเหยียนกำลังอยากพูดว่าซูนแช่ทางนั้นมีสิบกว่าคน แต่คำพูดของเธอยังพูดไม่จบ กลับเห็นเฉินเฟิงเดินเข้าไปหาชายสูงใหญ่ที่ใส่ชุดดำสิบกว่าคนโดยตรง
เห็นเฉินเฟิงยืนอยู่ด้านหน้าตนเอง ชั่วขณะนั้นจูกว่างฉวนรีบร้อนอยู่บ้าง “เพื่อนเฉินเฟิง นายต่อสู้เป็นด้วยเหรอ?”
“เป็นนิดหน่อย” เฉินเฟิงหัวเราะ บอกไป
เป็นนิดหน่อย? ซูนแช่แสยะยิ้ม คนโง่เขลาที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้ คิดว่าบอดี้การ์ดของเขาเหล่านี้เหมือนกับนักเลงข้างถนนเหล่านั้นหรือไง? พูดอย่างไม่เกินเลยสักนิด บอดี้การ์ดเหล่านี้ของเขา ต่อให้เลือกมาสักคน ก็สามารถตีนักเลงข้างถนนได้เป็นสิบ แม้กระทั่งยี่สิบคนก็ยังได้!
เก็บกวาดเฉินเฟิง บางทีแค่มือเดียวยังไม่ต้องใช้!
แวบเดียวชายสูงใหญ่ชุดดำสิบกว่าคนก็โบกอาวุธในมือพุ่งเข้าไปทางจูกว่างฉวนและเฉินเฟิง
จูกว่างฉวนก้าวเท้าออกมาก่อน ปล่อยหมัดเหล็กราวกับกระสุนปืนใหญ่ออกไป กวัดแกว่งออกไปทันที ซัดไปบนหน้าอกของชายสูงใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าอย่างหนัก
เพียงแค่หมัดเดียว ชายสูงใหญ่ชุดดำที่เป็นหัวหน้าก็เหมือนว่าวสายขาด กระเด็นลอยออกไปไกลเจ็ดแปดเมตรแล้วถึงตกลงพื้น
ฝูงชนเกิดความไม่สงบ ผู้คนต่างคาดไม่ถึงอย่างเห็นได้ชัดว่าจูกว่างฉวนที่รูปร่างอ้วนใหญ่ แรงต่อสู้จะน่าตกใจขนาดนี้
สายตาของซูนแช่ครุ่นคิดแบบไม่สามารถค้นหาได้ เขารู้เรื่องที่จูกว่างฉวนห่างจากประตูจอมยุทธ์ก้าวเดียว ดังนั้นการแสดงแบบนี้ของจูกว่างฉวนก็ไม่เกินความคาดหมายของเขา
ถ้าวันนี้จูกว่างฉวนเป็นจอมยุทธ์คนหนึ่ง อย่างไรเขาก็ไม่อาจจะหาเรื่องเดือดร้อนให้จูกว่างฉวนได้ แม้กระทั่งจะคุกเข่าให้เฉินเฟิงโดยตรง
แต่ไม่ใช่เฉพาะจูกว่างฉวน
ตอนนี้ถึงแม้เขาจะห่างจากประตูจอมยุทธ์อยู่ก้าวหนึ่ง แต่ก้าวนี้ ชาตินี้ล้วนไม่แน่ว่าจะข้ามเข้าไปได้
ดังนั้นจูกว่างฉวนจึงพูดด้วยความหมายที่จริงจังว่าเขายังเป็นคนธรรมดา
คนธรรมดาที่บึกบึนนิดหน่อย
ขอเพียงเป็นคนธรรมดา นั้นก็มีทางทำลาย
เขาส่งสิบกว่าคนนี้ออกไป ล้วนสามารถใช้การสู้แบบเวียนเทียนจัดการจูกว่างฉวนให้ตาย
จุดโฟกัสทั้งสนามล้วนอยู่บนตัวของจูกว่างฉวน ไม่ได้มีสักกี่คนที่สนใจเฉินเฟิง
เวลานี้เฉินเฟิงจึงลงมือแล้ว
หมัดที่ลอยล่องต่อยลงบนแขนของชายสูงใหญ่ที่โบกสะบัดมีดมาเชเต้คนหนึ่งแล้ว
“ก๊อกแก๊ก”
เสียงกระดูกหักดังก้องขึ้น ชั่วขณะนั้นผู้ชายสูงใหญ่ถือมีดมาเชเต้ร้องโหยหวน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีตับหมูทันที
“เพื่อน มีเรื่องอะไรหารือกันดีๆ” ซูนแช่กลืนน้ำลายลงอึกหนึ่ง ตอนนี้เขาเป็นแค่ผู้บัญชาที่ขาดฐานมวลชน เฉินเฟิงอยากเก็บกวาดเขา ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย
“หารือ?” เฉินเฟิงมองซูนแช่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มทีหนึ่ง “ตอนนี้รู้จักคุยกันแล้ว แต่เมื่อกี้ตอนที่ให้คนมาตีขาฉันขาด ทำไมไม่เห็นนายจะหารือกับฉันบ้างล่ะ?”
ซูนแช่ยิ้มกริ่ม บอกว่า “ล้อเล่น……คุณเฉิน เมื่อกี้นั้นผมแค่ล้อเล่นกับท่านเอง”
การแสดงออกของซูนแช่ ทำให้เฉินเฟิงหมดคำจะพูดอยู่บ้าง เขารู้แล้วว่าทำไมบอดี้การ์ดของซูนแช่ถึงไม่มีศักดิ์ศรีขนาดนี้ มีซูนแช่เป็นหัวหน้าที่ไม่มีศักดิ์ศรีขนาดนี้ พวกเขาลูกน้องกลุ่มนี้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรีสิถึงจะแปลก
“ใช่เหรอ?” เฉินเฟิงยิ้มขบคิด ตอบว่า “งั้นฉันก็ล้อเล่นกับนายเป็นยังไง?”
“ล้อเล่นอะไร?” ซูนแช่เอ่ยปากโดยจิตใต้สำนึก หลังพูดจบ เขาเสียใจอยู่บ้าง ปากตนเองช่างต่ำเหลือเกิน
“ไม่อย่างนั้นคุกเข่าลงร้องเสียงหมา ไม่อย่างนั้นฉันตีสามขานายหัก” เฉินเฟิงยิ้มเล็กน้อยพูดขึ้น เขาเพิ่มไปให้อีกขาหนึ่งบนขาทั้งสองของซูนแช่ ขาที่ผู้ชายต่างก็มีกันทั้งนั้น
ซูนแช่มุมปากเป็นตะคริว ขาสามข้าง ทำไมเฉินเฟิงถึงโหดกว่าเขากันล่ะ
“ให้เวลานายคิดหนึ่งนาที” เฉินเฟิงเอ่ยปากนิ่งๆ เขาไม่มีเวลามาเล่นเป็นเพื่อนซูนแช่อยู่ที่นี่ ถ้าอีกหนึ่งนาที ซูนแช่ยังไม่คุกเข่าลงร้องเสียงหมา อย่างนั้นเขาจะไม่เกรงใจซูนแช่อีกแล้ว
สิบวินาที ยี่สิบวินาที สามสิบวินาที……
เวลาผ่านไปแต่ละวินาที ผู้คนทั้งสนามต่างก็จ้องซูนแช่กันไว้ อยากรู้ว่าระหว่างซูนแช่คุกเข่าลงร้องเสียงหมากับโดนเฉินเฟิงตีขาสามข้างหัก เขาจะเลือกอันไหน?
“กึกกัก”
ในที่สุดซูนแช่ยังคุกเข่าลงที่พื้นด้วยหน้าที่เต็มไปด้วยความอับอาย
เขาไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าเสี่ยงว่าเฉินเฟิงมีความกล้าตีขาทั้งสามของเขาหักต่อหน้าสาธารณชนหรือไม่
“โฮ่ง!”
“โฮ่งๆ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...