บทที่ 350 อาจารย์คะ
“อืม” เฉินเฟิงพยักหน้า: “คุณหมอเจียง ผู้อำนวยการเจียงอยู่ที่ไหน?”
“ไม่ต้องเรียกผู้อำนวยการเจียงแล้ว เรียกคุณอาเจียง นายไม่ใช่ไม่รู้ความสัมพันธ์เขากับฉันนี่นา” เจียงหยู่ถิงพูด
เฉินเฟิงยิ้มเหนื่อย: “ก็ได้ คุณอาเจียงอยู่ที่ไหนล่ะ?”
เจียงหยู่ถิงยิ้มฮี่ๆ: “อยากรู้?”
“อืม” เฉินเฟิงพยักหน้า
“เรียกฉันว่าพี่สาว ฉันจะบอกนาย” ใบหน้าเรียวเล็กของเจียงหยู่ถิงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
เฉินเฟิงหน้ามืดลงทันที แม่นี่จะมาไม้ไหนอีก?
“ช่างเถอะ ผมไปหาเองดีกว่า” พี่สาวสองคำนี้ เฉินเฟิงเรียกไม่ออกจริงๆ
“เฮ้เฮ้ นายจะไปไหนน่ะ?” เห็นเฉินเฟิงจะเดินไปจริง เจียงหยู่ถิงร้อนใจขึ้นมาทันที
“วันนี้พ่อฉันไม่อยู่โรงพยาบาล เขาไปประชุมเฉพาะทางที่ยันเจียงน่ะ”
เฉินเฟิงชะงักเท้าฉับพลัน ขมวดคิ้วขึ้นมา? เจียงจุงถิงไม่อยู่? แล้วเขาควรจะหาใครล่ะเนี่ย?
“ฉันเป็นตัวแทนพ่อดิลกับนายได้นะ” เหมือนรู้ว่าเฉินเฟิงคิดอะไร เจียงหยู่ถิงยิ้มร่าบอก
เฉินเฟิงหัวเราะ ไม่รีบเข้าไปหาทันที แต่ถามว่า: “เงื่อนไขล่ะ? ให้เรียกเธอว่าพี่สาว?”
“จะเป็นไปได้ไง?!”
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เรียกพี่สาวคำเดียวจะพอได้ไง?”
“นายฝันหวานไปหน่อยไหม?” เจียงหยู่ถิงร่ำๆบอก ท่าทางเท้าเอวแหวใส่ดูน่ารักพิกล
“งั้นคุณจะเอาไง?” เฉินเฟิงถามอย่างหน่ายใจ
เจียงหยู่ถิงกลอกตาไปมา ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ว่า: “ฉันอยากให้นายสอนกังฟูกำลังภายในให้ฉัน”
“กังฟูกำลังภายใน?” เฉินเฟิงตะลึงก่อนได้สติกลับมา กังฟูกำลังภายในที่เจียงหยู่ถิงพูดคือวิถีจอมยุทธ์
“คุณอาเจียงบอกคุณหรอ?” เฉินเฟิงอดถามไม่ได้ เขาอยากรู้มากว่า เจียงหยู่ถิงรู้ได้ไงว่าเขาเป็นจอมยุทธ์
เจียงหยู่ถิงมองบน: “นี่ ฉันดูโง่มากหรือไง? เรื่องแบบนี้ต้องให้คนอื่นบอกด้วย? ฉันดูออกเองได้ไหมล่ะ?”
“คุณดูออกได้ยังไงล่ะ?” เฉินเฟิงเริ่มสนใจ วันนั้นที่เขาอยู่โรงพยาบาล เขาไม่ได้แสดงวิถีอะไรของจอมยุทธ์เลยนี่นา
“ใช้ตาดูน่ะสิ คุณปู่หวงกินยาบัวหิมะของนายเข้าไป มีน้ำแข็งหนาปกคลุมไปทั่วร่าง แต่ฝ่ามือนายแตะเบาๆก็ทำน้ำแข็งทลายได้ แถมยังไม่ทำอันตรายคุณปู่หวงเลยสักนิด ฝีมือแบบนี้มันไม่ปกติเลยรู้ไหม?”
“แถมตรงกลาง คุณปู่ซูนยังถามคุณปู่หวงเลยว่า คุณปู่หวงเคยฝึกกังฟูกำลังภายในมาหรือเปล่า คุณปู่หวงก็พยักหน้ายอมรับแล้วนี่...”
“ดังนั้นคุณเลยได้ผลสรุปว่า ผมกับเหล่าหวงเคยฝึกกังฟูกำลังภายในมาก่อนงั้นสิ?” สีหน้าเฉินเฟิงดูแปลกๆ เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า เจียงหยู่ถิงที่ดูร่าเริงโผงผ่าง แต่จิตใจละเอียดขนาดนี้
ตอนเขาแตะน้ำแข็งที่ตัวเจ้าสามหวง เขาใส่พลังปราณเข้าไปจริงๆ แต่พลังแบบนั้นคนธรรมดารับรู้ไม่ได้ แต่เจียงหยู่ถิงกลับอาศัยเส้นเรื่องแค่นี้ปะติดปะต่อออกมาได้
“ใช่ไง” เจียงหยู่ถิงพยักหน้าอย่างได้ใจ “ยังไง ฉันฉลาดมากใช่ไหม?” เธอยิ้มแหะๆ ออกแนวได้ใจ
“ฉลาดอยู่” เฉินเฟิงชื่นชมเธอจากใจ ทักษะการสังเกตของเจียงหยู่ถิงใม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะทำได้จริงๆ
“ฉันฉลาดขนาดนี้ งั้นเรื่องเรียนกังฟูกำลังภายในนั่นน่าจะเรียนได้เร็วมากล่ะสิ”
เฉินเฟิงหัวเราะ ไม่ได้ตอบคำถามเจียงหยู่ถิงในทันที แต่ถามกลับ: “คุณหนูเจียง ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงอยากเรียนกังฟูกำลังภายใน? มีเหตุผลอะไรที่ต้องเรียนให้ได้หรอ?”
“ฉันอยากเป็นจอมยุทธ์หญิง” เจียงหยู่ถิงตอบโดยไม่คิดเลย ถึงตอนนี้อาชีพเธอคือหมอ แต่เธอมีความฝันแนวจอมยุทธ์นี้ตั้งแต่เด็ก หนทางที่เธออยากเดินตลอดมาไม่ใช่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยวิชาแพทย์ แต่เป็นออกเดินทางช่วยเหลือผู้คนมากกว่า
แถมได้ยินมาว่า กังฟูกำลังภายในสามารถฝึกได้ถึงขั้นสุดยอด จะสามารถเหาะเดินบนกำแพงได้
แต่การแพทย์ อย่าว่าแต่เหาะเดินบนกำแพงเลย ผมไม่ล้านหมดหัวก็ถือว่ดีมากแล้ว
เฉินเฟิงหน่ายใจ: “คุณหนูเจียง นี่มันสมัยไหนแล้ว? คุณไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ไม่ควรช่วยเหลือใครด้วยการใช้กำลังหรอ? แถมจอมยุทธ์หญิงน่ะไม่ใช่ว่าคุณอยากเป็นก็เป็นได้นะ อย่างน้อยคุณต้องฝึกกำฟูกำลังภายในห้าปี ถึงจะสามารถท่องยุทธภพได้”
ห้าปีนี่เฉินเฟิงพูดน้อยไปนะ อายุของเจียงหยู่ถิงตอนนี้กระดูกข้อต่อต่างๆเข้าที่หมดแล้ว เธออยากเป็นจอมยุทธ์ แค่ปรับกระดูกต่อใหม่ ก็ต้องใช้เวลาสองสามปีแล้ว
พอปรับกระดูกต่อใหม่เสร็จ ยังต้องฝึกปราณขั้นพื้นฐาน นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานอีก
การเป็นจอมยุทธ์น่ะมันไม่ง่ายนะ
นอกจากว่าเจียงหยู่ถิงจะมีโอกาสได้เจอวัตถุดิบหายากอย่างบัวหิมะ
“ห้าปี?” เจียงหยู่ถืงเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าตกใจมาก เธอนึกว่า แค่ฝึกซักเดือนสองเดือนก็จะเป็นจอมยุทธ์หญิงได้แล้ว แต่เฉินเฟิงกลับบอกว่า ต้องห้าปี ผู้หญิงเราชีวิตหนึ่งจะมีกี่ห้าปีให้เสียกันล่ะ
แถมห้าปีนี่แค่มีสิทธ์ท่องยุทธภพนะ อยากเป็นจอมยุทธ์หญิงไม่รู้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน
เจียงหยู่ถิงลังเลขึ้นมา เธอรู้ว่าครั้งนี้ตัวเองมุทะลุเกินไป จอมยุทธ์หญิงไม่ใช่อะไรที่เป็นได้ง่ายเลย
“คุณหนูเจียง กังฟูกำลังภายในมันไม่ได้ฝึกกันง่ายๆนะ เขาต้องฝึกกันสามปีเก้าปี นี่แค่ขั้นพื้นฐานนะ และต่อให้คุณทำตามทุกอย่างแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะฝึกสำเร็จด้วย ในยุทธภพน่ะ คนที่ฝึกกังฟูกำลังภายในมาหลายสิบปีแต่สุดท้ายไม่ได้แม้แต่จะก้าวข้ามเข้าไปในสำนักมีถมไป คุณคิดให้ดีก่อนดีกว่า” เฉินเฟิงบอก เขามีเส้นตายของเขา ถึงจะอยากช่วยบริษัทเภสัชกรรมคางเหม่ยดิลสัญญาแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากหลอกเจียงหยู่ถิง และไม่อยากผิดศีลธรรมประจำใจตัวเองด้วย
“ไม่คิดละ ฉันฝึก!” เจียงหยู่ถิงกลับดูหนักแน่นขึ้นมา เหมือนตัดสินใจอะไรที่สำคัญมากลงไป
“ไม่คิดอีกหน่อยจริงหรอ?” เฉินเฟิงขมวดคิ้ว
“ไม่คิด!” เจียงหยู่ถิงส่ายหัวอย่างหนักแน่น: “ฉันชอบรู้สึกว่า ชีวิตคนเราน่ะควรจะทำอะไรที่มันมีความหมาย ฉันชอบจอมยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก โลกที่ตัดสินความแค้นบุญคุณกันนั่น”
“ถ้าไม่ได้เจอนาย ชาตินี้ฉันคงไม่มีโอกาสสัมผัสโลกนั้น”
“แต่ในเมื่อได้เจอแล้ว ฉันจะไม่ยอมพลาดไปเด็ดขาด”
ท่าทีของเจียงหยู่ถิงดูหนักแน่นอย่างน่าประหลาด ที่จริงมีประโยคหนึ่งที่เธอไม่ได้พูดออกมา เธอกลัวจะเสียใจภายหลัง
เธอกลัวพลาดครั้งนี้ไป เธอจะเสียใจไปตลอดชีวิต
“ตกลง”
เขาลังเลชั่วครู่ เฉินเฟิงพยักหน้า เขามองออกว่า เจียงหยู่ถิงไม่ได้คิดสนุกชั่วครู่ในการอยากเป็นจอมยุทธ์ แต่ได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่
สำหรับคนแบบนี้ หมอเทวดาซูนเคยกล่าวไว้ ควรค่าแก่การสั่งสอน
ไม่ว่าสุดท้ายเธอจะได้เป็นจอมยุทธ์หรือเปล่า เฉินเฟิงก็ควรจะให้โอกาสเธอได้ลองดู
อาจารย์น่ะเป็นคนพาเราเข้าสำนัก แต่มันแล้วแต่การฝึกฝนของแต่ละคนด้วย
“แหะๆ อาจารย์คะ กรุณารับการคารวะจากศิษย์ด้วย” เจียงหยู่ถิงหัวเราะฮี่ๆ เตรียมคารวะอาจารย์ แต่โดนเฉินเฟิงยิ้มเบรกไว้ก่อน
“คุณหนูเจียง คารวะอาจารย์นี่ไม่ต้องหรอก ระหว่างผมกับคุณยังไม่ถึงขั้นนั้น อีกอย่าง สำนักของผมไม่อนุญาตให้ผมรับศิษย์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...