ลูกเขยมังกร นิยาย บท 302

บทที่ 302 แขกยึดบ้านเป็นเจ้าของซะเอง

ต่อให้โชคดีแค่ไหนก็ไม่น่าจะมีแบบนี้มั้ง

“น้าสาม หนูว่าน้าน่าจะขอบคุณคุณเสิ่นเขาหน่อยนะ ถ้าไม่ใช่เขาจิตใจดีแถมใจกว้าง น้าไม่ได้ทางได้อยู่บ้านดีแบบนี้แน่”

ถางรั่วเสวี่ยนโยนเรื่องทั้งหมดไปที่ตัวเสิ่นหงชัง เธอรู้สึกว่าถ้าไม่ใช่เขาใจกว้างมีเมตตา หลินหลันตอนนี้คงได้อยู่ในบ้านที่มีคนตายนั่นไม่ใช่ที่นี่แน่

“รั่วเสวี่ยน หนูพูดถูก น้าควรจะขอบคุณคุณเสิ่นเขาสักหน่อย” หลินหลันปากพูดแบบนี้ แต่ในใจไม่ได้คิดแบบนั้น เธอมีหรือจะไม่เข้าใจว่า สองแม่ลูกริษยาเธอถึงได้พูดแบบนี้

เห็นท่าทีหน้าบานของหลินหลันแล้ว หลินเย่นในใจเดือดปุดๆ เธอรับไม่ได้ที่ญาติจนๆที่เธอไม่เคยแม้แต่จะแยแสกลับได้อยู่บ้านราคาสี่สิบกว่าล้าน

แต่ถึงในใจจะรู้สึกแย่ แต่หลินเย่นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงหลินหลันจะได้อยู่บ้านราคาสี่สิบกว่าล้าน แต่ก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าหลินหลันเป็นคนจนไม่ได้

คนรวยที่แท้จริงไม่เพียงมีบ้าน แต่ต้องมีเส้นสายด้วย

ถึงหลินหลันจะมีบ้าน แต่เส้นสายที่คนรวยขาดที่สุดก็ไม่เกี่ยวอะไรกับหลินหลันอยู่ดี

เท่าที่ได้ยินจากหลินหลัน การที่เสิ่นหงชังคนรวยอันดับหนึ่งของชางโจวมอบบ้านให้หลินหลัน เป็นเพราะอยากปิดปากหลินหลันเท่านั้นแหละ

เขาไม่สนิทอะไรกับหลินหลันเลย

พอคิดแบบนี้ หลินเย่นก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย

“หลินหลัน บ้านเธอไม่เลวเลย ให้พี่อยู่ซักหลายวันเธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

หลินเย่นพูด เดิมเธอคิดจะไปอยู่โรงแรมกับลูกสาวในช่วงมาคุยการค้าที่ชางโจวนี่ แต่ตอนนี้พอเห็นบ้านหรูอยู่ต่อหน้า แล้วยังจะไปอยู่โรงแรม สมองคงมีปัญหาแน่”

“ไม่ว่าอะไร พี่เย่นอยากอยู่นานแค่ไหนก็ได้”

หลินหลันไม่ได้คิดอะไร รับปากในทันที

“งั้นดี เอากุญแจมาให้พี่ละกัน” หลินเย่นยื่นมือออกมา

หลินหลันยื่นกุญแจให้

“อีกชุดหนึ่งให้พี่ด้วย” หลินเย่นชี้ไปที่อีกชุดในมือหลินหลัน

หลินหลันไม่เข้าใจพลางถาม: “พี่เย่น ฉันมีกุญแจแค่สองชุดเอง ให้พี่หมด ฉันก็เข้าบ้านไม่ได้สิ”

“เธอจะเข้าบ้านทำไมล่ะ? ก็บอกให้พี่อยู่หลายวันไม่ใช่หรอ?” หลินเย่นมองหลินหลันอย่างไม่พอใจ

“หา?” หลินหลันทำหน้างง

“ไม่ พี่เย่น พี่หมายความว่า หลายวันนี้ฉันจะอยู่บ้านไม่ได้ ต้องยกบ้านให้พี่กับรั่วเสวี่ยนอยู่งั้นหรอ?”

“งั้นสิ?” หลินเย่นมองหลินหลันด้วยสายตาเหมือนมองคนปัญญาอ่อน พลางว่า: “หลินหลัน เธอไม่ใช่ไม่รู้นี่ว่า พี่กับรั่วเสวี่ยนเป็นคนยังไง”

“พวกเราชอบความสงบ สงบน่ะรู้จักไหม?” อยู่กับคนนอกมันเป็นการทรมานเรา ดังนั้นหลายวันนี้ครอบครัวเธอไปนอนโรงแรมเอาก่อนละกัน”

“บ้านนี้เธอให้ฉันกับรั่วเสวี่ยนอยู่ก่อน รอพวกเรากลับจงไห่แล้วจะคืนกุญแจให้เธอ” พูดจบ ไม่แคร์ว่าหลินหลันเห็นด้วยไหม หลินเย่นคว้ากุญแจในมือหลินหลันมาเลย

ทำหลินหลันโกรธลมแทบออกหู แต่เธอไม่ได้อาละวาด และพยายามข่มความโกรธว่า: “พี่เย่น บ้านนี้มีสี่ห้องนอน พี่นอนกับรั่วเสวี่ยนห้องหนึ่งก็พอแล้ว ที่เหลือสองห้อง ฉันกับสามีแล้วก็เมิ่งเหยาอยู่ เมิ่งเหยาหลายวันนี้ได้รับบาดเจ็บ เดินเหินไม่สะดวก...”

“เอ๊ะหลินหลัน จะอะไรกันนักหนาหะ!” หลินหลันยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนหลินเย่นตวาดกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ: “ฉันแค่มาอยู่บ้านเธอไม่กี่วัน ไม่ใช่จะยึดบ้านซะหน่อย เธอต้องเรื่องมากขนาดนี้ไหม?”

“หรือเธอดูถูกฉันกับถางรั่วเสวี่ยนหา ถ้าดูถูกก็บอกกันตรงๆ พวกเราจะกลับจงไห่ ต่อไปก็ถือว่าไม่มีญาติอย่างเธออีก!”

พอหลินเย่นอาละวาด หลินหลันก็อ่อนลงทันที: “ไม่ใช่ พี่เย่น ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

“จะหมายความว่าไงเรื่องเธอ รีบไปเลย ฉันกับรั่วเสวี่ยนจะพักผ่อนแล้ว” หลินเย่นหมดความอดทน ผลักหลินหลันออกไปนอกบ้าน

“ปึ้ง”

เสียงปิดประตูปิดดังกลับ หลินเย่นถึงรู้สึกสบายหูมากขึ้น

ถางรั่วเสวี่ยนอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าหลินเย่นจะมาไม้นี้

“แม่คะ พวกเราทำแบบนี้...ไม่ดีมั้งคะ” ผ่านไปสักพัก เธอถึงพูดออกมา ที่จริงเธอพูดอ้อมค้อมพอดู ที่หลินเย่นทำไม่ใช่แค่ไม่ดี เรียกว่าทำเกินไปมากกว่า

มาเป็นแขกบ้านญาติ ฮุบบ้านญาติไม่พอ ยังไล่ญาติไปนอนโรงแรม

ไม่มีใครเขาทำกันแบบนี้

“มีอะไรไม่ดีล่ะ” หลินเย่นเบ้ปาก ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปสักนิด

“บ้านดีแบบนี้ มีแต่คนฐานะแบบแม่กับลูกถึงคู่ควรจะอยู่ ให้พวกน้าสามอยู่น่ะสิ้นเปลือง”

คำพูดนี้ของหลินเย่นทำให้ถางรั่วเสวี่ยนสบายใจขึ้นไม่น้อย

“รั่วเสวี่ยน ลูกรีบโทรหาเพื่อนคนนั้น ให้เขานัดหลินจงเหว่ยออกมา การร่วมงานกับบริษัทติ่งเฟิงเป็นเรื่องสำคัญมากนะ” หลินเย่นพูดอีก ขอแค่ครั้งนี้สำเร็จการร่วมงานกับบริษัทติ่งเฟิง งั้นพอกลับจงไห่ เธอก็จะได้ ตัดคำว่ารองจากตำแหน่งรองประธานกรรมการทิ้งซะที เลื่อนขั้นเงินเดือนขึ้นสบายๆเลย

“อืม โทรเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ” ถางรั่วเสวี่ยนพยักหน้า ถึงจะไม่อยากเท่าไรห่ แต่เธอเข้าใจดีว่า นี่เป็นโอกาสสำคัญของหลินเย่น

ไม่นาน ก็โทรติด

“รั่วเสวี่ยน นึกยังไงโทรหาผมเนี่ย?” ปลายสายเห็นได้ชัดว่าเซอร์ไพร์สมาก

แต่ถางรั่วเสวี่ยนกลับเย็นชาเล็กน้อย เธอไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่ถามอย่างอื่นแทน: “เกิ่งห้าว ตอนนี้นายยังทำงานที่ติ่งเฟิงใช่ไหม?”

“ใช่ รั่วเสวี่ยน ตอนนี้ผมเป็นผู้จัดการแผนกบุคคลของติ่งเฟิงแล้วนะ” น้ำเสียงเกิ่งห้าวออกแววโอ้อวดนิดๆ

“งั้นนายรู้จักหลินจงเหว่ยไหม?”

“ประธานหลิน?” เกิ่งห้าวตกใจ: “รั่วเสวี่ยน เธอจะหาประธานหลินของเราทำไม?”

“นายอย่าถามเลยว่าทำไม นายบอกแค่รู้จักไหมก็พอ” ถางรั่วเสวี่ยนเริ่มรำคาญ

“รู้จักสิ ประธานหลินเป็นหัวหน้ารับผิดชอบหลักของบริษัทเรา ผมได้เป็นผู้จัดการแผนกบุคคลนี่ก็เพราะได้ประธานหลินให้โอกาสดันขึ้นมา” เกิ่งห้าวรีบบอก ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ประธานกรรมการใหญ่ไม่เคยปรากฏตัวเลย ดังนั้นเรื่องทั้งหมดของบริษัทติ่งเฟิงเลยมีหลินจงเหว่ยดูแลรับผิดชอบทั้งหมด

ที่บริษัทติ่งเฟิง หลินจงเหว่ยมีอำนาจเด็ดขาดมาก

“ในเมื่อนายรู้จักหลินจงเหว่ย งั้นนายนัดเขาออกมาทานข้าวกับพวกฉันไม่ยากมั้ง?” ถางรั่วเสวี่ยนพูดตรงประเด็น

“ก็ไม่ยากเท่าไหร่ แต่ประธานหลินเขา...” เกิ่งห้าวอยากบอกว่า ช่วงนี้หลินจงเหว่ยยุ่งมาก แต่ยังไม่ทันได้พูด ก็โดนถางรั่วเสวี่ยนย้อนก่อน: “ไม่มีแต่ทั้งนั้น เอาแบบนี้ละกันนะ พรุ่งนี้ทุ่มหนึ่ง ฉันต้องได้เห็นนายกับหลินจงเหว่ยที่ร้านอาหารหงส์ขาว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร