ลูกเขยมังกร นิยาย บท 339

บทที่ 339 สือโพ่จุน

“เอ้อ ดูสมองฉันสิ ลืมแนะนำซะได้” เจ้าสามหวงตบกบาลตัวเอง ถึงพึ่งนึกได้ว่าตัวเองมัวแต่แนะนำเฉินเฟิงให้สือโพ่จุน ยังไม่ได้แนะนำสือโพ่จุนให้เฉินเฟิงเลย

“เฉินเฟิง เขาชื่อสือโพ่จุน แกเรียกเขาเสี่ยวสือ หรือไม่ก็โพ่จุนก็ได้” เจ้าสามหวงแนะนำพลางหัวเราร่า

เสี่ยวสือ?

โพ่จุน?

สือโพ่จุนมุมปากกระตุก ให้ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่าเรียกตัวเอ้สหพันธ์สงครามอย่างเขาว่าเสี่ยวสือ จะให้เขาทำหน้ายังไงเนี่ย?

เฉินเฟิงไม่สนเจ้าสามหวง แต่ยิ้มแย้มและยื่นมือไปเช็คแฮนด์ พลางพูดว่า: “ผมเรียกคุณพี่สือละกัน”

“สำหรับผม พี่สือเรียกได้ตามใจเลย ไม่ต้องสนใจคำเรียกของผมกับเหล่าหวง เอาแบบใครแบบมันเลย”

“จะทำอย่างนั้นได้ยังไงค่ะ คุณเฉิน คุณเป็นพี่น้องกับอาหวง...” เฉินเฟิงช่วยทำลายความกระอักกระอ่วนของเขา สือโพ่จุนทั้งขอบคุณและละอายใจด้วย

“ไม่มีอะไรไม่ได้หรอกครับ พวกเราไม่ติดใจกันขนาดนั้น” เฉินเฟิงตัดบทยิ้มๆ

“ในเมื่อคุณเฉินพูดแบบนี้แล้ว งั้นโพ่จุนจะไม่ขัดศรัทธาละกันนะครับ นับพี่นับน้องกับคุณเฉินครับ” สือโพ่จุนยื่นมือออกไป สำหรับเขาแล้ว การนับเฉินเฟิงเป็นพี่เป็นน้อง ถือว่าให้เกียรติเฉินเฟิงมากโขอยู่

เพราะเขาเป็นรองเจ้าสาขาชางหลงถังของสหพันธ์สงคราม มีอำนาจมากในสหพันธ์ ส่วนออกไปข้างนอก แม้แต่เจ้าเมืองเห็นเขา ยังต้องยิ้มต้อนรับ

ส่วนเฉินเฟิง ถึงจะนับเป็นพี่น้องกับเจ้าสามหวง แต่ฝีมืออาจจะไม่เท่าไหร่ สามารถทำให้เจ้าสามหวงให้ความสำคัญกับเขา อย่างมากคงเพราะเฉินเฟิงเป็นลูกหลานตระกูลดัง มีแบ็คที่ไม่ธรรมดา

ลูกหลานตระกูลดังที่มีเบื้องหลัง ไปอยู่ที่ไหน ก็จะได้รับการยกย่องระดับหนึ่ง

แต่ในสถานที่ที่ยึดความสามารถเป็นหลักอย่างสหพันธ์สงคราม ลูกหลานตระกูลดังไม่มีค่าสักนิด!

คนในสหพันธ์สงครามดูถูกที่สุดคือพวกลูกหลานตระกูลดัง

สหพันธ์สงครามดูแค่ผู้แข็งแกร่ง!

สือโพ่จุนไม่ได้แสดงความคิดในหัวออกมา แต่เจ้าสามหวงเป็นใครล่ะ? เจ้าเล่ห์เพท์ทุบายเรียกปู่ สือโพ่จุนคิดอะไร เขามองแวบเดียวก็รู้แล้ว

“เสี่ยวสือโถว หลานแน่ใจนะว่าจะนับพี่นับน้องกับเจ้านี่?” เจ้าสามหวงเหล่สือโพ่จุนหนึ่งที น้ำเสียงดูมีเลศนัยแปลกๆ

“อาหวง...” สือโพ่จุนตะลึง ทำไมฟังน้ำเสียงเจ้าสามหวงแล้วดูไม่สบอารมณ์ล่ะ

“แหะๆ เสี่ยวสือโถว ไม่ใช่อาหวงดูถูกเรานะ หลานในตอนนี้จะนับพี่นับน้องกับเจ้านี่ยังไม่มีคุณสมบัติพอหรอก” เจ้าสามหวงหัวเราะบอก

“อาหวง นี่อาหมายความว่ายังไง?” สือโพ่จุนยิ้มเจื่อนๆ ในใจไม่ยอมรับ เขาเป็นรองเจ้าสาขาสหพันธ์สงครามแท้ๆ นับชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าเป็นพี่น้อง ถือว่าให้เกียรติชายหนุ่มมากอยู่แล้ว ไหงพอมาถึงเจ้าสามหวง กลับกลายเป็นเขาไม่มีคุณสมบัติล่ะ?

เจ้าสามหวงหัวเราะ ไม่ได้ตอบคำถามสือโพ่จุน แต่ถามกลับว่า: “หลานคิดว่าเจ้านี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วย?”

“อาหวง โพ่จุนไม่ได้หมายความแบบนั้นแน่นอน! เฉินเฟิงน่ะแค่มองก็รู้แล้วว่ามีฝีมือ ไม่นานเขาจะต้องเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้และโด่งดังไปทั่ววงการศิลปะการต่อสู้ของหวาเซี่ยแน่ ถึงตอนนั้นโพ่จุนเองคงเทียบชั้นเฉินเฟิงไม่ติดแน่” สือโพ่จุนใช้คำได้ฉลาดมาก ต่อหน้าคือชมเชยว่าเฉินเฟิงอนาคตไกล รักษาหน้าเฉินเฟิงและเจ้าสามหวงไว้

แต่ที่จริงแล้วกลับยิ่งตอบรับคำพูดเจ้าสามหวง ที่ว่าเฉินเฟิงในตอนนี้ยังสู้เขาไม่ได้

“ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้? ฮะฮะฮะฮะ!” เจ้าสามหวงหลุดหัวเราะก๊าก เหมือนได้ยินอะไรที่มันตลกเอามากๆ

“ทำไมอาหวงหัวเราะขนาดนี้?” สือโพ่จุนไม่เข้าใจ

เจ้าสามหวงเบะปาก เผยฟันที่กลายเป็นสีเหลืองเพราะควันบุหรี่: “เสี่ยวสือโถว ถ้าอาจะบอกเราว่า เจ้าหนุ่มที่ยืนต่อหน้าเรานี่เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่อายุน้อยที่สุดในวงการศิลปะการต่อสู้ของหวาเซี่ย เราจะว่าไง?”

ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้?!

ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่อายุน้อยที่สุดในวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ย?!

สือโพ่จุนเบิกตากว้าง อุทานอย่างไม่คิดว่า “เป็นไปไม่ได้!”

“อาหวง อย่าล้อเล่นกับโพ่จุนเลยครับ ถ้าบอกว่าเฉินเฟิงเป็นจอมยุทธ์อ้านจิ้งที่อายุน้อยที่สุดของหวาเซี่ย ผมเชื่อ แต่อาบอกว่าเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ โพ่จุนไม่เชื่อ!”

“มันเหลือเชื่อเกินไป อายุของเฉินเฟิงอย่างมากก็ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดเท่านั้น จะเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ไปได้ยังไง?”

“ถ้าใช่ เราจะว่าไง?” เจ้าสามหวงยิ้มตาหยี ดูเหมือนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ในหุบเขาซะจริง

“อาหวง ไม่ใช่ว่าผมจะว่าไง แต่มันเป็นไปไม่ได้” สือโพ่จุนยังคงส่ายหน้า ในฐานะรองเจ้าสาขาสหพันธ์สงคราม ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่า คำว่าปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้มันหมายความว่าไง

ในยุคสมัยที่มหาปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้เหลือน้อยมาก ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ถือเป็นจุดสูงสุดของมนุษย์

มองหาไปในสหพันธ์สงคราม ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้อย่างน้อยก็จะได้เป็นเจ้าสาขา

และเจ้าสาขาของสหพันธ์สงคราม ฐานะของโลกภายนอกไม่ด้อยไปกว่าทูตประจำประเทศเลย ถ้ารับผิดชอบสาขาที่สำคัญของสหพันธ์ด้วยล่ะก็ ฐานะจะยิ่งสูงกว่าทูตซะอีก!

รู้ได้เลยว่า ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้เป็นระดับเทพเลย

ถ้าเฉินเฟิงที่ยืนตรงหน้าเขาเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้แถมยังอายุน้อยขนาดนี้ งั้นเขาน่าจะชื่อดังกระฉ่อนไปทั่ววงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ยแล้วสิ

แต่นี่ เขาไม่เคยได้ยินชื่อเฉินเฟิงมาก่อนเลย

“อย่าพึ่งสนว่าเป็นไปได้ไหม บอกอามาก่อน ถ้าเจ้านี่เป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ เราจะว่าไง?” เจ้าสามหวงยิ้มเจ้าเล่ห์ ดูสนุกที่ได้แกล้งปั่นหัวสือโพ่จุน

“ถ้าเฉินเฟิงเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้จริง งั้นผมสือโพ่จุน ต่อไปจะยึดเฉินเฟิงเป็นหัวหน้าสั่งการ เฉินเฟิงให้ผมไปขวา ผมจะไม่มีทางไปซ้าย!” สือโพ่จุนโดนเจ้าสามหวงท้าทายจนขาดสติ แม้แต่ยึดเฉินเฟิงเป็นหัวหน้ายังกล้าพูดออกมา

“ได้ นี่เราพูดเองนะ เสี่ยวสือโถว ลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้นนะ ต่อไปถ้าเจ้านี่มีเรื่องอะไรให้ช่วย ห้ามปฏิเสธโดยเด็ดขาด...” เจ้าสามหวงหัวเราะแหะๆ สีหน้าดีใจที่แผนตัวเองสำเร็จ

“อาหวงวางใจได้ คนอย่างผมสือโพ่จุนพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีทางกลับคำแน่” สือโพ่จุนเห็นได้ชัดว่าเลือดเดือด ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าเจ้าสามหวงขุดหลุมดักเขาไว้

“เหล่าหวง นายอายุแก่ป่านนี้แล้วนะ” เฉินเฟิงถลึงตาใส่เจ้าสามหวงอย่างหน่ายใจ เขารู้ว่าเจ้าสามหวงอยากช่วยเขา ให้เขามีพวกเพิ่ม แต่การรังแกคนที่จริงใจและโผงผางเปิดเผยอย่างสือโพ่จุนมันดูใจร้ายไปหน่อย

“พี่สือ อย่าไปฟังเหล่าหวงโม้เลย ผมไม่ใช่ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้หรอก แดนของผมก็แค่หมิงจิ้งชั้นกวางเอง”

“หมิงจิ้งชั้นกลาง?” เจ้าสามหวงเบิกตากว้าง มองบนค้อนใส่เฉินเฟิง: “แกจะหลอกใครเนี่ย?”

“ถ้าแกหมิงจิ้งชั้นกลาง ฉันคงไม่ใช่แม้แต่จอมยุทธ์เลยมั้ง”

“โพ่จุน อย่าไปเชื่อเจ้านี่ มันเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ แถมยังเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่อายุน้อยที่สุดในวงการศิลปะการต่อสู้หวาเซี่ยด้วย อาจารย์ของเจ้านี่ หลานน่าจะรู้จัก เป็นผู้อันดับสูงสุดของสหพันธ์สงครามของหลานน่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร