ลูกเขยมังกร นิยาย บท 383

บทที่ 383 หลิวหยวนชี่ง

หลิวเส้าฝู้จะคิดยังไง เฉินเฟิงไม่รู้

ตอนนี้เฉินเฟิงกลับไปที่บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปแล้ว

พึ่งถึงหน้าบริษัท เฉินเฟิงก็เห็นรถ Mercedes-Benz S600 ที่มีป้ายทะเบียนเซี่ยงไฮ้จอดอยู่เจ็ดแปดคัน

ที่หน้าบริษัทยังมีคุณลุงใส่หูฟังสวมชุดสูทสีดำยี่สิบกว่าคน กำลังตรวจสอบรอบทิศพลางคุยวิทยุสื่อสารกัน

เฉินเฟิงหรี่ตามอง ตาส่อประกายอย่างหนึ่งวาบขึ้นมา

ไม่ต้องถามเลย คนพวกนี้หลิวหยวนชี่งพ่อของหลิวเส้าฝู้ส่งมาแน่

ต้องยอมรับเลยว่า ปฏิกิริยาของหลิวหยวนชี่งไวมาก นับจากที่หลิวเส้าฝู้หายตัวไปจนถึงตอนนี้ ก็แค่ชม.กว่า หลิวหยวนชี่งก็ส่งคนจำนวนมากขนาดนี้ออกมาตามหาแล้ว

“พี่เฟิง ตอน...ตอนนี้เอาไงดีล่ะ?” น้ำเสียงหลี่เล่อสั่นเทาเล็กน้อย เขารู้สึกสมองตัวเองว่างเปล่า เขาโตจนป่านนี้ พึ่งเคยเจอสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก Mercedes-Benz S600 วิทยุสื่อสาร การ์ดสูทสีดำ...เหมือนกำลังถ่ายหนังกันอยู่เลย

“กลับบริษัท” เฉินเฟิงบอกเสียงเรียบ

“กลับบริษัท?!” หลี่เล่อเบิกตากว้าง มองเฉินเฟิงอย่างไม่แน่ใจว่า: “พี่เฟิง คนพวกนี้มาหาพวกเราแน่ๆนะ พวกเรากลับบริษัทตอนนี้ไม่เท่ากับเนื้อเข้าปากเสือหรือไง?”

“งั้นนายคิดว่า?” เฉินเฟิงมองหลี่เล่อยิ้มๆ

“พี่เฟิง เราหนีกันเถอะ” หลี่เล่อกลืนน้ำลายดังเอื๊อก หนทางเดียวที่เขาคิดออกคือหนี เพราะอีกฝ่ายเป็นหลินหยวนชิ่ง หลิวหยวนชี่งที่รวยมหาศาล!

คนรวยอภิมหาศาลที่ติดอันดับบอร์ดFobesในประเทศ!

เฉินเฟิงส่ายหัวว่า: “จะหนีไปไหนได้ล่ะ? ประเทศเราก็ใหญ่แค่นี้ หลิวหยวนชี่งจะหาใครสักคนง่ายจะตายไป”

“อีกอย่าง นายไม่หนียังพอว่า ถ้าหนีจริง หลิวหยวนชี่งสงสัยในตัวนายแน่”

หลี่เล่อทำหน้าเศร้า เฉินเฟิงพูดถูก จริง อาศัยอำนาจของหลิวหยวนชี่งแล้ว จะหาใครสักคนง่ายจะตายไป แถมตอนนี้การหนีเท่ากับว่าเป็นการยอมรับไปในตัวเลย

“กลับบริษัทเถอะ ไม่ว่าพวกเขาจะถามอะไรนาย ก็ตอบไปแค่ว่า ไม่รู้” เฉินเฟิงยิ้มตบไหล่หลี่เล่อ ที่จริงเขาไม่กังวลเลยสักนิดว่า บ้านหลิวจะสืบค้นมาถึงตัวเขากับหลี่เล่อได้

คนที่เห็นหน้าของเขาแค่คนเดียวคือหลิวเส้าฝู้

ฟางหย่าไม่มีแม้แต่โอกาสจะหันมามองเขา ก็โดนเขาตบท้ายทอยสลบไป ส่วนกล้องวงจรปิด...

จอมยุทธ์หั้วจิ้งอย่างเขาอยากทำลายหรือแม้กระทั่งหลบหลีกกล้องวงจรปิดแค่นี้จะยากหรอ?

เป็นไปตามที่เฉินเฟิงคิด ผู้เชี่ยวชาญยี่สิบกว่าคนที่หลิวหยวนชี่งส่งมาตอนนี้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย ได้แต่คลำหาเบาะแส เหมือนมดในชามอ่างที่ร้อนรนวนหาทางออก แต่ก็หาไม่เจอ

ฟางหย่าคนเดียวที่มีโอกาสเจอหลิวเส้าฝู้ พอเข้าลิฟท์ก็สลบไปเลย กล้องวงจรปิดในลิฟท์โดนทำลายย่อยยับ ไม่ได้อัดภาพอะไรไว้เลย ส่วนที่อื่นยิ่งไม่เห็นร่องรอยหลิวเส้าฝู้เลย เหมือนหลิวเส้าฝู้หายตัวไปดื้อๆ

ตอนเฉินเฟิงกับหลี่เล่อเข้าบริษัท มีการ์ดสูทสีดำสองคนออกมาสอบปากคำพวกเขา มีเฉินเฟิงเป็นหลักประกันให้ หลี่เล่อกลับใจเย็นอย่างน่าประหลาด ให้ความร่วมมือตอบคำถามไหลลื่น

สุดท้าย ทั้งคู่ก็เข้าบริษัทได้อย่างราบรื่น

“พี่จ้าว ประธานหลิวโทรมาอีกแล้ว ถามว่าพวกเราได้เบาะแสอะไรบ้างไหม จะตอบยังไงดีล่ะ?” ชายหนุ่มท่าทางเรียบร้อยใส่แว่นตาคนหนึ่งหยิบมือถือถาม คนที่ยืนข้างหน้าเขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมที่ใส่สูทสีดำคนหนึ่ง

ผู้ชายกลางคนหน้าเหลี่ยมคนนั้นถอนหายใจยาว มองชายหนุ่มเรียบร้อยตรงหน้าอย่างหน่ายใจ: “บอกประธานหลิวนะ เคสนี้พวกเราจัดการได้ไม่ดี คนที่ลักพาตัวคุณชายหลิวฝีมือร้ายกาจมาก ไม่มีร่องรอยอะไรให้เห็นเลยสักนิด ผมสงสัยว่า...”

“เขาเป็นจอมยุทธ์” ผู้ชายกลางคนหน้าเหลี่ยมชะงัก สุดท้ายก็พูดสิ่งที่ตนเดาไว้ออกมา นอกจากจอมยุทธ์แล้ว เขาคิดไม่ออกเลยว่าใครจะมีฝีมือระดับนี้ได้

พอได้ยินคำว่าจอมยุทธ์ ชายหนุ่มเรียบร้อยชะงักกึก ในเมื่อเกี่ยวพันถึงจอมยุทธ์ งั้นพวกเขาก็ไม่สามารถจัดการได้ ต้องยกหน้าที่ให้กับทางสหพันธ์บูโดแล้วล่ะ

ไม่นาน ชายหนุ่มท่าทางเรียบร้อยโทรหาหลิวหยวนชี่ง

หลิวหยวนชี่งเองก็ตอบรับง่ายมาก แค่สามคำ “ถอยกลับมา”

หลายนาทีผ่านไป รถMercedes-Benz S600ทั้งเจ็ดแปดคันนั่นพร้อมกันใจเรียงแถวไปจากคางเหม่ย

“พี่เฟิง พวกเขาไปกันแล้ว”

หลี่เล่อเดินมากระซิบบอกเฉินเฟิงอย่างตื่นเต้น

เมื่อกี้ตอนอยู่ชั้นบน เฉินเฟิงบอกเขาว่า อีกไม่เกินครึ่งชม.คนพวกนี้จะไปจากคางเหม่ยแน่นอน ตอนนั้นเขายังไม่เชื่อ รู้สึกว่าเฉินเฟิงขี้โม้ เพราะคนพวกนี้ยังหาเบาะแสอะไรไม่เจอเลย จะยอมกลับไปง่ายๆได้ไง

แต่หลายนาทีหลังจากนั้น ความจริงก็ตบหน้าเขาเสียฉาดใหญ่

การ์ดบ้านหลิวที่มาอย่างล้นหลามกลับกันไปแล้ว

เฉินเฟิงยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไร

เขาเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนเขาจัดการหลิวเส้าฝู้ก็คิดวางแผนไว้หมดแล้ว

คิดให้บ้านหลิวโยงเรื่องไปทางจอมยุทธ์ ไม่ใช่บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป

แน่นอนว่า หลิวหยวนชี่งเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า คนที่ลักพาตัวลูกชายเขาจะเป็นจอมยุทธ์หั้วจิ้งคนหนึ่ง และจอมยุทธ์หั้วจิ้งคนนี้ยังเป็นพนักงานตัวเล็กๆของฝ่ายขายบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปด้วย

ขอแค่หลิวหยวนชี่งคิดไปทางจอมยุทธ์ งั้นผู้ต้องสงสัยก็เพียบเลย เฉินเฟิงไม่เชื่อหรอกว่า หลิวหยวนชี่งทำการค้ามาหลายปีขนาดนี้ ไม่มีทางไม่มีศัตรูหรอก

ขอแค่มีศัตรู งั้นศัตรูส่งจอมยุทธ์ออกมาลักพาตัวลูกชายเขา เป็นเรื่องที่ปกติธรรมดาที่สุดเลย

เดิมเฉินเฟิงคิดว่า ทั้งหมดนี่คงเรียบร้อยไม่มีช่องโหว่แน่ แต่พอตกดึก ฉินเสวี่ยนหรัวกลับโทรมาหาเขา

“เฉินเฟิง หลิวเส้าฝู้อยู่ที่ไหน?” ฉินเสวี่ยนหรัวเปิดประเด็นมาเลย

เฉินเฟิงขมวดคิ้ว: “คุณพูดอะไรน่ะ? หลิวเส้าฝู้อะไร? ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“เฉินเฟิง นายจะมาแกล้งไม่รู้เรื่องกับฉันนี่สนุกหรือไง? คนอื่นไม่รู้ว่านายอยู่ที่บริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป ฉันมีหรือจะไม่รู้?” ฉินเสวี่ยนหรัวถามเสียงหน่ายใจ

เฉินเฟิงรู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที ไหงเขาลืมฉินเสวี่ยนหรัวไปได้เนี่ย

“เฉินเฟิง ฉันเตือนนายให้รีบปล่อยหลิวเส้าฝู้ดีกว่า ตอนนี้หลิวหยวนชี่งใกล้บ้าเต็มที เขาถึงขั้นไปติดต่อสำนักงานใหญ่สหพันธ์บูโดที่ยันเจียงเลยนะ ไม่นานทางสหพันธ์บูโดจะส่งคนมาสืบหาเบาะแสหลิวเส้าฝู้ที่จงไห่แน่”

“ให้พวกเขาหาไปสิ ถ้าพวกเขาหาเจอได้ ถือซะว่าผมแพ้ละกัน” เฉินเฟิงตอบเนือยๆ บีบเขามากๆ เขาจะถีบหลิวเส้าฝู้ลงลำธารไปให้อาหารจระเข้ซะเลย เขาไม่เชื่อหรอกว่า คนของสหพันธ์บูโดยังจะลากตัวหลิวเส้าฝู้ออกจากท้องจระเข้ออกมาได้

“เฉินเฟิง ฉันไม่ได้ล้อนายเล่นนะ” ฉินเสวี่ยนหรัวเริ่มโกรธ “หลิวเส้าฝู้เป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของหลิวหยวนชี่ง ถ้าเขาตายขึ้นมา หลิวหยวนชี่งก็ไม่มีทายาทสืบทอดต่อแล้ว คนที่ไม่มีทายาทสืบทอดต่อ เรื่องอะไรเขาก็กล้าทำนะ”

“ใช่ เรื่องนี้นายจัดการได้อย่างไม่มีช่องโหว่ไร้ที่ติเลย นายสามารถดึงเสี้ยเมิ่งเหยาและบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปออกจากการหายตัวไปของหลิวเส้าฝู้ได้สำเร็จ ทำให้ไม่มีอะไรเชื่อมโยงไปถึงตัวพวกเธอได้”

“แต่นายเคยคิดไหมว่า คนอย่างหลิวหยวนชี่งน่ะนิสัยเป็นยังไง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร