บทที่ 32 เงินเดือนของคนส่งอาหาร
“เฟยหรงแกอย่าพูดอีกเลย อาจจะอยู่ในสายตาของพวกแก เฉินเฟิงมีอย่างโน้นอย่างนี้ที่ไม่ดี ไม่เหมาะสมกับฉัน แต่ว่าอยู่ในสายตาของฉัน เขากลับกลายเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกนี้ จะพูดถึงความเหมาะสม ก็เป็นฉันที่ไม่เหมาะสมกับเขา แต่ไม่ใช่เขาไม่เหมาะสมกับฉัน”
“โอเค ........ล่ะ”สวีเฟยหรงยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่เห็นบนใบหน้าเล็กๆของเสี้ยเมิ่งเหยามีสีหน้าจริงจังที่ยากจะพบเจอ คำพูดข้างหลังก็ต้องถูกเธอกลืนลงไปในปากแล้ว
หลังจากทั้งสามคนออกจากสนามบินแล้ว เสี้ยเมิ่งเหยาโบกมือเรียกรถอยู่ข้างถนน
“เมิ่งเหยาแก.........ไม่มีรถเหรอ?”สวีเฟยหรงสงสัยไปแล้วสักพักเอ่ยปากถาม
เสี้ยเมิ่งเหยาส่ายหัวกล่าวว่า “ ไม่มีล่ะ ฉันไม่มีใบขับขี่”
“นั่นเฉินเฟิงล่ะ? เขานะ ก็ไม่รู้จักซื้อสักคันหนึ่ง”สวีเฟยหรงอดไม่ได้จ้องมองเฉินเฟิงที่อยู่ข้างๆทีหนึ่ง
“เฉินเฟิงเขา........” เสี้ยเมิ่งเหยายังอยากจะช่วยเฉินเฟิงแก้ตัว แต่เฉินเฟิงกลับเอ่ยปากพูดก่อนว่า “ผมไม่มีเงิน ซื้อไม่ไหว”
สวีเฟยหรงขมวดคิ้วเรียว เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีอีกแล้ว เป็นผู้ชายคนหนึ่งแม้แต่รถคันหนึ่งที่จะเป็นตัวแทนเขาก็ไม่มี มารับคนยังต้องเรียกรถ………..
เสี้ยเมิ่งเหยาถอนหายใจอยู่ในใจ รอโครงการยู่ฉวนซานได้เงินแล้ว จะต้องซื้อรถคันหนึ่งให้เฉินเฟิงอย่างแน่นอน จะให้เฉินเฟิงขายหน้าเช่นนี้อีกไม่ได้
ทั้งสามคนเรียกรถมาถึงหน้าประตูร้านอาหารร้านหนึ่ง
เพื่อจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้สวีเฟยหรงเสี้ยเมิ่งเหยาตั้งใจหาร้านอาหารที่ชื่อว่าวิลล่ากู่โย่ว ร้านนี้โดยเฉพาะ ได้ยินว่าเชฟหลักของร้านอาหาร เป็นรุ่นหลังของเชฟในวังในราชวงศ์ชิง ฝีมือการทำอาหารดีเยี่ยม
เสี้ยเมิ่งเหยากับสวีเฟยหรงจับมือกันเดินอยู่ข้างหน้า เฉินเฟิงเดินตามหลัง
การตกแต่งของร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นแนวโบราณ โต๊ะเก้าอี้ ล้วนทำด้วยไม้แพง ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
“สวัสดีค่ะ ขอถามหน่อยว่าข้างในยังมีห้องไหม?” เสี้ยเมิ่งเหยาเอ่ยปากอย่างมีมารยาท
“ต้องขอโทษลูกค้าทุกท่านจริงๆค่ะ ห้องของวันนี้ ถูกจองหมดแล้ว” บนใบหน้าของคนสวยหน้าเคาน์เตอร์ปรากฏรอยยิ้มที่รู้สึกผิดอย่างมืออาชีพ
เสี้ยเมิ่งเหยารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ถามอีกว่า “นั่นห้องโถงล่ะ?”
คนสวยหน้าเคาน์เตอร์ส่ายหน้าอีกกล่าวว่า “ขออภัยค่ะ ห้องโถงก็เต็มแล้ว ”
“ช่างเถอะ เมิ่งเหยาพวกเราเปลี่ยนร้านอาหารอื่นเถอะ” สวีเฟยหรงพูด
“อืม ทำได้เพียงแค่นี้แล้วล่ะ” เสี้ยเมิ่งเหยาพยัคหน้า ทั้งสามคนเตรียมตัวจะออกไป ในเวลานี้ กลับมีผู้ชายที่รูปร่างต่างกันสวมใส่เสื้อผ้ามียี่ห้อสามคนเดินเข้ามาต่อหน้า
“ส้งจุนหรือ?”สวีเฟยหรงดูเหมือนรู้จักหนุ่มรูปร่างใหญ่คนแรกหนึ่งในทั้งสามคนนั้น ร้องออกมาหนึ่งเสียง
หนุ่มรูปร่างใหญ่หันหน้ามา บนใบหน้าที่หล่อเหลาปรากฏสีหน้าแปลกใจ “เฟยหรงคุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?”
“เพิ่งกลับมา”สวีเฟยหรงพูดอย่างเฉยเมย
“ทำไมไม่ให้ผมไปรับคุณล่ะ” ท่าทีของส้งจุนกลับเปลี่ยนเป็นอบอุ่นมาก จากนั้นเขาจ้องมองเฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยาหนึ่งที เฉินเฟิงที่สวมใส่เสื้อธรรมดา ถูกเขามองข้ามโดยตรง แต่ว่าตอนที่มองเห็นเสี้ยเมิ่งเหยานัยน์ตาของเขากลับกวาดสายตาที่ประหลาดใจกับความงามผ่านไป จากนั้นลูกตาของเขาหมุนไปหมุนมา ถามว่า “พวกคุณก็มาทานอาหารที่นี่หรือ?”
สวีเฟยหรงพยักหน้า กล่าวว่า “แต่น่าเสียดายไม่มีที่นั่งแล้ว”
“นั่นจัดการง่าย ผมได้จองห้องใหญ่ห้องหนึ่งอยู่ข้างในแล้ว ยังมีที่นั่งอยู่พอดี เฟยหรงถ้าหากว่าคุณไม่รังเกียจล่ะก็ มานั่งด้วยกันกับพวกผมเถอะ” ส้งจุนพูดยิ้มๆ
“ไม่ต้อง....... ” เสี้ยเมิ่งเหยาก็อยากจะปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ ที่เธอพบเห็น เพื่อนหลายคนนั้นของส้งจุน สายตาที่จ้องมองเธอไม่ค่อยปกติเล็กน้อย เธอไม่อยากหาเรื่องให้เฉินเฟิง
แต่นึกไม่ถึง เธอยังพูดไม่จบสวีเฟยหรงก็รับปากลงไปแล้วว่า “ดีล่ะ”
เสี้ยเมิ่งเหยารู้สึกลำบากใจเล็กน้อยจ้องมองเฉินเฟิงหนึ่งที ดูเหมือนเธออยากรู้ความคิดเห็นของเฉินเฟิง
เฉินเฟิงย่อมเข้าใจถึงความหมายนัยน์ตาของเสี้ยเมิ่งเหยาอยู่ดี เธอกลัวจะหาความยุ่งยากให้กับตัวเขา แต่แค่คนเสเพลกี่คนเท่านั้น ยังไม่มีสิทธิ์ทำให้เขาเก็บไว้นัยน์ตา
ดังนั้นเฉินเฟิงยิ้มนิดๆ พยักหน้า ส่งสายตาที่ไว้วางใจแก่เสี้ยเมิ่งเหยา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...