ลูกเขยมังกร นิยาย บท 272

บทที่ 272 ไม่รู้จักวางตัวให้เหมาะสม

ในหวาเซี่ย นอกจากตระกูลยักษ์ใหญ่หกตระกูลแล้ว ก็ไม่มีอำนาจใดสามารถต่อต้านกับสามสหพันธ์ได้

มีเพียงจอมยุทธ์ของตระกูลยักษ์ใหญ่หกตระกูล ที่ไม่ต้องมาลงทะเบียนที่สหพันธ์บูโด

นอกจากตระกูลยักษ์ใหญ่หกตระกูล จอมยุทธ์ทั้งหมด ก็ต้องมาลงทะเบียนที่สหพันธ์บูโด เพื่อที่จะทิ้งข้อมูลของตัวเองไว้ แล้วจะถูกสหพันธ์ควบคุมดูแล

แน่นอน การลงทะเบียน ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเข้ามาเป็นหนึ่งในสหพันธ์บูโดแห่งหวาเซี่ย

ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นเพียงการตักเตือนเท่านั้น ตักเตือนคุณ อย่าสร้างเรื่องเสียๆ หายๆ ในหวาเซี่ย

สหพันธ์บูโด จะคอยจับตามองคุณอยู่ตลอดเวลา

ผู้เฒ่าชุดขาวไม่สื่อสีหน้าอะไรออกมา แล้วเดินไปตรงหน้าหวงเฟยห้าว

“เพี๊ยะ”

เป็นการตบที่รุนแรง ซึ่งตบลงบนหน้าหวงเฟยห้าวอย่างแรงๆ หน้าเขาเป็นรอยห้านิ้วขึ้นมาทนที

ผู้เถ้าเป็นจอมยุทธ์อ้านจิ้งขั้นกลาง ไม่แตกต่างอะไรจากหวงเฟยห้าว การตบครั้งนี้ หวงเฟยห้าวสามารถหลบได้

ทว่าหวงเฟยห้าว เวลานี้กลับไม่ได้หลบ แล้วยังต้องเชื่อฟัง

เพราะว่าการตบของผู้เฒ่าครั้งนี้ เป็นการตบแทนสหพันธ์บูโด!

“กฎระเบียบของสหพันธ์บูโด นายไม่รู้หรือไง?” ผู้เฒ่าถามด้วยเสียงเย็นชา

“รู้ครับ” หวงเฟยห้าวก้มหน้า เหมือนเด็กที่กระทำผิด

“เพี๊ยะ”

หน้าของหวงเฟยห้าวถูกตบอีกที ในปากของหวงเฟยห้าวมีฟันหลายซี่ที่มีเลือดซึม

“รู้แล้วยังทำผิด?”

“ผู้อาวุโสเซ่ ขอโทษครับ ครั้งหน้าผมจะไม่กล้าอีกต่อไป” หวงเฟยห้าวก้มหน้าสารภาพผิด นัยน์ตาของเตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่สามารถปิดบังไว้อยู่

ตอนอยู่มาเลเซีย อย่าว่าแต่เขาไปต่อยผู้ธรรมดาไม่กี่คนเลย เรียกว่าฆ่าพวกคนธรรมดาจะดีกว่า และยังไม่เคยมีใครกล้าหาเรื่องเขาแบบนี้

แต่พออยู่หวาเซี่ย เขาแค่ต่อยคนธรรมดาไม่กี่คน คนของสหพันธ์บูโดกลับตบหน้าเขาต่อหน้าพวกคนธรรมดาพวกนี้!

“ทางที่ดีที่สุดก็ให้มันได้แบบนี้” เซ่เชียนซานมองหวงเฟยห้าวอย่างเลือดเย็น กฎระเบียบของสหพันธ์บูโดคือไม่สามารถทำร้ายบุคคลธรรมดาโดยไม่มีเหตุผล ต่อให้จะเป็นความแค้นที่ยากที่จะแก่ งั้นก็ต้องยื่นคำขอต่อสหพันธ์บูโด หลังจากที่ได้รับอนุมัติ จึงจะสามารถลงมือได้

ระหว่างจอมยุทธ์กันเองก็เหมือนกัน

หากจอมยุทธ์ทุกคนทำตามใจต้องการ และปล่อยให้ตัวเองเอาแต่ใจ อยากจะตียังไงก็ตีแบบนี้ งั้นสถานการณ์ของหวาเซี่ยก็คงเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว

“ท่านผู้อาวุโสเซ่ หวงเฟยห้าวเขามาหวาเซี่ยครั้งแรก ยังไม่รู้จักกฎระเบียบของสหพันธ์บูโดแห่งหวาเซี่ยดีๆ ดังนั้นเขาเลยทำความผิดแบบนี้ ได้โปรดผู้อาวุโสเซ่อภัย” เวลานี้ ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดจอมยุทธ์สีดำพูดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาทำสีหน้าที่นิ่งเฉย ดูไม่ออกว่าดีใจหรือโมโหอยู่

“กล่าวเกินจริงแล้ว ท่านโห้”

เซ่เชียนซานผายมือ แล้วยิ้มเบาๆ “ระหว่างคุณกับผม ยังจะพูดคำว่าให้อภัยได้ยังไงกัน”

“ท่าทีของท่านหวง ผมก็สามารถเข้าใจได้ ตอนผมก็เพิ่งเป็นจอมยุทธ์ ก็เหมือนอย่างท่านหวงที่ชอบทำตัวสูงส่ง รู้สึกว่าคนที่อยู่ภายใต้จอมยุทธ์ ต่างก็คือมดจนหมด”

“แต่หลังๆ มา คำพูดของท่านผู้อาวุโสฉาวที่ประจำการอยู่ตรงสหพันธ์หลัก กลับทำให้ผมเข้ามา จริงๆ แล้วในสายตาของมหาปรมาจารย์บูโด ผมที่เป็นจอมยุทธ์อ้านจิ้ง ก็แค่เป็นมดตัวน้อยเท่านั้น”

“ดังนั้นแค่ท่านหวงรู้สึกการได้กลายเป็นจอมยุทธ์อ้านจิ้ง ก็สามารถเหนือกว่าทั่วทุกสิ่งในพิภพนี้ จริงๆ ในพิภพนี้ยังกว้างใหญ่กว่าที่เราคิด”

คำพูดนี้ของเซ่เชียนซานเป็นการอุทานและเป็นการตักเตือน ถ้าอยู่ต่างประเทศ หวงเฟยห้าวสามารถวางอำนาจเป็นใหญ่ และสามารถตัดสินความเป็นความตายของคนทั่วไปได้ แต่ตอนอยู่หวาเซี่ย เขากลับไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาพวกนั้นเลย เขาก็แค่มีแรงที่แข็งแกร่งกว่าคนพวกนั้นเท่านั้น

หลังกระทำผิด ก็จะถูกลงโทษโดยกฎหมาย

“ผู้อาวุโสเซ่ได้โปรดชี้แนะ วันข้างหน้าเฟยห้าวจะประพฤติตัวดีๆ” หวงเฟยห้าวทำมือคารวะ แล้วทำท่าทางที่ดูเคารพ

“ท่านผู้อาวุโสเซ่ ตระกูลโห้ของผมละเลยในการสั่งสอนหวงเฟยห้าวไป ดังนั้นเรื่องนี้ ตระกูลโห้ของผมก็ต้องมีหน้าที่จะรับผิดชอบ จึงอยากจะแสดงคำขอโทษ วันนี้คนที่ถูกหวงเฟยห้าวทำร้าย ตระกูลโห้จะให้เงินหนึ่งล้านต่อหนึ่งคนเป็นค่าทำขวัญ ถือว่าเป็นการไถ่โทษ” โห้ชิงซงพูดด้วยเสียงเรียบเฉย

เซ่าเชียนซานตบหน้าหวงเฟยห้าวต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ เพราะอยากจะสั่งสอนหวงเฟยห้าว และทำให้หวงเฟยห้าวรู้จักกฎระเบียบนั้นเป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง และที่ยิ่งไปกว่านั้นกลับเป็นเพราะอยากจะถือโอกาสนี้สร้างเรื่องสะทกสะท้านกับตระกูลโห้ ให้ตระกูลโห้ระมัดระวังในพฤติกรรมของตัวเองหน่อย

“ท่านโห้ใจกว้างเหลือเกิน” เซ่เชียนซานคลายยิ้ม คนที่ถูกหวงเฟยห้าวทำร้ายมีสามสิบกว่าคน และหนึ่งคนต้องจ่ายหนึ่งล้าน งั้นสามสิบกว่าคนรวมๆ กันก็สามสิบกว่าล้าน

ก็คงมีแค่ตระกูลโห้เท่านั้นที่จะมีกำลังทางการเงินมากขนาดนี้

“ไอ้น้องคนนี้ รู้สึกเป็นยังไง?” โห้ชิงซงกวาดสายมองไปที่เฉินเฟิง ถึงแม้จะเป็นประโยคคำถาม กลับเต็มไปด้วยความทะนงด้วย ความจริงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเซ่เชียนซานอยู่ข้างๆ อย่าว่าแต่รู้สึกไม่พอใจเฉินเฟิง แม้กระทั่งสามสิบกว่าล้านนั้น เขาก็ไม่มีทางคืนให้เฉินเฟิงแน่นอน

“ไม่ยังไง” เฉินเฟิงส่ายหัว

“อืม?” โห้ชิงซงเลิกคิ้วขึ้น เขาสามารถถามความเห็นของเฉินเฟิงได้ ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติเขาที่สุดแล้ว แต่ว่าเฉินเฟิงกลับเหมือน.....ไม่ได้คิดจะให้เกียรติเขา?

“แต่ก่อนผมเคยพูด ใครที่ทำร้ายคนของผม มันต้องชดใช้” เฉินเฟิงคลายยิ้มอ่อนๆ

“เงินสามสิบกว่าล้านยังไม่พออีกหรอ?” โห้ชิงซงทำน้ำเสียงเย็นชา

“ไม่พอ” เฉินเฟิงส่ายห้นา

“’ งั้นคุณอยากจะให้ชดใช้อะไร?” โห้ชิงซงถามด้วยความอดกลั้นความโมโห

“ให้เขาหักแขนหนึ่งแขนของตัวเอง ไม่งั้นก็......ตาย!”

“ผมได้ลงโทษหวงเฟยห้าวไปแล้ว เวลานี้ แม้กระทั่งเซ่เชียนซานที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นแล้ว

และดูจากเขาแล้ว เฉินเฟิงคนที่ไม่รู้จักมารยาท

ถึงแม้สหพันธ์บูโดมีระเบียบวินัย จอมยุทธ์ไม่สามารถลงมือทำร้ายคนทั่วไป ทว่ากฎระเบียบนี้ ก็จะสร้างอยู่บนรากฐานความสามารถของตัวเอง

ในความเป็นจริงแล้ว หากไม่ใช่เพราะมองออกว่าเฉินเฟิงมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ วันนี้เขาไม่มีทางลงไม้ลงมือกับหวงเฟยห้าวแรงขนาดนี้ แต่ตอนนี้ เฉินเฟิงเหมือนจะไม่ให้คุณค่า ยังคงจะมีเรื่องกับหวงเฟยห้าวและตระกูลโห้

นี่ก็ไม่รู้จักกาลเทศะเกินไป

“คุณลงโทษเขา นั่นมันเป็นหน้าที่ของคุณ แต่เขาทำร้ายคนของผม งั้นเขาก็ต้องชดใช้ให้ผม! เฉินเฟิงพูดด้วยความนิ่งเฉย

“คุณก็คือจอมยุทธ์?” เซ่เชียนซานขมวดคิ้วขึ้น ตอนแรกตอนมองเฉินเฟิง สังเกตเห็นว่าฐานะของเฉินเฟิงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เขายังนึกว่า เฉินเฟิงเป็นแค่บุคคลธรรมดาที่มีเบื้องหลังที่เก่งกาจ อาจจะเป็นทายาทของตระกูลใดตระกูลหนึ่งของจางโจว

แต่ตอนนี้เขาก็พูดแบบนี้แล้ว เฉินเฟิงกลับยังคงดื้อรั้นแบบนี้ นี่เขาไม่ใช่แค่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น

เฉินเฟิงเองเกรงว่าก็เป็นจอมยุทธ์เหมือนกัน และความสามารถนั้นไม่ได้ธรรมดาเลย

เฉินเฟิงคลายยิ้มกลับไม่ได้พูดอะไร

เวลานี้โห้ชิงซงมองเฉินเฟิงอย่างเลือดเย็น “น้องชาย เกิดเป็นคนก็ต้องรู้จักมีขอบเขต วันข้างหน้าเรายังต้องเจอกันอีก เฟยห้าวถึงแม้จะทำร้ายคนของคุณ ทว่าตระกูลโห้ของผม ก็บอกไปแล้วว่าจะชดเชยให้คุณ เราก็ได้แสดงการขอโทษจากใจแล้ว แต่คุณยังไม่รู้จักวางตัวอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ว่าไม่สมเหตุสมผลไปหน่อยหรอ?”

ไม่ว่าเฉินเฟิงจะใช่หรือไม่ใช่จอมยุทธ์ สำหรับเรื่องนี้ เฉินเฟิงเองก็ทำเกินไป

ต่อให้คนที่อยู่เบื้องหลังของหวงเฟยห้าวคือตระกูลโห้

ตระกูลโห้ ณ เกาะก๊าง!

เฉินเฟิงไม่ใช่ว่าไม่ให้เกียรติหวงเฟยห้าว นี่ยังไม่ให้เกียรติตระกูลโห้อีกด้วย!

“ไม่รู้จักวางตัวให้เหมาะสม?”

เฉินเฟิงทำนัยน์ตาค่อนข้างเย็นชา “เขาทำร้ายคนของฉันไปสามสิบกว่าคน วันนี้ฉันก็อยากจะได้แค่แขนข้างเดียวของเขา คุณกลับบอกว่าผมไม่รู้จักวางตัวให้เหมาะสม?”

“ผมว่าคนที่ไม่รู้จักวางตัวให้เหมาะสมคือตระกูลโห้มากกว่า”

“เหลวไหล่!”

โห้ชิงซงตะคอกอย่างโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ความเกรี้ยวโกรธและความบ้าคลั่งภายในร่างกายกำลังเดือด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเซ่เชียวซานอยู่ข้างๆ เขาต้องตบเฉินเฟิงให้ตายแค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น!

ก็แค่ทายาทในตระกูลเล็กๆ กลับกล้าข่มเหงตระกูลโห้แบบนี้ เขากำลังรนหาที่ตาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร