บทที่ 354 คนใหญ่คนโต
“หรือว่าเจ้าขยะนั่นจะคุกเข่าขอร้องทางนั้นมา?” หวังซือหยวนพูดอย่างสงสัย เมื่อก่อนเฉินเฟิงเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมีย ซึ่งไม่มีศักดิ์ศรีหรือความถือตัวอะไรในฐานะนี้หรอก
เพื่อบรรลุเป้าหมาย การคุกเข่าขอร้องอะไรแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้
“เป็นไปไม่ได้” หลื่สื้อผิงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่: “การค้ากับโรงพยาบาลตุงถิงไม่ใช่เงินไม่กี่ร้อย แต่เป็นธุรกิจเกือบสิบล้าน”
“คนรับผิดชอบทางนั้นไม่มีทางใจอ่อนแค่การคุกเข่าของเฉินเฟิงแน่”
“ผมว่า เบื้องหลังเจ้าขยะนี่ต้องมีคนใหญ่คนโตอะไรคอยช่วยเหลือเขาแน่” หลี่สื้อผิงคาดเดา
“คนใหญ่คนโต?” หวังซือหยวนเบะปาก ลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียคนหนึ่งจะมีคนใหญ่คนโตอะไรคอยช่วยกัน?
“ซือหยวน กลับไปคุณลองหาโอกาสคุยกับคุณอาหวังดู สืบว่าเจ้าขยะนั่นมีเบื้องหลังยังไงแน่ ดูว่าเขาใช้อะไรดิลออเดอร์โรงพยาบาลตุงถิงมาได้” หลี่สื้อผิงแววตาแล่นประกายดุดันขึ้นวูบหนึ่ง เขาเป็นคนมีแค้นต้องชำระอยู่แล้ว วันนี้เฉินเฟิงทำให้เขาเสียหน้าหนักขนาดนี้ ถ้าเขาไม่หาทางแก้แค้นคืนกลับไป ต่อไปเขาคงไม่มีหน้าอยู่ในบริษัทอีก
“ได้ ฉันจะกลับไปถามพ่อวันนี้” หวังซือหยวนพยักหน้า ความคิดของเธอไม่เหมือนกับของหลี่สื้อผิง เธอรู้สึกว่าเฉินเฟิงต้องใช้วิธีการสกปรกอะไรแน่ ดังนั้นไม่ต้องให้หลี่สื้อผิงพูด เธอก็จะบอกเรื่องนี้กับหวังหงอี้
พอออกจากบริษัท เฉินเฟิงตรงกลับไปที่โรงแรมจิ่นไท่เลย
ยังคงเป็นห้องสูทห้องเดิม พอเฉินเฟิงผลักประตูเข้าไป ก็เห็นสี่พี่น้องตระกูลเฉินกับสือโพ่จุน เจ้าสามหวงก็อยู่
นอกจากเจ้าสามหวงแล้ว ยังมีร่างสูงโปร่งใบหน้าอ่อนช้อยใส่ชุดฝึกกังฟูสีขาวยืนอยู่ด้วย
คนนั้นคือเจียงหยู่ถิง
เฉินเฟิงเป็นคนเรียกเจียงหยู่ถิงมาเอง เพื่อให้พวกเจ้าสามหวงถ่ายทอดความรู้ขั้นพื้นฐานของวงการศิลปะการต่อสู้ให้กับเจียงหยู่ถิง ให้เธออย่างน้อยพอเข้าใจวงการศิลปะการต่อสู้ขึ้นบ้าง
“อาจารย์อาเฉิน”
“เฉินเฟิง”
พอเฉินนเฟิงเข้าไป พวกสี่พี่น้องตระกูลเฉินและสือโพ่จุนรีบลุกขึ้นยืน ท่าทีที่มีต่อเฉินเฟิงเรียกได้นบนอบมาก
เฉินเฟิงยิ้มพยักหน้าเล็กน้อย เบนสายตาไปที่เจียงหยู่ถิง: “คุณหนูเจียง รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
“มหัศจรรย์จริงๆ!”
ใบหน้าแน่งน้อยของเจียงหยู่ถิงแดงระเรื่อ ตอนนี้มีกระแสความตื่นเต้นฮึกเหิมกระจายไปทั่ว เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ในโลกธรรมดานี้ยังแอบซ่อนโลกอีกโลกหนึ่งไว้
จอมยุทธ์หมิงจิ้ง จอมยุทธ์อ้านจิ้ง จอมยุทธ์หั้วจิ้ง...ยังมีมวยเก้าปรมาจารย์ที่สูงส่งยากหาใครเทียมนั่นอีก!
มวยเก้าปรมาจารย์ ฝ่ามือสะเทือนภูเขาและแม่น้ำ กระบี่กลับสะท้านประเทศ!
คนเดียวสามารถรับมือศัตรูนับล้าน!
เทพชัดๆ!
เดิมเจียงหยู่ถิงคิดว่าชาตินี้คงต้องทำงานใช้ชีวิต เกิดแก่เจ็บตายเป็นอานิจจังแล้ว
โลกที่ขี่ม้าท่องยุทธภพ บุญคุณความแค้นตามชำระนั่น ตัวเองคงไม่สามารถได้เจอะเจอแล้ว
แต่วันนี้เฉินเฟิงกลับดึงเธอเข้าสู่โลกนั้น
ซาบซึ้ง!
วินาทีนี้ในใจเจียงหยู่ถิงรู้สึกซาบซึ้งน้ำใจเฉินเฟิงเท่านั้นเอง!
“ขอบคุณมาก เฉินเฟิง!” เจียงหยู่ถิงคำนับเฉินเฟิงอย่างที่สุด พอได้ยินคำพูดของพวกเจ้าสามหวง เธอถึงเข้าใจว่า คนธรรมดาแตกต่างจากจอมยุทธ์มากแค่ไหน
เรียกได้ว่า คนหนึ่งเป็นฟ้า คนหนึ่งเป็นเหวเลย
เดิมเธอคิดว่า ตัวเองช่วยเฉินเฟิงเซ็นออเดอร์ใหญ่ขนาดนั้นได้ เฉินเฟิงได้กำไร
แต่พอฟังพวกเจ้าสามหวงพูดจบ เธอพึ่งรู้ตัวว่า ความคิดตัวเองก่อนหน้านี้มันโง่เขลาแค่ไหน!
เฉินเฟิงไม่ได้ได้กำไรเลย แต่เป็นเธอซะอีกที่ได้ แถมยังกำไรหนักมากด้วย!
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” เฉินเฟิงยิ้มส่ายหัวบอกว่า: “คำเดิมเลย อาจารย์ชักเข้าสู้สำนัก แต่ฝีมือก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเองนะ”
“ผมให้คุณแค่โอกาสในการได้สัมผัสวงการศิลปะการต่อสู้ แต่จะได้เข้าไปในโลกนั้นไหม ต้องขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง”
“เจ้าสามหวงน่าจะพูดกับคุณละเอียดดีแล้ว”
“ในวงการศิลปะการต่อสู้ ระดับของจอมยุทธ์มันเข้มงวดมากกว่าที่คุณคิดไว้นัก”
“หมิงจิ้ง อ้านจิ้ง หั้วจิ้ง ปรมาจารย์!”
“ถึงจะมีแค่สี่ระดับ แต่ระยะห่างของแต่ละระดับ ทำให้ความแตกต่างของฐานะต่างกันมากโขอยู่”
“วิธีอยู่รอดในวงการศิลปะการต่อสู้ โหดเหี้ยมร้ายแรงกว่าโลกธรรมดาไม่ต่ำกว่าพันเท่า!”
“ในวงการศิลปะการต่อสู้ จอมยุทธ์ระดับล่างไม่มีอำนาจใดๆที่จะพูดได้!”
“แม้แต่เรื่องความเป็นความตายยังโดนควบคุมโดยจอมยุทธ์ระดับสูง”
“ดังนั้นวงการศิลปะการต่อสู้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คุณคิด พอคุณได้ก้าวเท้าเข้าไปอย่างจริงจังแล้ว อาจจะเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองตอนต้นก็ได้”
คำพูดของเฉินเฟิงเหมือนสาดน้ำเย็นในเจียงหยู่ถิงก็ไม่ปาน แต่เธอรู้ดีว่า เฉินเฟิงหวังดีกับเธอ
เพราะเธอเห็นแต่ด้านที่สวยงามของวงการศิลปะการต่อสู้ และไม่ได้เข้าถึงด้านที่ดำมืดของวงการนี้
“อนาคตจะเสียใจไหมฉันไม่รู้ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีทางเสียใจแน่” เจียงหยู่ถิงยิ้มหวานให้ ก่อนฟังเจ้าสามหวงพูดเรื่องวงการศิลปะการต่อสู้ เธอยังลังเลอยู่บ้าง แต่พอฟังเสร็จ เธอก็ไม่เหลือความลังเลใจใดๆอีกเลย
เธอจะต้องไปดูโลกที่กว้างใหญ่และตื่นเต้นนั่นให้ได้
เธอจะต้องไปทำความรู้จักกับท่าทีสะท้านโลกของเก้าปรมาจารย์ให้ได้!
“ไม่เสียใจก็ดีแล้ว” เฉินเฟิงหัวเราะ ที่จริงกว่าเจียงหยู่ถิงจะได้เป็นจอมยุทธ์ยังเหลือทางอีกยาวไกลต้องเดิน คำพูดในวันนี้สำหรับเธอแล้วก็คือการเตือนใจไว้ก่อนเท่านั้น
บางทีอาจเป็นไปได้มากว่า คำพูดพวกนี้เธออาจไม่ต้องใช้ตลอดชาติเลยก็ได้
เขากำชับเจียงหยู่ถิงอีกหลายคำ สีหน้าเคร่งเครียดของสือโพ่จุนดึงเฉินเฟิงเข้าหาเขา
“เฉินเฟิง มีข่าวนึง ผมคิดว่าควรจะต้องบอกคุณสักหน่อย”
“พี่สือพูดเลย” เฉินเฟิงเครียดขึ้นมา สีหน้าสือโพ่จุนเคร่งเครียดขนาดนี้ ข่าวที่เขาว่าคงไม่ใช่ข่าวดีอะไรแน่
สือโพ่จุนสูดลมหายใจเข้าปอด พูดเสียงขรึมว่า: “ศิษย์คนสุดท้องเจ้าสำนักเสินมาถึงจงไห่แล้ว”
“ศิษย์คนสุดท้องเจ้าสำนักเสิน?!” เฉินเฟิงหรี่ตาลง อดรู้สึกตกใจไม่ได้: “เขาทำอะไรที่จงไห่?”
“ไม่รู้” สือโพ่จุนส่ายหัวบอกว่า: “พี่เองก็พึ่งได้ข่าวจากสำนักงานใหญ่เมื่อวานเอง ทางสำนักงานใหญ่บอกว่า ศิษย์คนสุดท้องเจ้าสำนักเสินครั้งนี้มาอย่างเปิดเผยในฐานะตัวแทนสมาคมการค้าเชียสุ่ย บอกว่าจะมาร่วมการประลองของสมาคมการค้าเชียสุ่ยกับสมาคมการค้าจงไห่”
“ร่วมการประลอง?” เฉินเฟิงยิ้มเย็น ศิษย์คนสุดท้องเจ้าสำนักเสินทั้งที ฐานะสูงส่งขนาดไหน จะสนใจอะไรกับการร่วมงานประลองแค่นี้
“พี่สือ หาทางกักเขาอยู่ที่จงไห่ได้ไหม?!” เฉินเฟิงประกายตาฉายแววฆ่าขึ้นมา ศิษย์คนสุดท้องเจ้าสำนักเสิน ฐานะในญี่ปุ่นไม่มีทางต่ำกว่าผู้สืบทอดเครือบริษัทระดับแสนล้านพวกนั้นแน่ หรือบางทีอาจจะสูงกว่ามากด้วย ถ้าฆ่าเขาได้ ทั่วทั้งญี่ปุ่นต้องสะท้านแน่!”
“เฉินเฟิง นายคิดมากไปแล้วนะ อยากฆ่าเขายากกว่าขึ้นสวรรค์อีก” สือโพ่จุนยิ้มเศร้า เขาว่าแล้วเฉินเฟิงต้องพูดแบบนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...