เฉินเฟิงกำลังยกมือขึ้น ก็ได้ยินเสียงตะโกนของสือโพ่จุน
“คุณชายเฉิน ได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตด้วยเถอะ”
เฉินเฟิงมองไปที่เขาด้วยสีหน้าสงสัย ทำไมสือโพ่จุนถึงได้มาขัดขวางเขาด้วยล่ะ เมื่อเปรียบเทียบกับชิงชิวแล้ว เขายินยอมที่จะฟังความคิดเห็นของสือโพ่จินมากกว่า โดยเขาทั้งสองคนรู้จักสนิทสนมกันมานาน เขารู้ดีว่าสือโพ่จุนไม่มีเหตุผลใดที่จะให้ร้ายเขา
“ทำไม? ” เฉินเฟิงถามขึ้น
สือโพ่จุนพูดอย่างหนักแน่น
“ข้าไม่ได้ต้องการที่จะขัดขวางคุณชายเฉิน แต่มีความคิดบางอย่างที่ต้องการจะพูดคุยกับท่านถ้าหากว่าท่านรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม อย่างนั้นค่อยลงมือจัดการก็ไม่เสียหายอะไร แต่หากว่าท่านคิดว่ามันเหมาะสม ข้าก็ถือว่าได้ช่วยเหลือคุณชายเฉินเพื่อลดการเกิดปัญหาความยุ่งยากอื่น ๆ ที่จะตามมา”
เจ้านี่มันช่างพูดเก่งเสียจริง เฉินเฟิงยิ้มและกล่าวขึ้น
“อย่ามามัวชักช้าอยู่เลย ข้าจะไม่รู้นิสัยของนายได้อย่างไร มีอะไรก็รีบพูดออกมาเดี๋ยวนี้”
ทว่าไม่เพียงแค่เฉินเฟิงเท่านั้นที่แปลกใจ ขนาดไอ้อ้วนที่มีท่าทางกังวลรวมถึงคนอื่น ๆ ก็แปลกใจเช่นกันว่าสือโพ่จุนจะมีความคิดเห็นอย่างไร แต่พวกเขาก็ผิดหวังไปตามกัน โดยที่สือโพ่จุนเดินเข้าไปที่ด้านข้างของเฉินเฟิง และกระซิบพูดที่ข้างหูของเขา แล้วเฉินเฟิงก็หัวเราะดังขึ้น
“นายมีความคิดที่ดีจริง ๆ ตกลง ฟังนายก็แล้วกัน ข้าสามารถที่จะปล่อยไว้ชีวิตไอ้คนนี้ไปได้”
สือโพ่จุนก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“อย่างนั้นเท่ากับว่าข้าก็ได้ทำเรื่องที่ดีแทนคุณชายเฉินแล้วเรื่องหนึ่ง”
แม้ว่าจะไม่ได้ยินว่าสือโพ่จุนนั้นพูดอะไรบ้าง แต่ได้ยินว่าเฉินเฟิงจะปล่อยไว้ชีวิตหวางลั่วปิง ไอ้อ้วนกับคนอื่น ๆ ก็ดีอกดีใจยกใหญ่ และกล่าวขอบคุณ
แต่เฉินเฟิงกลับพูดขัดขวางขึ้นไว้
“พวกนายยังไม่ต้องรีบร้อนที่จะกล่าวขอบคุณข้า นอกจากสิ่งของที่พวกนายตกลงจะให้ข้าแล้วนั้น ข้ายังต้องการสิ่งของอีกชิ้นหนึ่ง”
ไอ้อ้วนกับคนอื่น ๆ ต่างก็หวาดระแวงขึ้นอีก โดยเงื่อนไขที่เสนอให้เมื่อครู่นั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาได้ยินยอมเสนอให้อย่างที่สุดแล้ว หากว่าจะต้องการอะไรอีก ต่อให้พวกเขาขายตนเองทิ้งก็เกรงว่าจะไม่มีทางที่จะให้ได้ตามที่ต้องการแล้ว
เฉินเฟิงยิ้มแล้วก็ชี้ไปยังไอ้อ้วน
ไอ้อ้วนมองไปที่เฉินเฟิงด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร
“ก็นายนั่นแหละไอ้เจ้าอ้วน ข้าชื่นชอบในตัวของนาย”
ไอ้อ้วนตกใจถึงขนาดคุกเข่าลงบนพื้น ตะโกนร้องขอชีวิตเสียงดัง
“คุณชายเฉิน ท่านไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าเป็นเพียงสิ่งของที่ไม่มีคุณค่าอะไรเลย ท่านจะเอาชีวิตข้าไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ยังจะเป็นการทำให้มือของท่านสกปรกเสียอีก ท่านไว้ชีวิตข้า ข้าจะสวดมนต์ไหว้พระขอพรให้ท่านทุกวัน ขอให้ท่านมีชีวิตยืนยาวอายุนับร้อยปี”
ไอ้อ้วนที่กลับกลอกผู้นี้นึกไม่ถึงว่าจะเกรงกลัวความตายขนาดนี้ เฉินเฟิงพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“ข้าไม่ได้ต้องการชีวิตของนาย ต่อไปนายมาติดตามข้า หากว่าซื่อสัตย์ไม่คดโกง ข้ารับรองว่านายจะปลอดภัยไร้ความกังวลไปตลอดชีวิต”
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ไอ้อ้วนก็ยังคงร้องขออ้อนวอน
เฉินเฟิงทนรำคาญไม่ไหวและพูดขึ้นว่า
“หากกล้าที่จะพูดมากอีก ข้าจะเอาชีวิตของนายเดี๋ยวนี้”
คำข่มขู่นี้ทำให้ไอ้อ้วนตกใจกลัวจนไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก โดยสีหน้าที่ร่ำไห้เสียใจนี้ ดูไม่ดีดูย่ำแย่เอาเสียมาก
เรื่องราวในสวนซวนหยวนก็ได้สิ้นสุดลง
เฉินเฟิงก็ไม่ได้ไปสืบเสาะรับฟังเรื่องราวของคนเหล่านั้นอีก แต่ทราบว่าหวางลั่วปิงถูกนำตัวกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนชิงชิวนั้นก็หาบสาบสูญไป ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่แห่งใด
ในส่วนของไอ้อ้วนที่ถูกเฉินเฟิงนำตัวกลับมานั้น ก็ได้ส่งตัวไปให้กับสือโพ่จุน โดยเฉินเฟิงก็ไม่ได้ใช้งานอะไรเขาสักเท่าไหร่
ส่วนเรื่องอื่นที่เหลือ ก็คือหินพิเศษที่เฉินเฟิงนำกลับมานั่นเอง
เขาศึกษาพิจารณาอยู่ทั้งวัน ก็ทราบได้ว่าที่จริงแล้วส่วนที่มีความพิเศษก็คือกล่องใบนั้นต่างหาก ซึ่งก็เป็นคลื่นสัญญาณที่ออกมาจากกล่องใบนั้นที่รบกวนความคิดของเขา ส่วนหินก้อนนั้นก็เป็นเพียงแค่หินธรรมดาเท่านั้นเอง
การค้นพบครั้งนี้เกือบที่จะทำให้เฉินเฟิงต้องบินไปยังตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อไปจับตัวยอดฝีมือจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับมา
แต่ผ่านไปสองวัน เขาก็คลายความโกรธลง ก็ยิ้มหัวเราะต่อตนเอง เดิมทีก็เป็นแค่คำเล่าลือ ทำไมจะต้องเชื่อกันอย่างง่ายดายขนาดนี้ล่ะ จะต้องโทษตนเองที่โลภมากจนเกินไป
สวนซวนหยวนที่ได้รับจากหวางลั่วปิงถือเป็นสถานที่ที่ดีงามอย่างมาก คลับด้านหน้าทั้งหมดและภูเขาด้านหลังต่างก็เป็นพื้นที่ของสวนนี้ทั้งหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...