“อืม!ได้ราคา”
เพื่อนของเขาที่กำลังตกใจไม่ได้มีการตอบสนองกลับอะไรมากนัก เพียงแค่ตอบกลับอย่างสั้นๆ เท่านั้น
“นายบอกให้ชัดเจนมาเลยว่านาฬิกานี้ได้ราคาเท่าไหร่ นี่มันสามารถแลกกับคอนโดในTomson Rivieraได้เลยจริงๆ งั้นหรอ”
ทันทีที่เขาพูดจบ เพื่อนของเขาก็พยักหน้าเบาๆ
ตอนแรกเขานั้นยังไม่มีการตอบสนองใดๆ แต่พอเขารู้สึกตัวก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปโดยทันที
ถึงขนาดที่ต้องถามด้วยเสียงเบาๆ
“ที่นายพูดเป็นความจริงงั้นหรอ ดูผิดไปหรือเปล่า? ”
“จะดูผิดได้ยังไงเล่า นี่เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ที่เพิ่งออกวางขายปีนี้เลยเชียวนะ เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันยังแอบถอนหายใจอยู่เลย”
“คือนาฬิกาอันนั้นของพวกคนรวยที่นายดูไม่เข้าใจอันนั้นน่ะหรอ”
เพื่อนของเขาพยักหน้าอีกครั้ง ตอนนี้ชายหนุ่มถึงเพิ่งได้รู้ว่าตัวเองได้แกว่งเท้าหาเสี้ยนเข้าแล้ว
แต่แล้วเพื่อนของเขาก็ส่งนาฬิกาให้เขาด้วยความเร่งรีบ เขาเองก็ตกใจเช่นกัน ของราคาสูงแบบนี้หากมาเสียในมือของเขา คงจะต้องซื้อบ้านสักหลังถึงจะทดแทนกันแล้วเท่านั้น
เขาถือนาฬิกาอย่างระมัดระวังแล้วยื่นไปตรงหน้าของเฉินเฟิง พร้อมกับพูด
“พี่ชาย นาฬิกาของคุณพวกเราดูเสร็จแล้ว คุณเอากลับคืนไปจะดีกว่า ขอโทษด้วยจริงๆ พี่ชาย เป็นเพราะผมเป็นคนมีตาแต่หามีแววไม่ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพี่ชายจะเป็นคนร่ำรวย ผมเองที่เป็นตาบื้อคนนั้น”
เฉินเฟิงหันหน้าไปยังชายหนุ่มที่กำลังพูดเยินยอแล้วคิดเพียงแต่อยากจะไล่ให้พวกเขารีบไปให้เร็วที่สุด ก่อเรื่องวุ่นวายนานขนาดนี้ ชิงจือคงจะโมโหมากแล้ว
เขายื่นมือไปรับนาฬิกาคืนพร้อมกับใส่นาฬิกาไว้ที่ข้อมืออีกครั้ง
“คราวหลังออกไปไหนให้รู้จักถ่อมตนหน่อย ในโลกนี้ยังมีคนรวยอีกเยอะ”
อีกฝ่ายรีบพยักหน้าตอบรับอย่างรวดเร็ว
“พวกเราไม่รบกวนพี่ชายท่านนี้แล้ว”
เมื่อพูดจบทั้งสองก็รีบวิ่งออกไปทันที
เรื่องราววุ่นวายที่เกิดบนรถไฟจบลงเพียงเท่านี้ โชคดีที่สุดท้ายแล้วชิงจือไม่ได้ต่อว่าอะไร แต่ดูจากสีหน้าของชิงจือแล้วมักจะทำให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ บางอย่าง
เมื่อเดินทางมาถึงทะเลทรายตะวันตกเฉียงเหนือ ตอนที่อยู่ในตัวเมืองก็ไม่ได้มีความรู้สึกแปลกอะไร แต่เมื่อเดินทางมาถึงชายฝั่งทะเลทรายพวกเขาถึงค่อยรู้สึกได้ถึงความรกร้าง
บนที่ดินขนาดใหญ่สามารถมองเห็นอีกฝั่งได้อย่างชัดเจน แต่ในเวลาเดียวกันทันทีที่ได้เห็นเช่นนี้ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความอ้างว้าง ชีวิตที่นี่กลับกลายเป็นความขาดแคลน พื้นดินที่ไร้ความชุ่มชื้น ก็เป็นดั่งชีวิตที่ไร้ความน่าสนใจ
ในขณะที่นั่งอยู่บนเกวียน เฉินเฟิงได้หันไปกล่าวถามกับชายร่างใหญ่
“ที่นี่เป็นแบบนี้มาตลอดเลยหรอ?”
“ก็ไม่ใช่ว่าทุกที่จะเป็นแบบนี้หรอก เดี๋ยวผ่านไปสักช่วงก็จะเจอกับโอเอซิสแล้ว ที่นั่นมีความอุดมสมบูรณ์ มีทั้งแพะทั้งวัวจำนวนมากมายเลยล่ะ” ชายร่างใหญ่กล่าวตอบ
เฉินเฟิงยังมีความรู้สึกสงสัยมาตลอดทาง
จนกระทั่งพวกเขาเดินทางมาไปถึงที่นั่น ซึ่งมันเป็นดั่งที่ชายร่างใหญ่ได้พูดเอาไว้ พวกเขาสามารถมองเห็นฝูงแพะและวัวจำนวนมากมาย
แต่ทว่ามีบางอย่างที่ต่างไปจากที่ชายร่างใหญ่เคยพูดเอาไว้
เพราะตอนนี้แม้แต่นอนอยู่กับพื้นเฉินเฟิงยังรู้สึกว่าหายใจไม่ออก เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าคนที่ดูจิตใจดีอย่างชายร่างใหญ่จะทำแบบนี้ได้
“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้?” เฉินเฟิงถาม
“ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ พวกเขาจับลูกสาวของผมเอาไว้เป็นตัวประกัน ถ้าผมไม่ทำตามที่พวกเขาสั่ง พวกเขาก็จะฆ่าเธอ” ชายร่างใหญ่พูดพลางร้องไห้
เมื่อมองดูใบหน้าที่กำลังร้องไห้ของชายร่างใหญ่ เขาก็ไม่รู้ว่าจะระบายความเกลียดแค้นนี้อย่างไรดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...