ลูกเขยมังกร นิยาย บท 295

บทที่ 295 หลินหวั่นชีว

ทุกคนต่างพากันบริภาษหนักมาก ผู้หญิงผมลอนคนนั้นโกรธจัด ชี้หน้าคนมุงด่ากราดว่า: “พวกคนโสโครกอย่างพวกแก ใครให้สิทธิ์พวกแกมาด่าฉันหะ พวกแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?!”

“เชื่อไหมฉันโทรกริ๊งเดียว จะจับพวกแกเข้าคุกทั้งหมดเลย!”

พอคำนี้ออกมาปุ๊บ คนมุงทั้งหลายเงียบเสียงในบัดดล ทุกคนต่างโกรธแต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร

คนตาดีดูออกทั้งนั้น ว่าป้าผมลอนคนนี้แบ็คไม่ธรรมดาเลย คำพูดของเธอที่ว่าจะจับทุกคนเข้าคุกดูท่าจะไม่ได้พูดลอยๆ

พอเห็นคนมุงอึ้งกับคำพูดตน ยัยป้าผมลอนก็ได้ใจ เธอปรายตามองไปที่เฉินเฟิง: “วันนี้ฉันไม่ว่าง ไม่มีเวลามาง้องแง้งกับแก”

“ค่ารักษายัยโสโครกนี่ ฉันจ่ายแล้ว”

“คราวนี้ตาแกจ่ายค่าซ่อมรถแทนมันได้แล้ว สามแสน ขาดไม่ได้แม้แต่สตางค์แดงเดียว!”

“อีกอย่าง แกทำลายกระโปรงหน้ารถฉัน แกต้องชดใช้เงินด้วย เห็นแก่ที่แกขับรถออดี้ แกจ่ายแค่แสนเดียวพอ!”

“สามแสนบวกกับห้าแสน ทั้งหมดแปดแสน! จ่ายมา!”

ยัยป้าผมลอนตีหน้าเชิด พูดอย่างเย่อหยิ่ง

“ไสหัวไป!”

เฉินเฟิงมองยัยป้าผมลอนอย่างเย็นชา ไม่ใช่ไม่เคยเจอคนเย่อหยิ่ง แต่หยิ่งเบอร์นี้เหมือนยัยป้านี่เขาพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรกนี่แหละ ทำคนอื่นจนบาดเจ็บสาหัส กลับจ่ายแค่สามร้อย คนอื่นชนรถเธอถลอกหน่อยเดียวเอาตั้งสามแสน

“ไสหัวไป?!”

“แกกล้าไล่ให้ฉันไสหัวไป!” ยัยป้าผมลอนปรี๊ดเสียงขึ้นมาอีก

“เจ้าคนโสโครก แกนึกว่าฉันทำอะไรแกไม่ได้...”

“แม่คะ ประธานหลินโทรมาเร่งอีกแล้วค่ะ”

ป้าผมลอนยังอยากพูดอะไรต่อ แต่ตอนนี้ในรถมีร่างผอมบางใส่ชุดสวยงามทันสมัยก้าวเท้าลงมา เธอคนนี้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับป้าผมลอนอยู่มาก สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันคือเธอดูสวยกว่า

สีหน้าเธอส่อประกายเย่อหยิ่งไม่ปิดบัง

ขนาดตู้เจียงโดนโยนกระแทกหน้ารถ เธอยังไม่ก้าวเท้าออกจากรถ บ่งบอกว่าใจเย็นมาก

แต่ตอนนี้แค่ประธานหลินโทรมาเร่ง กลับทำให้เธอร้อนใจขึ้นมา

“ประธานหลิน?” ป้าผมลอนจะลึง รีบวิ่งไปหาผู้หญิงคนนี้และคว้ามือถือมาคุยกับอีกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ประธานหลินบอกว่าช่วงบ่ายเขายังมีประชุม ให้แม่รีบไปภายในสิบนาที” ป้าผมลอนสีหน้าลำบากใจ

“งั้นรีบไปสิคะ จะรออะไรล่ะ” น้ำเสียงเธอพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ

“แต่ว่า...” ป้าผมลอนแอบมองเฉินเฟิงหนึ่งที อยากบอกว่าเฉินเฟิงยังไม่ชดใช้เงิน แต่โดนลูกสาวขัดคออย่างใม่ไว้หน้าว่า: “แปดแสนสำคัญ หรือว่าการร่วมงานเขตรีสอร์ทสำคัญกว่าคะ?”

ป้าผมลอนชะงักค้าง: “ก็ต้องการร่วมงานเรื่องเขตรีสอร์ทสิ”

“งั้นยังไม่รีบไปอีกหรอคะ” ผู้หญิงคนนั้นแอบมองบน

“ได้ๆๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ป้าผมลอนรีบพยักหน้า และกระแทกรองเท้าส้นสูงเดินไปทางตู้เจียงที่นอนหายใจรวบริน ด่าว่า: “ตู้เจียง อย่ามาแกล้งตาย รีบลุกขึ้นมาขับรถให้ฉันได้แล้ว”

ด่าตู้เจียงเสร็จ ป้าผมลอนหยิบมือถือออกมาอีก และถ่ายรูปเฉินเฟิงกับทะเบียนรถของเขาไว้

พอถ่ายเสร็จ ก็ยังไม่วายข่มขู่ว่า:

“เจ้าคนโสโครก ฉันจำหน้าและเลขทะเบียนรถแกไว้หมดแล้ว ถ้ารู้ตัวดี รีบไปหาแปดแสนมาจ่ายฉันซะ ถ้าหาเงินมาไม่ได้ แกเตรียมตัวใช้ชีวิตที่เหลือในคุกได้เลย!”

“ไสหัวไป!”

เฉินเฟิงตอบชัดถ้อยชัดคำ

ป้าผมลอนสีหน้าโกรธจัด แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้พูดอะไร และหันไปขึ้นรถแทน

รถBentley เคลื่อนตัวออกไป

สาวน้อยมัดผมหางม้าสองข้างถึงวิ่งทั้งน้ำตามาที่ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนจมกองเลือด: “ฮือๆ แม่คะ แม่เป็นยังไงบ้าง? เจ็บไหม?”

“แม่ไม่เป็นไร ไม่เจ็บจ้ะ” ผู้หญิงวัยกลางคนหัวเราะอย่างอ่อนแรง

“ไปเถอะ ผมจะพาพวกคุณไปโรงพยาบาลเอง” เฉินเฟิงถอนหายใจ สภาพฐานะที่บ้านของผู้หญิงคนนี้ดูก็รู้ว่าไม่ดี ถ้าเขาใจดีแค่ครั้งเดียวล่ะก็ เธอคงไม่ได้ไปโรงพยาบาล แต่ไปวัดเลยมากกว่า

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ผู้มีพระคุณ แค่นี้ก็รบกวนคุณมากพอแล้ว” ผู้หญิงวัยกลางคนรีบส่ายหน้า เมื่อกี้มีคนมุงมากมาย มีเพียงเฉินเฟิงคนเดียวก้าวออกมาออกหน้าให้เธอ ทำเพื่อพวกเธอแม่ลูก เฉินเฟิงทำให้ผู้หญิงลอนผมทองคนนั้นไม่พอใจแล้ว จะรบกวนเฉินเฟิงต่อไปอีก เธอทำใจไม่ได้จริงๆ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะไปโรงพยาบาลพอดี” เฉินเฟิงประคองเธอขึ้นมา

“ขอบคุณมากค่ะ พี่ชาย” สาวน้อยมัดผมม้ามองเฉินเฟิงอย่างตื่นๆ

เฉินเฟิงยิ้มรับ ไม่ได้พูดอะไร

เดินไปถึงรถ เฉินเฟิงเปิดประตูรถออกมา สีหน้าผู้หญิงวัยกลางคนเริ่มส่อแววลังเลออกมา รถของเขาสะอาดขนาดนี้ แต่ตัวเธอกลับเต็มไปด้วยเลือด...

“คุณน้า ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นไปนั่งเถอะครับ” เฉินเฟิงยิ้มเศร้า ถ้าเทียบกับชีวิตคนหนึ่งแล้ว รถแค่คันเดียวเอง

เธอมองเฉินเฟิงอย่างลังเลก่อนก้าวขึ้นไปในรถ

ระหว่างทาง เขาก็ได้รู้ชื่อผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้กับลูกสาว

เธอชื่อหวางซูเจิน ส่วนลูกสาวชื่อหลินหวั่นชีว

หลินหวั่นชีวไม่เคยเจอหน้าพ่อตัวเองตั้งแต่เกิด สองแม่ลูกใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองคนจนอายุได้สิบแปดปี

ฐานะทางบ้านก็ไม่ดีนัก แต่หลินหวั่นชีวเป็นเด็กดี สอบได้ที่หนึ่งสามปีติด ปีนี้สอบเอนท์ หลินหวั่นชีวก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยจงไห่ได้ด้วยคะแนนดีอันดับหนึ่งของเมือง

พอส่งสองแม่ลูกไปโรงพยาบาล ให้หมอตรวจร่างกาย สุดท้ายพบว่ากระดูกหน้าอกได้รับบาดเจ็บ ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

พอได้ยินว่าต้องค้างโรงพยาบาล หวางซูเจินรีบส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ ทั้งตัวเธอมีแค่สองพันเอง ถ้าเอาเงินสองพันนี่มาใช้ในการจ่ายค่าพักโรงพยาบาล งั้นเธอกับลูกสาวได้อดตายแน่

“คุณน้าหวาง ค่ารักษาพยาบาลน้าไม่ต้องกังวลนะ ผมจ่ายไปให้แล้ว” เฉินเฟิงยิ้ม สำหรับเขาแล้วเงินหมื่นสองหมื่นนี่จิ๊บจ๊อย

“ผู้มีพระคุณ จะทำอย่างนั้นได้ยังไงล่ะคะ? น้ากับหวั่นชีวติดค้างคุณมากเหลือเกิน...” หวางซูเจินเริ่มทำตัวไม่ถูก

เฉินเฟิงยิ้มบางว่า: “ในเมื่อติดค้างเยอะแล้ว ติดเพิ่มค่ารักษาพยาบาลอีกนิดหน่อยเอง”

“ผู้มีพระคุณ ขอบคุณมาก ขอบคุณมากนะคะ” หวางซูเจินตื้นตันใจมาก ไม่รู้จะพูดอะไรดี

“คุณน้าหวาง ไม่ต้องขอบคุณหรอก น้าพักรักษาตัวให้ดีเถอะ นี่เบอร์มือถือผม หลายวันนี้ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมนะ” เฉินเฟิงพูดพลางเขียนเบอร์มือถือตัวเองลงบนกระดาษยื่นให้หลินหวั่นชีว

“เอาล่ะ คุณน้าหวาง น้าพักไปก่อนนะ ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อน”

“ผู้มีพระคุณ ขอบคุณมากนะคะ”

เฉินเฟิงเดินออกมาที่ประตูหน้าโรงพยาบาล ตอนนี้เองหลินหวั่นชีวรีบวิ่งตามออกมา

“พี่ชาย ขอบคุณมากนะคะ” เธอโค้งคำนับเฉินเฟิงอย่างซาบซึ้งสุดๆ ใบหน้าอ่อนวัยแดงระเรื่อ

“ไม่เป็นไร กลับไปดูแลแม่เถอะ” เฉินเฟิงลูบหัวเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร