ลูกเขยมังกร นิยาย บท 338

บทที่ 338 เฉินห้าวเทียนในอดีต

“นายอาจจะไม่รู้ คุณท่านใหญ่ในตอนนั้นกำหนดผู้สืบทอดไว้ ไม่ใช่เฉินเจิ้นหนาน แต่เป็นเขา”

“แต่น่าเสียดาย...เขาทะเลาะกับคุณท่านใหญ่แรงมากเพื่อแม่นาย และยังพูดจาอกตัญญูประมาณว่าจะไม่ขอเป็นคนตระกูลเฉินอีกตลอดชาติ...”

พูดถึงเฉินห้าวเทียน ฉินเสวี่ยนหรัวเปิดประเด็นพูดยาว เฉินเฟิงฟังเงียบๆ สำหรับเฉินห้าวเทียนแล้ว เขารู้ไม่มากนัก

เพราะสำหรับตระกูลเฉิน เฉินห้าวเทียนถือเป็นคำต้องห้าม ถ้าพูดชื่อเฉินห้าวเทียนต่อหน้าคนตระกูลเฉิน คนตระกูลเฉินทุกคนจะสีหน้าเปลี่ยน เหมือนว่าเฉินห้าวเทียนเคยทำอะไรที่มันหนักหนามาก

พอถามแม่ของเขาซูจ้าวชิง แม่มักพูดสองสามคำ แต่ที่แม่พูดก็แค่อดีตของพ่อกับแม่ ไม่มีเรื่องอะไรพิสดารหนักหนา

“เฉินเฟิง ฉันมีลางสังหรณ์ ไม่นานเขาจะกลับมา ก่อนเขากลับมา นายจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ” น้ำเสียงฉินเสวี่ยนหรัวดูจริงจังอย่างผิดปกติ

“ได้” เฉินเฟิงรับปากทันที เขาก็อยากเจอเฉินห้าวเทียนเหมือนกัน ถามเฉินห้าวเทียนว่า ทำไมตอนนั้นต้องทิ้งพวกเขาสองแม่ลูกด้วย

“สุดท้ายบอกอีกข่าวหนึ่ง เฉินเจิ้นหนานจะออกจากฌานในอีกหนึ่งเดือนนี้ ก่อนเขาออกจากฌาน ตระกูลเฉินจะไม่ทำอะไรนายแน่ แต่หลังจากเขาออกจากฌานแล้ว ไม่แน่แล้วนะ”

“ถ้านายโดนยกเลิกฐานะผู้สืบทอด อะไรที่จะรอนายอยู่ คงรู้ดีนะ”

“ขอบคุณ ผมรู้ดี” หลังจากนิ่งอยู่นาน เฉินเฟิงพูดขึ้นมา ฐานะผู้สืบทอดของเขาเป็นเสมือนยันต์ป้องกันตัว ถ้าฐานะนี้โดนยกเลิก สิ่งที่รอเขาก็แค่ความตายอย่างเดียว

เขายังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนแก้ไขสถานการณ์นี้

พอคุยกับฉินเสวี่ยนหรัวเสร็จ เฉินเฟิงกลับไปที่ดาวแห่งจิ่นเจียง เฉินจื๋อเหวินมายืนรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่นานแล้ว

พอเห็นเฉินเฟิง เฉินจื๋อเหวินรีบลุกขึ้นเดินมายืนหน้าเฉินเฟิง

“อาจารย์อา จัดการธุระเสร็จแล้วหรอครับ?” เฉินจื๋อเหวินถาม

“อืม เจ้าสามหวงล่ะ?”

“ตอนนี้อาจารย์อยู่ข้างบน กำลังคุยธุระอยู่ครับ” เฉินจื๋อเหวินบอกเสียงเบา

“เจ้าสามหวงมีคนรู้จักที่นี่ด้วย?” เฉินเฟิงค่อนข้างตกใจ เจ้าสามหวงค่อนข้างมีชื่อเสียงที่มาเลย์เซีย คนเชื้อสายจีนที่นั่นแทบทุกคนรู้จักชื่อ แต่เฉินเฟิงไม่เคยได้ยินว่า เขามีเส้นสายอะไรที่จงไห่นี่ด้วย

“ครับ แถมดูท่าอีกฝ่ายจะฐานะไม่เบาเลย”

“หือ? ยังไงล่ะ?” เฉินเฟิงเริ่มสนใจ เฉินจื๋อเหวินไม่ใช่พวกล้าหลัง หลายปีมานี้เขาติดตามเจ้าสามหวงไปทุกหนทุกแห่ง ได้เห็นตระกูลดังๆที่หลบซ่อนตัวมากมาย หลายๆตระกูลในนั้นเป็นตระกูลที่สามารถส่งผลกระทบไปทั่วโลกได้เลยทีเดียว สามารถทำให้เขารู้สึกว่าคนที่มานี่ฐานะไม่เบา ต้องถือว่าแบ็คใหญ่มากจริงๆ

“สหพันธ์สงคราม” เฉินจื๋อเหวินพูดออกมา

เฉินเฟิงตะลึง สหพันธ์สงคราม!

ฐานะใหญ่มากจริงๆ!

แถมไม่ใช่ใหญ่ธรรมดาด้วย!

สหพันธ์สงครามเป็นองค์กรรัฐบาลเพียงองค์กรเดียวที่มีสมาชิกเป็นสามประเทศร่วมกันของหวาเซี่ย!

ในขอบเขตหวาเซี่ย ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับจอมยุทธ์ จะมีสหพันธ์บูโดเป็นคนดูแล

แต่ถ้าออกจากหวาเซี่ยเมื่อไหร่ สหพันธ์สงครามถึงจะใหญ่สุด!

ไม่ว่าจะเป็นประเทศมหาอำนาจอย่างประเทศตะวันตก หรือประเทศข้างเคียงต่างๆ ถ้าเข้าเขตก้าวก่ายผลประโยชน์ของหวาเซี่ย สหพันธ์สงครามจะออกโรงทันที

สหพันธ์สงครามเป็นอำนาจระดับโลกที่แท้จริงของหวาเซี่ย!

ในประเทศ ผลกระทบของสหพันธ์สงครามเทียบกับสหพันธ์บูโดแล้ว เทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว

แต่นอกประเทศ คำว่าสหพันธ์สงคราม กลับทำให้หลายองค์กรหวั่นเกรงไม่กล้าหืออือ

หลายปีมานี้ ที่เฉินเฟิงรู้ หลายอำนาจใหญ่นอกประเทศที่ถูกสหพันธ์สงครามปราบปรามทำลายไป อย่างน้อยก็สิบกว่าองค์กร

และอำนาจที่จะเรียกว่าใหญ่จริงๆ ปกติแล้วต้องมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ยืนพื้นก่อน

นอกจากปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้แล้ว จอมยุทธ์หลายร้อยคนยิ่งไม่มีทางขาดเลย

รู้ได้เลยว่า ในมือสหพันธ์สงครามคงเปื้อนเลือดศัตรูมานักต่อนักแล้ว

องค์กรฆ่าล้างบางจริงๆ!

“ครั้งนี้อาจารย์มาหวาเซี่ย เห็นว่าอีกฝ่ายแนะนำมา อีกฝ่ายแนะนำอาจารย์มาหวาเซี่ยเสร็จ แถมยังจัดการโรงพยาบาลให้อาจารย์ที่จงไห่อีก และให้คณบดีเจียงจัดตั้งทีมรักษาให้อาจารย์ทีมหนึ่งเลย” เฉินจื๋อเหวินบอก

เฉินเฟิงพยักหน้าน้อยๆ มิน่าล่ะตอนอยู่ที่โรงพยาบาล เจียงจุงถิงถึงให้ความสำคัญกับเจ้าสามหวงขนาดนั้น แถมยังเชิญหมอเทพซูนซึ่งเป็นหมอชื่อดังระดับประเทศมาเพื่อเจ้าสามหวงด้วย ที่แท้ก็มีคนแนะนำมานี่เอง

ลองสลับมุมคิดดู เรื่องทั้งหมดที่อีกฝ่ายทำนี่ ฐานะตำแหน่งในสหพันธ์สงครามคงไม่น้อยแน่ อย่างน้อยก็น่าจะระดับผู้อาวุโสแน่

“ตอนนี้ฉันขึ้นไปได้ไหม?” เฉินเฟิงถาม

“ได้ครับ อาจารย์บอกให้ผมรออาจารย์อาที่นี่เพื่อรับอาจารย์อาขึ้นไปครับ” เฉินจื๋อเหวินบอก

“โอเค งั้นเราขึ้นไปกันเลย” เฉินเฟิงพยักหน้า

พอมาถึงหน้าห้องสวีทที่เจ้าสามหวงจอง เฉินจื๋อเหวินเคาะประตู

“เข้ามา!” ได้ยินเสียงเจ้าสามหวงลอยมา

เฉินเฟิงเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่กระทบสายตาคือควันบุหรี่โขมง

เจ้าสามหวงนั่งท่าสบายที่โซฟา ถือซิก้าไว้ในมือ

ตรงข้ามเขาคือผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ใส่ชุดรัดตัวสีดำ ทรงผมของเขาเป็นทรงผมรองทรงตามแบบฉบับ ถึงตอนนี้จะนั่งนิ่งที่โซฟา แต่เฉินเฟิงรับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อฟิตเปรี๊ยะของเขาที่กำลังแข็งเกร็ง เหมือนเสือที่กำลังจะออกล่าเหยื่อ พร้อมจะตะครุบใส่ศัตรูตลอดเวลา

พอเฉินเฟิงเข้ามา สายตาเขาก็เบนมามองเฉินเฟิง ในสายตานั่นมีรังสีการฆ่าที่แรงกล้าประดุจคมดาบ

ถ้าเป็นคนธรรมดาโดนรังสีนี้เข้า คงตกใจเข่าอ่อนไปแล้ว

แต่เฉินเฟิงกลับทำเหมือนไม่มีอะไร สีหน้ายังนิ่งไม่ไหวติง แถมยังยิ้มน้อยอย่างเป็นมิตรด้วย

ผู้ชายคนนั้นขมวดคิ้ว สีหน้าสงสัย

“อาหวง คนนี้คือ?” ผู้ชายคนนั้นอดถามไม่ได้ ถึงเฉินเฟิงจะดูหนุ่มแน่น แต่สามารถรับมือรังสีของเขาได้โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด แค่จุดนี้เฉินเฟิงก็เก่งกว่าชายหนุ่มมากมายที่เขาเคยเจอแล้ว

ต้องรู้ไว้นะ รังสีของเขานี่ได้มาเพราะฆ่าจอมยุทธ์ไปเกือบร้อย

คนธรรมดามาเจอ ต่อให้ไม่ตกใจจนไส้แตก ก็ต้องสีหน้าเปลี่ยน

เจ้าสามหวงลุกขึ้นพลางหัวเราะเหอะๆ กอดไหล่เฉินเฟิงไว้ แนะนำเสียงดังว่า: “เขาชื่อเฉินเฟิง เป็นน้องชายผมเอง”

น้องชาย?

ผู้ชายวัยกลางคนมุมปากกระตุก เจ้าสามหวงนี่เป็นตาแก่อายุเจ็ดสิบกว่าแล้วนะ จะมีน้องชายอายุน้อยขนาดนี้ได้ยังไง? แถมเขาเรียกเจ้าสามหวงว่าอาหวง ถ้าเฉินเฟิงเป็นน้องชายเจ้าสามหวง งั้นเขาต้องเรียกเฉินเฟิงว่าอาเฉินหรอ?

ระหว่างที่ผู้ชายคนนั้นกำลังครุ่นคิดว่าจะเรียกเฉินเฟิงว่ายังไงดี เฉินเฟิงยิ้มเอ่ยขึ้นก่อนว่า: “เหล่าหวง คนนี้คือ?”

ต่อหน้าคนนอก เฉินเฟิงต้องให้เกียรติเจ้าสามหวงอยู่แล้ว จะมาเรียกเจ้าสามหวงแบบนี้ไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร