เฉินเฟิงเริ่มมีท่าทีที่ทนไม่ได้กับเสน่ห์อันเย้ายวนนี้ ทั้งที่เป็นสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วยแต่กลับทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเขาเลยเลือกที่จะหลับตาลงอีกครั้ง
แต่คงเป็นเพราะเห็นว่าไม่ต้องการที่จะพูดอะไรอีก เซียงหลันจึงยุติความคิดของตัวเอง
การพร่ำรบกวนเขาครั้งหนึ่งยังถือว่าเป็นเรื่องที่พอรับได้ แต่หากรบกวนเขาอีกครั้งเธอเกรงว่าจะทำให้เฉินเฟิงโมโหขึ้น
การข่มขู่ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้สำหรับเธอแล้วใช่ว่าเธอจะไม่ใส่ใจเลย ฉะนั้นเธอจึงหยุดทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้
และหลังจากที่หลับตาทำสมาธิได้พักใหญ่ อยู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาอีกครั้ง
ซึ่งก็คือหลินเฉิงจื้อ เขาสาวเท้าเข้ามายังข้างกายเซียงหลัน
ก่อนจะกระซิบบางอย่างข้างหูของเธอ และแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เฉินเฟิงได้ยิน
แต่เมื่อที่ได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของเซียงหลันก็เปลี่ยนไปทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้แม้กำลังเผชิญกับความตายสีหน้าของเธอยังคงนิ่งเรียบ
จากนั้นเธอก็หันมาพูดกับเฉินเฟิง : “คุณชาย ที่นี่จะมีคนเข้ามา คุณขึ้นไปหลบอยู่ข้างบนก่อนจะดีกว่านะคะ ”
และแน่นอนว่านั่นทำให้เฉินเฟิงต้องมองเธอด้วยความสงสัย พร้อมกับถาม : “ทำไม คนแบบไหนกันที่ทำให้คุณกลัวได้ขนาดนี้กัน ถ้าคุณสามารถส่งคนที่ผมต้องการมาให้ผมตอนนี้ ผมอาจจะพิจารณาช่วยพวกคุณก็ได้ ”
“คุณชาย เรื่องนี้คงไม่จำเป็นต้องให้คุณมาเหนื่อยด้วย อีกอย่างคนที่คุณต้องการ ฉันไม่มีปัญญาที่จะส่งเธอคืนให้คุณตอนนี้หรอกค่ะ”
เมื่อพูดจบ เซียงหลันก็พยายามให้เฉินเฟิงขึ้นไปยังชั้นบน
ในเมื่อเป็นธุระของพวกเขา เฉินเฟิงจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อีกอย่างเขามาที่นี่ก็เพื่อเอาตัวหลี่จื่อเยว่เท่านั้นด้วย
ดังนั้นเขาจึงทำตามคำพูดของเซียงหลันขึ้นมาซ่อนตัวอยู่บนในห้องหนึ่งของชั้นสอง
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใช่ห้องของเซียงหลันหรือเปล่า แต่ที่นี่ก็เป็นห้องนอนของผู้หญิง เพราะในห้องมีกลิ่นหอมอบอวลอยู่
เฉินเฟิงเดินไปยังโต๊ะหนังสือพร้อมกับนั่งลงอย่างผ่อนคลาย
ห้องนี้มีความรกอยู่เล่นน้อย บนโต๊ะมีของต่างๆ ชนิดวางกองอยู่เต็มไปหมด บนเก้าอี้ก็มีเสื้อผ้าบางตัวที่ยังไม่ได้ใส่วางกองอยู่ ซึ่งคาดการณ์แล้วเจ้าของห้องคงจะเป็นผู้หญิงขี้เกียจคนหนึ่ง
จากนั้นเฉินเฟิงก็หยิบกระโปรงสั้นตัวหนึ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ แต่กลับดูมีรสนิยมทันสมัยอย่างมาก
แต่ว่าเขาไม่ได้มีนิสัยชอบแอบมองห้องนอนของผู้หญิง ดังนั้นหลังจากที่นั่งลงอย่างผ่อนคลาย เขาก็เริ่มฟังเสียงการเคลื่อนไหวที่เกิดด้านนอก
และแล้วพอผ่านไปไม่นาน บริเวณห้องโถงใหญ่ก็มีเสียงดังแทรกเข้ามา เพราะมีคนเข้ามาแล้ว
แต่เป็นเพราะกำแพงห้องมีการเก็บได้เป็นอย่างดี เฉินเฟิงจึงไม่ได้ยินเรื่องอะไรทั้งนั้น แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที อยู่ๆ ก็มีเสียงทะเลาะกันดังขึ้น และนั่นก็เป็นเสียงของผู้ชายตะโกนเสียงดังออกมา
ถึงแม้ในใจของเฉินเฟิงจะมีความสงสัย แต่ก็ไม่ได้เดินออกไปดู
จนกระทั่งผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เขาถึงค่อยได้ยินเสียงประตูถูกเคาะ จากนั้นเซียงหลันก็เดินเข้ามาด้านใน
สีหน้าของเธอดูย่ำแย่อย่างมาก อารมณ์ราวกับว่ากำลังตกต่ำ แต่เมื่อเธอได้เห็นเฉินเฟิงรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง : “คุณชาย คงจะไม่ได้แตะต้องของในห้องของเซียงหลันมั่วซั่วหรอกใช่ไหมคะ ?”
เฉินเฟิงไม่ได้ตบรับมุกของเธอ ทั้งยังถามกลับแทน: “เขาคนนั้นไปแล้วหรอ?”
เซียงหลันพยักหน้า แต่กลับแสดงท่าทีที่ไม่อยากจะพูดถึงเสียอย่างนั้น เมื่อเห็นอย่างนั้นเฉินเฟิงจึงไม่คิดที่จะถามอะไรอีก
เมื่อใกล้ถึงเวลา เฉินเฟิงก็ต้องการที่จะเจอตัวหลี่จื่อเยว่ เขาจึงพูดขึ้น : “ตอนนี้ใกล้ค่ำแล้ว!”
เซียงหลันจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ความมืดมนที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้พลันหายไปจากใบหน้าของเธอทันที
“นั่นแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ที่ฉันขึ้นมาก็เพื่อพาคุณไปหาคนของคุณ ”
และตอนนี้เองที่เฉินเฟิงเริ่มวางใจได้เสียที แต่ยังไม่ทันได้ถึงจุดสิ้นสุด เฉินเฟิงก็หมดปัญญาที่จะเชื่อใจอีกฝ่ายอีกครั้ง
เมื่อเขาเดินตามเซียงหลันออกมาจากห้องเดินตรงลงไปยังชั้นล่าง ซึ่งสามารถเห็นได้ว่าเมื่อสักครู่นี้ตรงโถงใหญ่จะต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...