เฉินเฟิงเดินไปยังข้างเตียง ด้วยความที่เขาไม่ได้คิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องใหญ่อะไร ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนัก : “ถ้าหากว่าคุณไม่ถือสาอะไรก็มานอนบนเตียงด้วยกันหนึ่งคืนก่อนแล้วกัน อีกอย่างผมก็ไม่ใช่คนประเภทนั้นด้วย แต่ถ้าหากว่าคุณถือสา อย่างนั้นก็ดึงผ้าห่มจากเตียงไปนอนบนพื้นแทนแล้วกัน”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่รอให้เซียงหลันบอกว่าตัวเองเลือกยังไง เขาก็ขึ้นไปเปิดผ้าห่มแล้วนอนลงไปบนเตียง พร้อมทั้งยังเหลือที่ว่างครึ่งหนึ่งไว้
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินเฟิงก็ได้ยินเสียงของเซียงหลัน เธอเดินมายังข้างเตียงโดยไม่ได้ดึงผ้าห่มลงไป เพียงแต่นอนลงไปบนเตียงเท่านั้น
เฉินเฟิงสามารถรับรู้ถึงความตื่นเต้นของเธอ และนั่นเป็นเรื่องที่เฉินเฟิงคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เพราะทั้งที่ตอนกลางวันเธอยังพยายามเข้ามาใกล้ชิดกับเขาแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมีความหวาดกลัวแทนเสียอย่างนั้น
แต่อย่างว่าเฉินเฟิงไม่ได้ทำอะไร เพียงนิ่งเงียบตลอดทั้งคืน
ถึงแม้ว่าในห้องจะมีการเปิดฮีตเตอร์เอาไว้ แต่ด้วยหน้าต่างที่แตกไปทำให้มีลมหนาวพัดเข้ามาด้านในอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงทำให้ในเช้าวันถัดมาทั้งสองคนก็ได้กอดกันแน่นเพื่อมอบความอบอุ่นให้แก่กันและกัน
หลังจากที่เซียงหลันตื่นขึ้นมา เฉินเฟิงก็ยังไม่ได้ทำอะไรเธออย่างที่เขาได้พูดเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะกอดอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อเทียบกับเรื่องอื่นแล้ว เธอกลับไม่ได้ถือสาเรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก แต่ทว่าไม่รู้ว่าสีหน้าของเธอในตอนนี้คือความดีใจหรือทุกข์ใจ
เมื่อเธอลุกขึ้นจึงทำให้เฉินเฟิงสะดุ้งตื่นขึ้นมา เฉินเฟิงเหลียวมองไปที่เธอ
เพราะว่าตื่นมาในตอนเช้าแบบนี้เลยทำให้ผมของเซียงหลันมีความยุ่งเล็กน้อย และด้วยเพราะว่าตอนนี้เธออยู่ในหน้าสดจึงไม่เหลือโครงหน้าจากการแต่งหน้าอันชวนหลงใหลแบบนั้นอีกแล้ว แต่นั่นก็ทำให้เธอดูไร้เดียงสาขึ้นมาไม่น้อยเลย
เฉินเฟิงมองไปที่เธอพร้อมกับกล่าวถาม: “บาดแผลบนตัวคุณเป็นยังไงบ้าง?สาหัสหรือเปล่า?”
เมื่อวานนี้ในตอนที่เซียงหลานเข้าก็ใช้มือซ้ายกุมอกอยู่ตลอด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอคงจะได้รับบาดเจ็บมาแน่นอน
เมื่อได้ยินเฉินเฟิงถามแบบนี้ เซียงหลันจึงส่ายหน้า: “ไม่ได้สาหัสอะไรค่ะ รักษาตัวสักสองสามวันก็คงหาย ตอนนี้ก็เช้าวันใหม่แล้ว ฉันเองก็ไม่ได้สะดวกที่จะอยู่ที่นี่ต่อด้วย เดี๋ยวฉันก็ออกไปแล้วนะคะ”
เฉินเฟิงไม่มีคำตอบกลับใดๆ เพียงแต่มองดูเซียงหลันเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน พอผ่านไปสักพัก ในตอนที่เธอเดินออกมา เธอก็ได้มีการจัดทรงผมจนเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าสีหน้ากลับยังมีความซีดเซียวดังเดิม
เซียงหลันหันไปบอกกับเฉินเฟิง
“ขอบคุณที่คุณชายให้ที่หลบภัย ตอนนี้เซียงหลันขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินไปทางประตู
เฉินเฟิงรู้ว่าหากเธอออกจากประตูนี้ไป และหากได้เจอกับตู๋กูหยุนอีกครั้งเธอก็คงจะหนีไม่พ้นแน่นอน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเธอกับตู๋กูหยุน แต่เมื่อดูจากท่าทีของตู๋กูหยุนเมื่อคืนนี้แล้ว เซียงหลันไม่มีทางถูกปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน
เสียงเปิดประตูดังขึ้น หากว่าตอนนี้เฉินเฟิงกล่าวรั้งให้เธออยู่ต่อ เซียงหลันคงจะตอบรับแน่นอน แต่กระทั่งเสียงประตูถูกปิดลงอีกครั้ง เฉินเฟิงกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
เพราะอย่างที่เขาเคยบอก เรื่องของเซียงหลันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเขานั่นเอง
หลังจากรอให้เซียงหลันจากไป เฉินเฟิงก็ลุกขึ้นเดินไปยังห้องพักของหลี่จื่อเยว่
เพราะตั้งแต่ได้เจอกับสถานการณ์เมื่อวานนี้ เฉินเฟิงจึงกลัวว่าเธอจะมีความทรงจำที่ไม่ดีบางอย่าง แต่ทันทีที่หลี่จื่อเยว่เปิดประตูออกมาแล้วได้เห็นหน้าของเฉินเฟิง เธอก็บ่นพึมพำพร้อมกับมองเฉินเฟิงด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจมากนัก : “คุณทำอะไรกันคะเนี่ย ถึงได้มาปลุกหนูตั้งแต่เช้าเลย คนกำลังนอนหลับสบายเลย”
ตอนนี้เจ็ดโมงเช้าแล้ว แต่หลี่จื่อเยว่กลับยังมีท่าทีเหมือนคนที่ยังตื่นไม่เต็มตาแบบนั้น เธอเกาหัวของตัวเองด้วยความง่วงนอน ซึ่งทำให้ผมที่เดิมทีมีความยุ่งอยู่แล้วยิ่งยุ่งเหยิงขึ้นไปอีก
เฉินเฟิงที่เห็นอย่างนั้นก็พูดออกไปอย่างไม่สบอารมณ์: “ยัยเด็กไร้ยางอาย”
ถึงแม้เขาจะพูดอย่างนั้น แต่ก็ยังปล่อยให้หลี่จื่อเยว่กลับไปนอนพักต่อ
ในขณะที่เขาเดินเข้าไปในเมืองเพื่อที่จะดูว่ายังมีของอะไรที่ต้องซื้อเพิ่มเติมอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...