ลูกเขยมังกร นิยาย บท 384

บทที่ 384 จิ้งจอกเฒ่า

“นิสัยยังไง?” เฉินเฟิงหรี่ตาครุ่นคิด เริ่มมีออร่าอันตรายแผ่ซ่านออกมา

“ไร้กฎเกณฑ์ ไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดิน!” ฉินเสวี่ยนหรัวเน้น

“เขาสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียวจนถึงทุกวันนี้”

“สำหรับคนอย่างเขาแล้ว หลักฐานบางครั้งไม่สำคัญเลย! เขาสนใจแต่ผลลัพธ์!”

“ถ้าหลิวเส้าฝู้ตายจริง เขาพร้อมจะฆ่าทิ้งทุกคนที่เขาสงสัยเป็นเพื่อนหลิวเส้าฝู้!”

“ต่อให้เสี้ยเมิ่งเหยาดูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ เสี้ยเมิ่งเหยาก็ต้องตาย!”

“เพราะหลิวเส้าฝู้หายไปเพราะจะมาเจอเธอ”

เฉินเฟิงใจกระตุกวูบ คำพูดของฉินเสวี่ยนหรัวมีความเป็นไปได้เหมือนกัน ถ้าหลิวหยวนชี่งเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนั้นจริงๆ พอหลิวเส้าฝู้ตาย หลิวหยวนชี่งต้องโทษเสี้ยเมิ่งเหยาแน่

“เฉินเฟิง ฉันเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ นายอย่าคิดหาทางฆ่าปิดปากหลิวเส้าฝู้นะ เบื้องหลังหลิวหยวนชี่งยังมีคนอื่นอีก คนๆนี้ไม่ใช่ใครที่นายจะหาเรื่องได้ ต่อให้เป็นตระกูลเฉินของนาย มาเจอคนเบื้องหลังหลิวหยวนชี่งก็ยังต้องคิดใคร่ครวญเลย” เหมือนกลัวเฉินเฟิงจะคิดอยากฆ่าหลิวหยวนชี่ง ฉินเสวี่ยนหรัวรีบออกปากเตือนไว้ก่อน ฆ่าหลิวเส้าฝู้ เรื่องยังพอมีหนทางแก้ไข ถ้าเฉินเฟิงฆ่าหลิวหยวนชี่งด้วย ถึงจะเรียกว่างานเข้าแน่แล้ว

“วางใจเถอะ ผมไม่ได้บ้าเลือดขนาดนั้น” เฉินเฟิงส่ายหัวบอก ฉินเสวี่ยนหรัวเห็นเขาเป็นอะไรเนี่ย ฆาตกรโรคจิตหรือไง?

ต่อให้เป็นหลิวเส้าฝู้ เขาก็ไม่ได้ฆ่า แล้วนี่หลิวหยวนชี่งด้วย เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงเบื้องหลังของหลิวหยวนชี่งจริงๆ

แม้แต่ตระกูลเฉินยังต้องคิดใคร่ครวญ...

คำพูดนี้เพียงพอแล้วที่จะอธิบายทั้งหมด

ทั่วทั้งหวาเซี่ย ตระกูลที่สามารถทำให้ตระกูลเฉินประหวั่นได้มีไม่มาก พูดให้ชัดเจนคือ น่าจะมีแค่ห้าตระกูล ซึ่งพวกเขารวมกันเป็นหกตระกูลใหญ่!

“หลิวเส้าฝู้ยังไม่ตาย ผมละเว้นชีวิตเขาได้ แต่หลังจากผมละเว้นชีวิตเขาแล้ว คุณจะรับประกันกับผมยังไงว่า ต่อไปเขาจะไม่ไปเกาะแกะเสี้ยเมิ่งเหยาล่ะ?” เฉินเฟิงหรี่ตาถาม ทั้งหมดที่เขาทำเพื่อกำจัดขวากหนามให้เสี้ยเมิ่งเหยา ถ้าปล่อยหลิวเส้าฝู้ไป แล้วเขายังไปเกาะแกก่อกวนเสี้ยเมิ่งเหยาอีก เท่ากับว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเลยสิ

ดังนั้นเขาต้องได้รับการยืนยันจากฉินเสวี่ยนหรัวก่อน

“เฉินเฟิง... ฉันจะเตือนเขาเอง” ฉินเสวี่ยนหรัวชะงักกึก

“เรื่องนี้จะว่าไปแล้ว ฉันก็ต้องรับผิดชอบ ตอนแรกที่เสี้ยเมิ่งเหยามาจงไห่ ฉันรับประกันกับนายไว้แล้วว่า จะไม่มีใครสามารถทำอะไรเธอได้ แต่ทางด้านหลิวเส้าฝู้...ฉันพลาดเอง”

“ฉันขอโทษนายตรงนี้ด้วยเลยนะ”

“ไม่จำเป็นหรอก ขอโทษน่ะช่างเถอะ ขอแค่คุณรับประกันว่า ครั้งนี้ผมปล่อยหลิวเส้าฝู้ไปแล้ว เขาจะควบคุมตัวเองให้ดีขึ้นก็พอแล้ว” เฉินเฟิงบอก เขาไม่ได้โทษฉินเสวี่ยนหรัว เพราะเรื่องนี้ฉินเสวี่ยนหรัวก็ลำบาก

บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป หลิวหยวนชี่งต่างหากที่เป็นหุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุด ส่วนฉินเสวี่ยนหรัวก็แค่หนึ่งในบรรดาหุ้นส่วน สิ่งที่เธอสามารถควบคุมได้ก็มีแต่สาขาย่อยที่จงไห่ของบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปเท่านั้นแหละ เธอควบคุมหลิวเส้าฝู้ไม่ได้หรอก

“ได้ ฉันรับประกันกับนายได้ นายมอบตัวหลิวเส้าฝู้ให้ฉันเถอะ” ฉินเสวี่ยนหรัวบอก

“จริงสิ หลิวเส้าฝู้รู้เรื่องความสัมพันธ์ของนายกับเสี้ยเมิ่งเหยาหรือเปล่า?” ฉินเสวี่ยนหรัวถามขึ้นอีก ถ้าหลิวเส้าฝู้ไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยา เธอก็จะหาทางดึงเฉินเฟิงออกจากเรื่องนี้ได้ เพราะศัตรูของหลิวหยวนชี่งก็มีไม่น้อยเลย เรื่องหลิวเส้าฝู้หาแพะรับบาปเป็นศัตรูคนไหนสักคนก็ได้แล้ว

“ไม่รู้ เขาไม่รู้อะไรเลย” เฉินเฟิงยิ้ม ก่อนที่จะลงมือสั่งสอนหลิวเส้าฝู้ เขาก็คิดวางแผนไว้หมดแล้ว ว่าจะหาทางดึงเสี้ยเมิ่งเหยาออกจากเรื่องนี้ ดังนั้นเลยไม่ได้เปิดเผยตัวตนอะไรออกไปเลย สิ่งเดียวที่หลิวเส้าฝู้จำได้คือใบหน้าของเขา

ต่อให้อยากหาตัวเขา มันยากซะยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ซะอีก

“งั้นก็ดี ฉันจะหาทางดึงนายออกจากเรื่องนี้เอง” ฉินเสวี่ยนหรัวถอนหายใจโล่งอก ถ้าหลิวเส้าฝู้รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเฉินเฟิงกับเสี้ยเมิ่งเหยา เรื่องนี้คงจัดการยากละ

ต่อให้หลิวหยวนชี่งรู้ว่าเฉินเฟิงเป็นผู้สืบทอดตระกูลเฉิน ก็จะหาทางเล่นงานเฉินเฟิงจนได้

เฉินเฟิงหัวเราะ เขาส่งโลเคชั่นที่อยู่ตอนนี้ของหลิวเส้าฝู้ไปให้ฉินเสวี่ยนหรัว

ฉินเสวี่ยนหรัวทำงานไวมาก ใช้เวลาแค่ไม่ถึงยี่สิบนาที เธอก็พาคนไปถึงโรงงานร้างแล้ว

พอเห็นสภาพหลิวเส้าฝู้ ฉินเสวี่ยนหรัวมุมปากกระตุกอย่างแรง

เธอจับภาพชายหนุ่มสภาพเละเทะไปด้วยกลิ่นฉี่และอึทั่วตัวตรงหน้ากับคุณชายหลิวที่สำอางดูดีไม่ได้เลย

แค่สองชม. เฉินเฟิงทำอะไรกับหลิวเส้าฝู้ไปบ้างเนี่ย?

ถึงได้ทำให้หลิวเส้าฝู้มีสภาพคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงแบบนี้?

ฉินเสวี่ยนหรัวสั่งคนให้ช่วยหลิวเส้าฝู้ลงมา เธอเตรียมจะถามสิ่งที่หลิวเส้าฝู้เผชิญมาซะหน่อย

แต่เธอพบว่าหลิวเส้าฝู้ในตอนนี้มีอาการประสาทหลอน เอาแต่ยิ้มแหะๆ ไม่ว่าจะถามอะไร หลิวเส้าฝู้ก็พูดไม่ออก เอาแต่ยิ้ม

ฉินเสวี่ยนหรัวนวดขมับแก้เครียด เอาเข้าไป แบบนี้ไม่ต้องคิดจะข่มขู่หลิวเส้าฝู้ให้เลิกไปหาเสี้ยเมิ่งเหยาแล้วล่ะ เพราะหลิวเส้าฝู้โดนเฉินเฟิงทรมานจนเป็นบ้าไปแล้ว

หลิวเส้าฝู้ในสภาพแบบนี้ ถ้ายังคิดจะไปตอแยเสี้ยเมิ่งเหยาได้อีก คงได้แต่พูดว่าเขารักเสี้ยเมิ่งเหยาเข้าแล้วจริงๆแล้วล่ะ ฉินเสวี่ยนหรัวก็ไร้คำพูดจะพูดอีก

“ประธานหลิว ฉันหาลูกชายคุณเจอแล้วค่ะ” พอจัดการอารมณ์เสร็จ ฉินเสวี่ยนหรัวก็โทรหาหลิวหยวนชี่ง

“ลูกชายผม...” หลิวหยวนชี่งน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างแน่วแน่ว่า: “ขอบคุณมากประธานฉิน ลูกชายผมตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

“เส้าฝู้ยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่สภาพเขาตอนนี้ไม่มั่นคงนัก” ฉินเสวี่ยนหรัวพยายามใช้คำพูดที่อ้อมค้อมมาก เธอกลัวถ้าพูดออกไปตรงๆว่าหลิวเส้าฝู้เป็นบ้าแล้ว หลิวหยวนชี่งจะรับไม่ได้

“ยังมีชีวิตก็ดี ยังมีชีวิตก็ดีแล้ว”

“ขอบคุณประธานฉินอีกครั้งนะครับ วันหลังผมจะไปเยี่ยมเยียนขอบคุณด้วยตัวเองเลยทีเดียว สำหรับบุญคุณที่ช่วยเส้าฝู้ลูกชายผมไว้”

หลิวหยวนชี่งพูดอย่างร่าเริง ไม่เอ่ยถึงสภาพของหลิวเส้าฝู้ตอนนี้เลย ไม่แม้แต่ถามว่าฉินเสวี่ยนหรัวหาลูกชายเขาเจอได้ยังไงสักนิด เหมือนไม่สนใจยังไงยังงั้น

“ประธานหลิวเกรงใจไปแล้วค่ะ คนกันเองแท้ๆ” ฉินเสวี่ยนหรัวฝืนยิ้มพูดกลับไปตามมารยาท ในใจกลับเครียดขึ้นมา นี่แหละความเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ เขาไม่ถามสักคำถึงอาการของหลิวเส้าฝู้ หรือแม้แต่ว่าเธอหาหลิวเส้าฝู้เจอได้ยังไง ไม่ได้แปลว่าเขาไม่สนใจ

แต่เขาแค่ตัดสินใจไปแล้ว เขาไม่อยากฟังสิ่งที่ฉินเสวี่ยนหรัวพูดออกมา เขาไม่อยากโดนฉินสวี่ยนหรัวชักจูงไปผิดทาง

ไม่แน่ว่า ตอนนี้เขาคงกำลังจัดอันดับฉินเสวี่ยนหรัวเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งอยู่ก็ได้

นี่ต่างหากที่ทำให้ฉินเสวี่ยนหรัวปวดหัวอยู่ตอนนี้ การสนทนากับจิ้งจอกเฒ่าอย่างหลิวหยวนชี่งนี่ วิธีธรรมดาใช้กับเขาไม่ได้หรอก

จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ไม่เชื่อฟ้า ไม่เชื่อดิน บางครั้งเขายังไม่เชื่อแม้สิ่งที่ตาตัวเองเห็นเลย เขาเชื่อแต่สิ่งที่ตัวเองตัดสินใจเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร