บทที่ 533 ทรยศ
“ปล่อยเขา!”
สีหน้าของเฉินเฟิงมืดครึ้ม เขาประมาทเกินไป ความจริงเขาเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้วคนชุดดำพวกนี้จะใช้หวางหงอี้เป็นเครื่องมือ
“ปล่อยงั้นหรือ?” คนชุดดำหน้าผีหัวเราะเสียงเย็น “ปล่อยมันแล้วพวกเราจะมีทางรอดหรือไง?”
“ขอแค่ปล่อยเขา ฉันจะปล่อยพวกแกไป ฉันพูดคำไหนคำนั้น!”
เฉินเฟิงเอ่ยเสียงเย็น คนชุดดำพวกนี้ฉลาดมาก พวกมันไม่เอาชีวิตของหวางหงอี้มาข่มขู่ให้เขาหยุดขัดขืน เพราะพวกมันรู้ว่าเขาไม่มีทางทำแบบนั้น
ทว่าพวกมันเอาชีวิตของหวางหงอี้แลกกับชีวิตของพวกมันซึ่งยังพอเป็นไปได้
“หึ ทำเป็นพูดดี ใครจะไปรู้ว่าถ้าฉันปล่อยมันแล้วแกจะทำยังไงต่อ” ชายชุดดำไม่เชื่อใจเฉินเฟิง
เฉินเฟิงเจ้าเล่ห์เกินไป ไม่รู้ว่าปิดบังความสามารถหรือไม่โดนพิษตั้งแต่แรก
แต่ไม่ว่ายังไงก็อันตรายกับชีวิตของพวกเขาอยู่ดี
“แล้วแกจะเอายังไง?”
“พวกเราเอาตัวมันไปด้วย แกต้องเว้นระยะห่างจากเรายี่สิบเมตร เมื่อถึงสถานที่ที่เหมาะสม เราจะปล่อยตัวมัน” คนชุดดำเอ่ยกับเฉินเฟิง ยี่สิบเมตรเป็นระยะที่ปลอดภัยในระดับหนึ่ง ระยะห่างขนาดนี้หากเฉินเฟิงจะข้ามมาก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามวินาที
สองสามวินาทีเพียงพอที่จะให้พวกเขาตั้งตัวทันและฆ่าหวางหงอี้ได้
“ตกลง”
เฉินเฟิงพยักหน้าตกลง ตอนนี้หวางหงอี้อยู่ในมือของพวกมัน เขาจึงจำเป็นต้องตกลง
“ยืนอยู่นิ่งๆ!”
พวกมันมองเฉินเฟิงอย่างระแวดระวังก่อนจะเดินออกไปด้านนอก
ระหว่างนี้ หัวหน้าชายชุดดำก็จ้องเฉินเฟิงตลอดเวลา แขนของมันล็อคคอหวางหงอี้ไว้ หากเฉินเฟิงขยับแม้แต่นิดเดียวมันก็จะหักคอหวางหงอี้
เมื่อออกมาจากห้องอาหารพวกมันก็เดินมาจนถึงห้องโถงของร้านอาหาร
ตอนนี้ภายในร้านอาหารไม่มีคนเลยสักคน
พนักงานทุกคนล้วนนอนหมดสติอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
เฉินเฟิงไม่ได้เข้าไปใกล้ยังคงรักษาระยะห่างยี่สิบเมตรกับพวกมัน
ในที่สุดพวกมันก็ออกจากร้านอาหารได้
ทว่าพวกมันก็ยังไม่มีท่าทีจะปล่อยหวางหงอี้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันอยู่
“ตอนนี้ปล่อยตัวอาหวางได้หรือยัง?” เฉินเฟิงยืนอยู่ในร้านอาหารพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน เขายังคงรักษาระยะห่างยี่สิบเมตรตามที่ตกลงกันไว้
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการปล่อยตัวหวางหงอี้
“ได้” หัวหน้าคนชุดดำเอ่ยตอบ “ถือว่าแกรักษาคำพูด!”
“ไอ้นี่ เอาไป รับให้ดีล่ะ!”
พูดจบหวางหงอี้ก็ถูกโยนกลางอากาศ
สีหน้าของเฉินเฟิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนจะรีบกระโดดขึ้นสูงเพื่อรับตัวหวางหงอี้
“อาหวางไม่เป็นอะไร……”
เมื่อลงถึงพื้นอย่างปลอดภัย เฉินเฟิงที่กำลังจะถามว่าหวางหงอี้เป็นอะไรหรือไม่ ขณะนั้นเองภายในใจของเฉินเฟิงก็รู้สึกถึงความอันตราย
วินาทีต่อมามีดเล่มหนึ่งก็แทงเข้าที่ร่างกายของเฉินเฟิง
“อาหวาง……”
ใบหน้าของเฉินเฟิงเต็มไปด้วยคำถาม วินาทีนี้หวางหงอี้ที่อยู่ตรงหน้าเขากลับให้ความรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า
“ขอโทษด้วยนะเสี่ยวเฟิง”
อารมณ์ของหวางหงอี้ซับซ้อนพอสมควร มีดที่เสียบอยู่ที่ตัวเฉินเฟิงก็ถูกกดลึกเข้าไปอีกหน่อย
“ผมควรคิดได้ตั้งแต่แรก” เฉินเฟิงถอนหายใจครั้งหนึ่ง ความจริงแล้วเมื่อกี้ตอนที่คนชุดดำพวกนั้นพาหวางหงอี้ออกมา เขาควรจะคิดได้ว่าหวางหงอี้มีพิรุธ
อาหารและเหล้าบนโต๊ะ หวางหงอี้ก็กิน
ทว่าหวางหงอี้กลับไม่ได้หมดสติ
ทั้งที่หวางซือหยวน หลี่สือผิง เพิ้งเย้นฟางล้วนหมดสติ
ซึ่งมันดูไม่สมเหตุสมผล
“เสี่ยวเฟิง แกรู้ไหม? ความจริงแล้วฉันไม่ได้อยากลงมือเลย แต่แกแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ”
“ขนาดโดนยาพิษไปแล้วแต่พวกมันหกคนยังทำอะไรแกไม่ได้”
หวางหงอี้มองหน้าเฉินเฟิงแวบหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ทำไม”
“หากจะให้ตอบล่ะก็คงเป็นเพราะคนญี่ปุ่นพวกนั้นให้ความร่ำรวยแก่ฉัน ให้ตำแหน่งแก่ฉันและฉันจะได้หลุดพ้นจากการข่มขู่ของตระกูลวัง……”
เฉินเฟิงพยักหน้าเบาๆ บริษัทนำเข้าส่งออกของหวางหงอี้เติบโตเร็วมาก จากที่ไม่มีอะไรจนมีเงินเป็นร้อยล้านได้ในระยะเวลาไม่ถึงห้าปี
ดูจากท่าทีแล้วการที่บริษัทของเขาเติบโตได้รวดเร็วขนาดนี้คงไม่พ้นได้รับการช่วยเหลือจากคนญี่ปุ่น
“เจ้าสามหวง ออกมาได้แล้ว”
เฉินเฟิงถอนหายใจครั้งหนึ่ง ยังไงหวางหงอี้ก็ทรยศไปแล้วเขาพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์
“เจ้าสามหวง?! นี่แกพาคนมาด้วยงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฟิงหวางหงอี้ก็ตกตะลึง
เขาเพิ่งเอ่ยจบ รอยฝ่ามือที่แปลงมาจากกำลังภายในก็ตกลงมาจากฟ้า
เมื่อเห็นรอยฝ่ามือม่านตาของหวางหงอี้ก็หดแคบลง “ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้?!”
“ผลั่ก”
ไม่ทันได้ตั้งตัว หวางหงอี้ก็ถูกฝ่ามือพิฆาตตบกระเด็น
“เจ้าเด็กบ้า ถ้าฉันมาช้ากว่านี้อีกหน่อยแกคงไม่รอดแล้วล่ะ”
เจ้าสามหวงหัวเราะพลางเดินออกมาจากความมืด
“ไอ้สี่คนนั้นจัดการหรือยัง?” เฉินเฟิงมองเจ้าสามหวงแวบหนึ่งก่อนเอ่ยอย่างขมขื่น
“จัดการแล้ว”
เจ้าสามหวงพยักหน้าก่อนจะหันไปมองหวางหงอี้ “แล้วคนนี้จะเอายังไง?”
“เอาตัวเขาไปให้พี่ฉู่ก่อนจากนั้นค่อยให้ทางสหพันธ์สงครามมาเอาตัวไปอีกที”
ความรู้สึกของเฉินเฟิงซับซ้อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเห็นหวางหงอี้เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าหวางหงอี้จะเป็นคนทรยศ
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของเจ้าสามหวงหวางหงอี้ก็ใจฝ่อเกินครึ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู่อยู่เคียงข้างเฉินเฟิงตลอดเวลา
หลังจากสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ หวางหงอี้ก็เอ่ยกับเฉินเฟิงเสียงต่ำ “เสี่ยวเฟิง เรื่องวางยาฉันเป็นคนทำเองไม่เกี่ยวกับเย้นฟางและซือหยวน พวกเธอไม่รู้เรื่อง ขอให้แกปล่อยพวกเธอไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...