หญิงสาวแต่งตัวเซ็กซี่จ้องมองเฉินเฟิงราวกับอยากจะเข้าไปกัดเขาให้ตาย ส่วนทางด้านหลี่จื่อเยว่เองก็รู้สึกว่าเขากำลังทำเกินเลย
เธอจึงกระตุกเสื้อของเฉินเฟิงเบาๆ แล้วพูดด้วยเสียงอ่อน : “ไม่ต้องไปรังแกเธอแบบนี้แล้ว แค่นี้เธอก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว”
เฉินเฟิงจ้องหลี่จื่อเยว่พร้อมกับพูด: “เธอนี่ยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาอยู่วันยังค่ำเลยนะ เหมือนเธอจะลืมไปแล้วนะว่าเมื่อกี้นี้ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับเธอไว้”
แต่เมื่อดูท่าทีของหลี่จื่อเยว่แล้ว เฉินเฟิงได้เพียงหันไปพูดกับหญิงสาวคนนั้นอย่างผ่อนคลายเท่านั้น : “ดูสิ หล่อนดีขนาดไหนเชียว ยังไม่รู้จักขอบคุณหล่อนอีก แต่ช่างเถอะ คุณรีบไปเถอะ”
เมื่อเฉินเฟิงพูดจบ พี่เหมยก็สะอึกสะอื้นเดินออกไป
เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นดั่งพายุฝนอันเรียบง่าย และนั่นทำให้พนักงานในร้านคนนั้นต้องมองเฉินเฟิงด้วยสายตาที่อึ้งตะลึงกับการกระทำของเขา จากนั้นในตอนที่เข้าไปชำระเงินเธอก็ยิ้มให้กับพวกเขาตลอด
ทั้งยังนำเสนอเสื้อผ้าอื่นๆ ในร้านให้กับเฉินเฟิงอย่างไม่หยุดหย่อนอีกด้วย เหมือนกับกำลังบอกให้เฉินเฟิงซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดในร้านไป
ทว่า ถึงแม้ว่าเฉินเฟิงจะร่ำรวยแต่เขาก็ไม่คิดที่จะทำเรื่องแบบนี้จริงๆ อีกอย่างก็ไม่ได้มีการพนันแล้วด้วย
จนกระทั่งพวกเขาเดินจากไปเขาก็ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าทั้งหมดนั้นจริงๆ ทำให้พนักงานคนนั้นได้เพียงส่งสายตาคร่ำครวญออกมาเท่านั้น
แต่ในความรู้สึกของหลี่จื่อเยว่ที่มีต่อเฉินเฟิงนั้นเขาดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว เธอรู้สึกว่าเขากับผู้ชายขี้เกียจคนนั้นในความทรงจำของเธอพวกเขาสองคนมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความไม่เข้าใจบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงทำเพียงเดินตามเฉินเฟิงไปอย่างเงียบๆ เท่านั้น
ส่วนเฉินเฟิงที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ จึงคิดแค่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้คงจะทำให้เธอตกใจไปบ้าง
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม หลี่จื่อเยว่ก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองอย่างนิ่งเงียบ โดยที่เฉินเฟิงเองก็ไม่ได้พูดอะไร
และแล้วค่ำคืนนี้ก็ผ่านไปอย่างเงียบสงบ
เฉินเฟิงคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องกลับไปเดินทางอีกครั้งแล้ว เขาไม่อยากปล่อยให้ชิงจือรอนานเกินไป ไม่อย่างนั้นหลังจากนั้นเธออาจจะทำเรื่องบางอย่างที่ทำให้เขาต้องเจ็บปวดก็เป็นได้
เขาเดินไปเคาะประตูห้องของหลี่จื่อเยว่ วันนี้เหมือนว่าเธอจะอารมณ์ดีไม่ใช่น้อย เพราะทันทีที่เห็นเฉินเฟิงเธอก็ยิ้มให้เขาทันที
เธอลากกระเป๋าใบหนึ่งพร้อมกับสะพายกระเป๋าใบเดิมที่เธอพกมาด้วยตั้งแต่แรก พร้อมกับเฝ้าคอยการเดินทางของพวกเขาที่กำลังจะเริ่มขึ้น
เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นก็ไม่พูดอะไร ทั้งยังไม่คิดที่จะเข้าไปช่วยเธอยกกระเป๋าอีกด้วย เขาเพียงแต่เดินออกมาด้านหน้าตัวเปล่าอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของหลี่จื่อเยว่
“หื้ม!ยังไงซะเขาก็ยังเป็นแค่คนนิสัยไม่ดีเหมือนเดิม”
แต่เขาได้ยินคำพูดประโยคนี้
เมื่อขึ้นมาบนรถ ทุกอย่างล้วนถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ขาดเพียงอย่างเดียวคือชิงจือ การขาดเธอไปก็เหมือนขาดอะไรบางอย่าง ถึงแม้ว่าชิงจือจะไม่ชอบพูด แต่การมีเธอนั่งอยู่ตรงนั้นมันทำให้รู้สึกว่าการมีใครอีกคนเพิ่มเข้ามายิ่งทำให้มีความสบายใจมากขึ้น
เฉินเฟิงไม่ได้คิดมาก ก่อนที่จะสตาร์ทรถขับเข้าสู่ถนนใหญ่อีกครั้ง
ทางด้านหลี่จื่อเยว่เหมือนว่าตั้งแต่เมื่อวานนี้เธอจะลืมความทุกข์ใจที่ตัวเองหนีออกจากบ้านมาแล้ว เธอชื่นชมบรรยากาศริมทางพร้อมด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
และนั่นก็ทำให้เฉินเฟิงรู้ว่าที่จริงแล้วเธอเป็นคนพูดมากคนหนึ่ง ไม่มีความสงบเสงี่ยมเลยแม้แต่น้อย จนถึงขนาดที่มีแวบหนึ่งที่เขาคิดอยากจะเอาเธอโยนทิ้งไว้ข้างทางเสีย
แต่สุดท้ายความคิดนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
“นั่นอะไรหน่ะ?” จู่ๆ หลี่จื่อเยว่ก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังเมื่อได้เห็นกองไฟขนาดใหญ่ที่กำลังปะทุ
เฉินเฟิงที่ได้ยินเสียงตะโกนของเธอถึงกับตกใจ ก่อนที่เขาจะหันไปดูทางที่กองไฟนั้นตั้งอยู่ ราวกับว่าตรงนั้นจะมีผู้คนจำนวนมากล้อมรอบกองไฟเอาไว้พร้อมกับกำลังทำกิจกรรมอวยพรบางอย่าง
เฉินเฟิงส่ายหน้า : “ไม่รู้ และฉันก็ไม่สนใจด้วย”
แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้หลี่จื่อเยว่ไปที่นั่น แต่หลี่จื่อเยว่นั้นกลับถูกสิ่งนั้นดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นไปแล้ว เธอพูดกับเขาต่อด้วยเสียงที่อ้อนวอน : “พวกเราเข้าไปดูหน่อยจะได้ไหม?เสียเวลาไม่เยอะหรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...