ลูกเขยมังกร นิยาย บท 324

บทที่ 324 หลินชีงตี้

เฉินเฟิงยิ้ม หยิบโทรศัพท์ออกมา ดูวีแชทแวบหนึ่ง

พบว่าฉู่ชีงฉือส่งข้อความมาหาเขาจริงๆ

“คุณเฉินผู้มีพระคุณ ชีงฉือจำขึ้นใจ”

“วันข้างหน้าถ้าคุณเฉินมีเรื่องที่จะใช้ชีงฉือ บอกมาได้เลย ต่อให้ชีงฉือต้องบุกน้ำลุยไฟ ก็ไม่ลังเล”

สามารถมองออกว่า ท่าทางของฉู่ชีงฉือต่ำต้อยมาก ไม่ได้อาศัยฐานะของตัวเองทำตัวสูงส่งหรือดูถูกเฉินเฟิงแม้แต่น้อย

สิ่งนี้จู่ๆทำให้เฉินเฟิงมีความรู้สึกดีมากๆ

คิดแล้วก็ เฉินเฟิงเริ่มขยับนิ้วมือ ส่งข้อความกลับให้ฉู่ชีงฉือ

“บุกน้ำลุยไฟคงไม่ต้องแล้ว ผมขอเพียงเรื่องเดียว: “อย่าให้คนรู้ฐานะของผม สามารถปิดเป็นความลับได้ก็ปิด”

เฉินเฟิงเป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม ความหมายก็ชัดเจนง่ายดาย เขาไม่อยากให้ผู้คนรู้มาก

เห็นได้ชัดว่าฐานะภูมิหลังของฉู่ชีงฉือลึกซึ้ง ไม่ได้เป็นแค่ดาราธรรมดา จอมยุทธ์ที่ปกป้องเธอสี่งคนนั้น แค่มองก็รู้ว่าเป็นจอมยุทธ์ที่มาจากค่ายทหาร

อีกทั้งชายชะนีดำและชายลิงผอมที่ลอบฆ่าเธอ ยังเป็นนักฆ่ามืออาชีพที่มีชื่อเสียงในรายชื่อนักฆ่าอีกด้วย ค่าจ้างของพวกเขา ไม่น้อยแน่นอน อย่างน้อยต้องสองร้อยล้านขึ้น

คนที่สามารถใช้เงินสองร้อยล้านจ้างนักฆ่าได้ แค่คิดก็รู้ว่า จะน่ากลัวแค่ไหน

ในเมื่อฉู่ชีงฉือมีค่าหัวถึงสองร้อยล้าน แสดงว่าอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของเธอ เมื่อเทียบกับอำนาจที่อยู่เบื้องหลังของนักฆ่าแล้ว อำนาจต้องไม่น้อยไปกว่ากัน

การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายนี้ จะลึกแค่ไหน เฉินเฟิงใช้ปลายเท้าคิดก็ยังคิดได้เลย

ถ้าเป็นไปได้ละก็ เขาไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ตอนที่อยู่ในสถานีรถไฟความเร็วสูง เฉินจื๋อหลี่ได้เข้าไปต่อสู้ ในฐานะที่เขาเป็นอาจารย์อา เป็นไปไม่ได้ที่จะนั่งนิ่งๆรอดู

แต่สาเหตุที่เฉินเฟิงยื่นมือเข้าไป นอกจากเฉินจื๋อหลี่แล้ว ยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง

สาเหตุนี้ก็เกี่ยวข้องกับนักฆ่าเฮยหยวน เฉินเฟิงพบว่า ขณะที่นักฆ่าเฮยหยวนนั้นได้ต่อสู้กับบอดี้การ์ดของฉู่ชีงฉือ กระบวนท่าที่ต่อสู้นั้นเป็นวิชาเกราะบรอนซ์ในเซียงซี

วิชาเกราะบรอนซ์ เป็นไปตามชื่อ ทำให้ผิวแข็งเหมือนทองแดง.

หลังจากต่อสู้วิชาเกราะบรอนซ์แล้ว แต่ภายในเวลาอันสั้นสามารถเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้ ทำให้ผู้ใช้กระบวนท่านี้แข็งแกร่งยิงฟันไม่เข้า

เฉินเฟิงเคยเห็นวิชาลับนี้เมื่อสามปีก่อน เป็นจอมยุทธ์ที่ชื่อว่าอู๋ตงไห่จอมยุทธ์อ้านจิ้งขั้นกลางใช้กระบวนท่านี้ขณะที่ตามล่าเขา อู๋ตงไห่ในตอนนั้น ทำให้เฉินเฟิงจำได้ขึ้นใจ

หลังจากที่เขาใช้วิชาเกราะบรอนซ์ ซึ่งในขณะเดียวกันความสามารถในการตั้งรับนั้นแทบจะเรียกได้ว่าไร้คู่ต่อสู้เลยทีเดียว รับหมัดของเฉิงเฟิงเจ็ดหมัดได้โดยไม่ตาย สุดท้ายกะอักเลือดและหลบหนีไป

เฉินเฟิงคิดว่า ในชีวิตนี้คงจะไม่ได้เจอกับอู๋ตงไห่อีก กลับคิดไม่ถึงว่า วันนี้ที่สถานีรถไฟความเร็วสูง จะเห็นเฮยหยวนที่ฝึกฝนวิชาเกราะบรอนซ์แบบเดียวกันนี้อีก

เฮยหยวนและอู๋ตงไห่มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน เฉินเฟิงไม่รู้ ที่เฉินเฟิงถามแบบนั้น เป็นการถามลองเชิงดู

คิดไม่ถึงว่า ถามได้เรื่องจริงๆ

เฮยหยวนรู้จักกับอู๋ตงไห่จริงๆ ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นอย่างไร

คิดถึงจุดนี้แล้ว เฉินเฟิงได้ส่งข้อความหาฉู่ชีงฉืออีก เนื้อหาในข้อความนั้นไม่มีอะไรมาก มีเพียงห้าคำ

“เซียงซี อู๋ตงไห่”

แต่ทางด้านฉู่ชีงฉือนั้น หลังจากเห็นข้อความแล้ว ดีใจอย่างบ้าคลั่ง

ข้อความนั้นของเฉินเฟิง ไม่ใช่แค่ข้อความธรรมดา

มีความหมายอื่นที่อยู่เบื้องหลังคำทั้งห้านี้ นั่นคือเขาตั้งใจจะแทรกแซงเรื่องนี้!

เมื่อเทียบกับข้อมูลของอู๋ตงไห่ ฉู่ชีงฉือให้ความสำคัญกับจุดนี้มากกว่า

ดูจากการเคลื่อนไหวของเฉินเฟิงแล้ว ความสามารถของเฉินเฟิงนั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นอ้านจิ้งขั้นกลางขึ้นไป

อ้านจิ้งขั้นกลางในอายุ24-25ปี อยู่ในวงการศิลปะการต่อสู้ ณ จงไห่ จะต้องเป็นที่น่าตกใจแน่นอน

อายุแค่นี้สามารถฝึกถึงอ้านจิ้งขั้นกลาง ไม่ต้องพูดถึงพรสวรรค์ของเฉินเฟิงเลย

ภูมิหลังของครอบครัวก็คงไม่ได้แย่

ตระกูลฉู่อยู่ในช่วงเวลาที่พายุลมฝนกระหน่ำ ภายนอกมีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ ภายในมีคนตั้งหน้าตั้งตารอรับผลประโยชน์ ดังนั้นความช่วยเหลือจากภายนอก สำหรับตระกูลฉู่แล้ว สำคัญมากๆ

หากเธอสามารถดึงเฉินเฟิงขึ้นเรือลำเดียวกันได้ ชัยชนะของตระกูลฉู่ แน่นอนต้องเติมเต็มในช่องโหว่นั้นได้มาก

เฉินเฟิงไม่รู้ว่า แค่เขาส่งข้อความสั้นๆห้าคำนั้น ทำให้ฉู่ชีงฉือคิดเยอะขนาดนี้

แน่นอน ถึงเฉินเฟิงจะรู้ เฉินเฟิงก็ไม่ว่าอะไร

เพราะว่านี่คือต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย ฉู่ชีงฉือต้องการใช้เขาแก้ปัญหาของตระกูลฉู่ เขาก็ไม่ใช่กำลังใช้ตระกูลฉู่สืบเรื่องของอู๋ตงไห่เหรอ?

พูดได้แค่ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ดี

สองชั่วโมงต่อมา รถไฟมาถึงสถานีจงไห่

จงไห่เป็นมหานครระดับนานาชาติที่มีประชากรมากกว่า 20 ล้านคน ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "โอเรียนเต็ลปารีส" มาโดยตลอด

ในฐานะเศรษฐกิจของจีน การเงิน ศูนย์กลางการค้าและการขนส่ง จงไห่เคยสร้างและทำลายสถิติสูงที่สุดในหวาเซี่ยและระดับโลก ที่ดีที่สุดของจีน

ท่าเรือการค้าต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของจีน ฐานอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของจีน ...เป็นต้น มีมากมายนับไม่ถ้วน

สองสามคนลงจากรถ ก็ได้กลิ่นแห่งความเจริญรุ่งเรืองโชยเข้ามา

ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก มารวมตัวกันที่นี่

ที่นี่คือความฝันของคนธรรมดาจำนวนนับไม่ถ้วน

ที่นี่คือสวรรค์ และก็เป็นนรกเช่นกัน

สำหรับคนรวย จงไห่เป็นถ้ำปิ่นทองอันงดงาม ลูเจียจุย เดอะบันด์ ความเจริญทั้งหมดเปิดรับพวกเขา

สำหรับคนธรรมดา จงไห่เป็นสถานที่แห่งเลือดและหยาดเหงื่อ พักชั้นใต้ดินไม่มีที่สิ้นสุด ต้องเบียดรถไฟใต้ดินไม่มีที่สิ้นสุด สั่งอาหารเดลิเวอรี่ไม่จบไม่สิ้น.....

ทั้งหมดนี้ จะกดดันคนธรรมดาให้หายใจไม่ออก

แต่ภายใต้ความกดดัน บังเกิดคนที่มีความสามารถไม่น้อยเลย

ทั้งคนที่เก่งเรื่องการเงินการลงทุน นักธุรกิจที่เก่งกาจ คนอัจฉริยะ.....

ทุกปีจะมีคนที่มีพรสวรรค์จำนวนมาก ประสบความสำเร็จในจงไห่ โบยบินบนฟ้า กลายเป็นคนชั้นสูง

ในปี 1990 จงไห่ได้เกิดบุคคลชื่อว่าตู้เย่เซิง หวงจินหรุง จางเสี้ยวหลินเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากทั่วหวาเซี่ย

เป็นธรรมดาของดินแดนมังกร

สำหรับจงไห่ เฉินเฟิงไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย เพราะเขามาจงไห่ครั้งสุดท้าย เมื่อสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นมากับเซียวกั่วจง

ครั้งนั้นคนแรกในจงไห่ที่เซียวกั่วจงพาเขาไปพบ ก็คือหลินชีงตี้!

หลินชีงตี้ทำให้เฉินเฟิงความประทับใจมากที่สุด เวลาห่างเป็นสิบปี เฉินเฟิงก็ไม่สามารถลืมได้

ตลอดจนทำให้เฉินเฟิงเกิดความรู้สึก เป็นสามีต้องเป็นยังไง

ไม่รู้ว่าตอนนี้หลินชีงตี้ยังอยู่ที่จงไห่อยู่หรือเปล่า? ถ้าหากยังอยู่ละก็ เกรงว่าตัวเองต้องไปเยี่ยมสักหน่อย เฉินเฟิงคิดกับตัวเอง

หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เฉินเฟิงสงบจิตใจที่ซับซ้อนของเขา หันศีรษะไปที่เฉินจื๋อเหวินพูดว่า: “อาเหวิน พวกนายพาหวั่นชีวไปลงทะเบียนที่มหาวิทยาลัยจงไห่ก่อน หลังจากลงทะเบียนแล้ว แล้วก็ไปหาเจ้าสามหวงที่โรงพยาบาลเลย ฉันจะเอาของไปให้เพื่อนเก่าร่วมสนามรบของพ่อ หลังจากส่งของเสร็จ ฉันจะไปหาพวกนาย”

“ได้ครับพี่เฟิง” เฉินจื๋อเหวินพยักหน้าด้วยความเคารพ จากนั้นก็ออกเดินไปกับหลินหวั่นชีว

เฉินเฟิงหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมา กดเบอร์โทรหาเสี้ยเว่ยกั๋ว

เสี้ยเว่ยกั๋วบอกว่าถ้าเขามาถึงจงไห่ แค่โทรหาคนนี้ คนนี้จะมาเอาของ 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร