บทที่ 500 โหมโรง
“ดังนั้น เสี่ยวเฟิง นายต้องทำให้ดีนะ การประลองครั้งนี้ ถ้านายแสดงออกมาโดดเด่นเท่าไหร่ ทางตระกูลเฉินก็ยิ่งไม่กล้าลงมือกับนายเท่านั้น” สือโพ่จุนกำชับอย่างจริงจัง เขาสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องบาดหมางภายในสายของตระกูลเฉินได้ แต่เขาสามารถเป็นที่ปรึกษาคิดวางแผนให้เฉินเฟิงได้
สำหรับเฉินเฟิงแล้ว การประลองครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีมาก
ถึงแม้ว่าในนามแล้ว การประลองนี้จะเป็นการประลองระหว่างสมาคมการค้าเชียสุ่ยกับสมาคมการค้าจงไห่เท่านั้น แต่ที่จริงแล้วการประลองนี้กลับเกี่ยวพันถึงวงการศิลปะการต่อสู้ของทั้งสองประเทศ หรือแม้แต่ทางการของทั้งสองประเทศด้วย!
ถ้าเฉินเฟิงสามารถมีผลงานโดดเด่นในการประลอง งั้นเขาจะได้รับความสนใจจากคนระดับสูงด้วย ถึงเวลานั้นตระกูลเฉินอยากลงมือกับเฉินเฟิงอีก ก็ยากละ
“พี่สือวางใจเถอะ ผมจะตั้งใจให้มากเลย” เฉินเฟิงพยักหน้าอย่างจริงจัง ต่อให้สือโพ่จุนไม่กำชับ การประลองครั้งนี้เขาก็จะสู้สุดฝีมือ
ไม่เพื่ออะไร เพื่อเฉิงโยวในมือนี่แหละ!
“อืม ต้องตั้งใจแหละ แต่อย่ากดดันตัวเองมากไปนะ”
“การประลองครั้งนี้ ทางสมาคมการค้าจงไห่เตรียมตัวมาเต็มมาก ตระกูลฉินอาศัยเส้นสายเชิญอัจฉริยะอันดับหนึ่งของมหาปรมาจารย์ด้านกระบี่มาได้”
“ฝีมืออัจฉริยะคนนั้นเก่งมากจริงๆ เขาเป็นอัจฉริยะที่มหาปรมาจารย์ด้านกระบี่ร้อยปีจะมีสักคน ยากที่จะมีคู่ต่อสู้ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน”
“ทางด้านสมาคมการค้าจงไห่กะให้อัจฉริยะคนนั้นเป็นไพ่ตาย”
“ดังนั้นพอถึงเวลา ถ้านายสามารถทนไหวไม่แสดงฝีมืออ้านจิ้งของตัวเองออกมาได้ก็กลั้นไว้นะ” สือโพ่จุนพูดเสียงต่ำ เรื่องที่เฉินเฟิงเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้มันช็อคโลกเกินไป ถ้าวงการศิลปะการต่อสู้ญี่ปุ่นรู้ว่า หวาเซี่ยมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่อายุแค่ยี่สิบห้าปี ทางวงการศิลปะการต่อสู้ญี่ปุ่นคงกระจายกำลังกว่าครึ่งมาลอบฆ่าเฉินเฟิงแน่
ต่อให้เป็นหวาเซี่ยเอง ก็คงมีจอมยุทธ์หลายคนที่คิดจะลงมือกับเฉินเฟิงแน่
แต่โชคดี จนถึงตอนนี้ คนที่รู้ว่าเฉินเฟิงเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ ก็มีแค่ผู้บริหารระดับสูงไม่กี่คนของสหพันธ์สงครามเท่านั้น ผู้บริหารระดับสูงไม่กี่คนนั้นเคยติดตามเซียวกั่วจงทั้งนั้น ถือเป็นลูกน้องสายตรงของเซียวกั่วจง สถานการณ์ปกติแล้วพวกเขาไม่มีทางปรากฏตัวเด็ดขาด
โดยเฉพาะตอนนี้ ถ้าพวกเขาเปิดเผยความลับที่เฉินเฟิงเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ออกไป งั้นทางญี่ปุ่น สมาคมการค้าเชียสุ่ยคงยกเลิกการประลองหรือไม่ก็เปลี่ยนกฎการประลองกะทันหันแน่ๆ
ดังนั้นไม่ว่ายังไง พวกเขาก็ไม่ยอมให้เฉินเฟิงขึ้นประลองแน่
เพราะปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้กับการประลองครั้งนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาก็ไม่ปาน
เอาตามจริงแล้ว เฉินเฟิงต่างหากที่เป็นไพ่ตายใบสำคัญที่สุดของสมาคมการค้าจงไห่ในการประลองครั้งนี้!
“อืม ผมจะพยายามคุมพลังตัวเองไว้ให้อยู่ในระดับอ้านจิ้งนะ” เฉินเฟิงยิ้มบอก คำพูดของสือโพ่จุนทำให้เขาใจชื้นขึ้นไม่น้อยเลย
เดิมเขายังกังวลว่า ฝีมือของจอมยุทธ์ฝั่งสมาคมการค้าจงไห่จะห่างไกลจากฝีมือจอมยุทธ์ฝั่งสมาคมการค้าเชียสุ่ยมากอยู่ ถึงเวลานั้นอาจเกิดเหตุการณ์แบบเขาสู้กับหลายคน ตอนนี้คำพูดของสือโพ่จุนทำให้เขาสบายใจมากขึ้นเยอะเลย
“กฎการประลอง ตระกูลฉู่น่าจะบอกนายแล้ว ทั้งสองฝ่ายส่งจอมยุทธ์ลงประลองสิบคน จับฉลากเลือกลำดับการประลอง จากนั้นเริ่มประลอง”
“หลังการประลอง ผู้แพ้ลงจากเวที ผู้ชนะสามารถเลือกว่าจะลงจากเวทีหรือเลือกอยู่บนเวทีเพื่อประลองกับผู้ประลองคนต่อไปได้...”
“คนสุดท้ายที่ยืนอยู่บนเวทีเป็นผู้ประลองของฝ่ายไหน ก็ถือว่าฝ่ายนั้นชนะ” สือโพ่จุนบอก
“สถานที่ประลองอยู่ที่ไหน?” เฉินเฟิงถาม
“เกาะมุ๋ยลาย”
“เกาะมุ๋ยลาย?” เฉินเฟิงขมวดคิ้ว ทำไมเขาไม่เคยได้ยินชื่อเกาะนี้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...