ลูกเขยมังกร นิยาย บท 337

บทที่ 337 สมาคมผู้อาวุโสตระกูลเฉิน

หลังออกมาจากบ้านตระกูลหวาง เวลาก็เลื่อนเลยมาจนถึงบ่ายคล้อย

เฉินเฟิงหยิบมือถือออกมา พบว่าเจ้าสามหวงส่งโลเคชั่นโรงแรมที่จองเรียบร้อยแล้วมาให้

ดาวแห่งจิ่นเจียงเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงในจงไห่ พักที่นั่นคืนหนึ่งอย่างน้อยก็จ่ายสองพัน

เฉินเฟิงหัวเราะ เตรียมเรียกรถไป ตอนนี้มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นมา

ชื่อฉินเสวี่ยนหรัวหราบนหน้าจอมือถือ

ฉินเสวี่ยนหรัว?

เธอโทรหาเขาตอนนี้ทำไม?

เฉินเฟิงสงสัยนิดหน่อย และกดรับสายทันที

“ตอนนี้นายอยู่ไหน?”

“จงไห่”

“ฉันรู้ว่านายอยู่จงไห่ ฉันหมายถึงพิกัด” น้ำเสียงฉินเสวี่ยนหรัวดูหัวเสียชอบกล

“จิ่งซวี่โก๋จี้”

“นายไปที่นั่นทำไม? รู้ไหมว่าตอนนี้มีคนสองคนกำลังตรวจสอบเรื่องนาย?”

“รู้ ทำไมหรอ?” เฉินเฟิงพยักหน้า น้ำเสียงดูไม่แปลกใจรัก

ตั้งแต่เดินออกมาจากสถานีรถไฟฟ้า เขาก็รู้สึกว่ามีคนสองคนกำลังสะกดรอยตามเขา ถ้าไม่มีอะไรเอ็กซิเดนท์ล่ะก็ คนหนึ่งในนั้นคงเป็นคนของฉู่ชีงฉือ อีกคนคงเป็นคนของเฮยหยวน

“รู้แล้วยังวิ่งไปทั่วอีก?” ฉินเสวี่ยนหรัวมองบน

“แล้วยังไงล่ะ?” เฉินเฟิงยื้มเหนื่อย ตั้งแต่วินาทีที่เขาช่วยฉู่ชีงฉือไว้ ก็รู้อยู่แล้วว่าจะเป็นแบบนี้ คนฉู่ชีงฉือกับเฮยหยวนต้องไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆแน่ๆ เรื่องโดนตรวจสอบเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว

ฉินเสวี่ยนหรัวไม่รู้จะพูดอะไรดี ผ่านไปสักพัก เธอถึงเอ่ยปากอย่างไม่สบอารมณ์: “รู้ไหมว่าสาวน้อยที่นายช่วยไปเมื่อกลางวันคนนั้นเป็นใคร?”

“ไม่รู้” เฉินเฟิงส่ายหัว เขารู้แต่ว่าฉู่ชีงฉือเป็นดาราดังมาก แต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฐานะเธอเลย แต่ดูจากความอลังการของคนติดตามเธอแล้ว ฐานะเธอคงไม่เรียบง่ายเท่าไหร่แน่

“เธอเป็นคนตระกูลฉู่” ฉินเสวี่ยนหรัวพูดออกมาเสียงเรียบ

“ตระกูลฉู่?!” เฉินเฟิงหรี่ตาขมวดคิ้วทันที เขาอดสะท้านไม่ได้ ที่ฉินเสวี่ยนหรัวบอก... คงไม่ใช่ตระกูลฉู่อันนั้นหรอกนะ?

“ตอนนี้กลัวแล้ว?” เธอจับความรู้สึกตกใจของเขาได้ มุมปากฉินเสวี่ยนหรัวยิ้มหยัน

เฉินเฟิงสูดลมหายใจเข้าปอด ไม่ได้พูดอะไร ถ้าฉู่ชีงฉือเป็นคนตระกูลฉู่นั้นจริง งั้นเขาคงเข้าไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวายเข้าแล้ว

“เฉินเฟิง นายแน่มากนะ ด้านเสี้ยเมิ่งเหยายังตัดไม่ขาด ก็ไปสานสัมพันธ์กับคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่เข้าแล้วเนี่ย นายคงไม่ได้อยากเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฉู่หรอกนะ?” ฉินเสวี่ยนหรัวประชดเข้าให้อีกดอก

“คุณคิดมากไปแล้ว” เฉินเฟิงสูดลมหายใจเข้าปอด พยายามสงบความตกใจ และพูดเสียงเรียบ

“ฉันคิดมากไปไหม นายรู้ดีแก่ใจ” ฉินเสวี่ยนหรัวยิ้มเย็น

“เรื่องตระกูลฉู่ ฉันไม่อยากคุยกับนายเยอะ วันนี้ที่โทรมามีสองข่าวจะบอก ข่าวดีหนึ่ง ข่าวร้ายหนึ่ง อยากฟังอันไหนก่อน?”

“ข่าวดี” เฉินเฟิงชะงักก่อนตอบ

“ข่าวดี?” น้ำเสียงฉินเสวี่ยนหรัวดูเอื่อยเฉื่อย “ข่าวดีคือเมียนายตอนนี้มาถึงจงไห่อย่างปลอดภัยแล้ว คนของฉันดูแลเมียนายดีมาก ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของเธอนะ”

“อีกอย่าง พรุ่งนี้ฉันจะให้เธอรับเป็นประธานกรรมการบริษัทยาที่อยู่ในชื่อฉัน ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเมียจะไม่มีงานทำ”

“ขอบคุณ ข่าวร้ายล่ะ?” เฉินเฟิงพยักหน้า มีฉินเสวี่ยนหรัวอยู่ เรื่องความปลอดภัยของเสี้ยเมิ่งเหยาหายห่วงได้เลย

“ข่าวร้าย?” น้ำเสียงฉินเสวี่ยนหรัวดูสนุกสนานชอบกล: “แน่ใจว่าอยากฟัง?”

“แน่ใจ คุณพูดเถอะ” เฉินเฟิงถอนหายใจยาว ขอแค่เสี้ยเมิ่งเหยาไม่เป็นอะไร ข่าวอย่างอื่นสำหรับเขาแล้วไม่ถือว่าร้ายหรอก

“ได้ งั้นฉันพูดแล้วนะ ตอนบ่ายตระกูลเฉินนัดประชุมสภาผู้อาวุโสเรื่องนายทำลายเฉินอิงโร”

“หัวข้อการประชุมคือจะยังคงสภาพความเป็นผู้สืบทอดของนายต่อไปไหม เดาสิว่าสุดท้ายผลเป็นยังไง?” ฉินเสวี่ยนหรัวถามเชิงให้เดา

“ยังคงเป็นผู้สืบทอดต่อไป แต่ต่อไปผมไม่มีทางใช้เส้นสายอะไรของตระกูลเฉินได้” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ

“นายรู้?” ฉินเสวี่ยนหรัวดูแปลกใจ

“รู้แล้วแปลกหรอ?” เฉินเฟิงถามกลับ ถึงเขาจะไม่เคยไปศูนย์กลางตระกูลเฉิน แต่เขาก็รู้ดีเรื่องอำนาจเส้นสายของตระกูลเฉิน

เปลือกนอก สมาคมผู้อาวุโสที่มีผู้อาวุโสของทั้งสิบสามสายก่อตั้งขึ้นเป็นระดับสูงสุดของตระกูลเฉิน มีอำนาจสิทธ์ขาดในเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ของตระกูล แม้กระทั่งเจ้าตระกูลยังต้องผ่านมติสมาคมนี้เลย

แต่ที่จริงแล้ว ผู้มีอำนาจสิทธ์ขาดคนเดียวของตระกูลเฉินคือ เฉินเจิ้นหนาน

เฉินเจิ้นหนานเป็นเจ้าตระกูลเพียงคนเดียวที่มีอำนาจสิทธิ์ขาดเหนือสมาคมในรอบร้อยปีนี้

ทุกการตัดสินใจของเขา แม้แต่สมาคมก็ไม่กล้าคัดค้าน

เฉินเฟิงรู้เรื่องนี้ดี

ถ้าตอนแรกคนที่เลือกเขาเป็นผู้สืบทอดไม่ใช่เฉินเจิ้นหนาน แต่เป็นคนอื่นในตระกูล เขาคงตายไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

แต่ไม่คัดค้านน่ะเรื่องหนึ่ง คนอื่นในตระกูลเฉินไม่มีวันยอมให้เขาทำอะไรตามใจแน่ อย่างเช่นทำลายวรยุทธเฉินอิงโรที่เปรียบเสมือนแตะเส้นตายของสมาคมระดับสูง

วันนี้เฉินเฟิงทำลายเฉินอิงโรได้ พรุ่งนี้ก็ทำลายคนอื่นในตระกูลเฉินได้ นี่เป็นสิ่งที่คนระดับสูงตระกูลเฉินไม่มีวันยอม

ดังนั้นเลยมีการประชุมนี้ขึ้นมา

การตัดสินใจของเฉินเจิ้นหนานพวกเขาแก้ไขไม่ได้ แต่พวกเขาสามารถหาช่องว่างไปขีดเส้นบังคับเฉินเฟิงได้

และวิธีที่บีบเฉินเฟิงดีที่สุดคือ ต่อไปห้ามเฉินเฟิงแตะต้องทรัพย์สินภายใต้ตระกูลเฉินอีก ทำให้เฉินเฟิงกลายเป็นผู้สืบทอดที่มีแค่ชื่อ

ผลลัพธ์แบบนี้เฉินเฟิงคิดไว้ตั้งแต่ตอนที่ทำลายเฉินอิงโรแล้ว

แต่ที่เขาคิดไม่ถึงคือ ผลลัพธ์นี้มาช้าป่านนี้

“ในเมื่อรู้แล้ว มีอะไรอยากพูดไหม?” ฉินเสวี่ยนหรัวหัวเราะถาม ถึงเฉินเฟิงจะยังเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเฉิน แต่ที่จริงแล้วเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลนั้นเลย

ทรัพย์สินหลายแสนล้านของตระกูลเฉิน นับแต่วันนี้ไปเขาไม่มีสิทธ์ใช้จ่ายสักนิด ยกเว้นเฉินเจิ้นหนานจะออกคำสั่งใหม่ มาเปลี่ยนแปลงมติสมาคม

“ไม่มีอะไรอยากพูดหรอก” เฉินเฟิงส่ายหัวบอก: “เดิมผมก็ไม่คาดหวังอะไรกับตระกูลเฉินอยู่แล้ว”

ฉินเสวี่ยนหรัวเงียบสนิท ดูเฉินเฟิงไม่แคร์อะไรกับฐานะผู้สืบทอดตระกูลเฉินเลย ถ้าเขาสนใจ ตอนเฉินเจิ้นหนานประกาศฐานะผู้สืบทอดของเขาเมื่อสามเดือนก่อน เขาคงกลับยันเจียงแล้ว

“ที่จริงนายกับเขาเหมือนกันมากอยู่นะ ตอนนั้นเขาก็พูดแบบนี้เหมือนกัน” ฉินเสวี่ยนหรัวถอนหายใจ และพูดคำที่ทำให้เฉินเฟิงงุนงง

เขา? คนที่ฉินเสวี่ยนหรัวพูดหมายถึงเฉินห้าวเทียนพ่อเขาหรอ?

เฉินเฟิงขมวดคิ้ว ตอนนั้นเฉินห้าวเทียนก็ไม่สนใจกับฐานะผู้สืบทอดตระกูลเฉิน?

มันเพราะอะไรกันนะ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร