หญิงสาวรวบผมขึ้นทัดเข้าข้างหู ต่างหูคริสทัลคู่นั้นห้อยลงมาจากติ่งหู ค่อยๆแกว่งไหวเอนไปมา ทำให้เฉินเฟิงถึงกับมองตาค้างไปชั่วขณะ
รูปร่างที่ทำให้ชวนฝันนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิดได้
แต่กำลังมองอยู่นั้น หญิงสาวก็ทำตาถลนใส่ เขาจึงทำตัวเสงี่ยมลง จากนั้นก็พูดขอบคุณด้วยท่าทีเอาจริงเอาจัง “บุญคุณอันใหญ่หลวงนี้ ก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี ถ้าคุณหนูมีเรื่องอะไรให้ช่วย ก็ขอให้บอกมาได้เต็มที่เลย ฉันจะไม่ปฏิเสธแม้แต่คำเดียว ต่อให้ร่างกายแหลกเหลวเป็นเท่าถ่าน ก็ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น หรือแม้แต่จะต้องบุกน้ำลุยไฟก็ตาม”
หญิงสาวอดไม่ได้ที่หัวเราะออกมา
“พี่สาวบอกว่าดูท่าทางคุณแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร ก็เป็นอย่างที่พูดไม่มีผิดเลย ท่าทางกะล่อนปลิ้นปล้อนอย่างนี้ จะเป็นคนดีได้ยังไงกัน อีกทั้งตอนนี้คุณพูดคุยกับฉัน ก็เป็นแบบนี้แล้ว คุณก็ยังไม่รู้สึกเขินอายมั่งเลยเหรอ?”
รอยยิ้มที่สงบเรียบร้อย แม้แต่หัวเราะขึ้นมาก็ยังดูสงบเสงี่ยมเจียมตัว
เฉินเฟิงกลับรู้สึกขำไม่ออก แล้วพูดว่า “นี่จะเป็นการปรักปรำฉันชัดๆเลย ท่าทางฉันอย่างน้อยดูยังไงก็ไม่น่าจะเป็นคนร้ายได้หรอก อีกทั้งมองคนแต่รูปลักษณ์ภายนอก มันก็คงไม่ใช่คำพูดของคนดีๆที่เขาพูดกันหรอก”
หญิงสาวพูดอย่างโกรธเคืองว่า “คุณพูดเก่งจังเลยนะ ถึงกับแว้งกลับมาด่าพวกเราได้ สงสัยจะช่วยงูเห่าไว้เสียแล้ว รู้อย่างงี้ไม่ช่วยคุณไว้ดีกว่า”
หญิงสาวถึงแม้ดูเหมือนกำลังโกรธ แต่ว่าในสายตาไม่ได้แสดงความโกรธจริงอะไรเลย กลับดูเหมือนว่ากำลังหยอกล้อกับเฉินเฟิง
เฉินเฟิงยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกหญิงสาวสูงวัยจะหลอกยากกว่าเด็กสาวพวกนั้นมากเลย ในเมื่อเขาเถียงไม่ได้ จึงเปลี่ยนเรื่องคุย เขาพูดว่า
“สภาพท่าทางฉันตอนนี้ ถ้าหากมีคนเข้ามาอีก ก็คงต้องกลายเป็นคนร้ายจริงแล้วล่ะ หรือว่าไม่มีเสื้อผ้าให้ฉันใส่บ้างเลยเหรอ?”
หญิงสาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ที่ไหนจะมีเสื้อผ้าของคุณล่ะ เสื้อผ้าที่คุณใส่มาไม่เพียงแต่เหม็นจะตาย อีกทั้งยังเปื้อนเลือดไปหมด พี่สาวเห็นแล้วก็เลยจัดการโยนทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนพวกฉันก็มีเพียงแค่ผู้หญิงสองคนเท่านั้น จะมีเสื้อผ้าให้คุณได้อย่างไรกัน หรือว่าคุณอยากจะใส่เสื้อผ้าผู้หญิงล่ะ?”
เฉินเฟิงคงไม่ยอมใส่เสื้อผ้าผู้หญิงเด็ดขาด ดังนั้นจึงรีบโบกมือ แต่ว่าถ้าให้เปลือยกายล่อนจ้อนแบบนี้มันก็ไม่ดีแน่ อีกทั้งฝ่ายนั้นยังพูดถึงพี่สาวอยู่บ่อยครั้ง ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยเห็นเลย ไม่รู้ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร จะสวยเหมือนน้องสาวคนนี้หรือไม่
“แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะ คงไม่ใช่ออกไปแบบนี้นะ ถ้าหากให้พี่สาวคุณเห็นละก็ คาดเดาว่าคงจะต้องเป็นคนร้ายในสายตาเธออย่างแน่นอนเลย”
หญิงสาวมองหน้าเขา ดูเหมือนว่าจะรู้สึกเช่นนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ถึงแม้เธอจะเห็นนานขนาดนี้แล้ว ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่ยังไงก็ยังดูไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไรนัก
เธอมองๆดู จากนั้นก็เดินออกไป เฉินเฟิงกำลังนึกสงสัย เธอก็เดินกลับมาใหม่ ในมือถือผ้าสีเทาอ่อนหนึ่งผืน ก็ไม่รู้ว่าจะเอามาทำอะไร
เธอพูดว่า “คุณก็ใช้อันนี้ปิดบังไปก่อนก็แล้วกัน”
พูดจบก็โยนผ้าผืนนั้นข้ามไป เฉินเฟิงก็รับไว้แล้วคลี่ออกมาดู ผืนใหญ่กว่าผ้าปูโต๊ะเล็กน้อย ดูเหมือนเอาไว้สำหรับใช้รองโต๊ะ
“อันนี้ก็........”
กำลังนึกจะพูดต่อไปอีก แต่เหลือบไปเห็นหญิงสาวกำลังจ้องเขาอยู่ เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “คาดว่าคงเย็นสบายดีนะ อีกทั้งยังดูทันสมัยดีด้วย”
รอให้เฉินเฟิงพูดจบแล้ว หญิงสาวก็ยิ้มอย่างพอใจ
เฉินเฟิงนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ยังไม่รู้จักชื่อแซ่ของอีกฝ่ายหนึ่งเลย จึงรีบแนะนำตัวเองว่า “ฉันชื่อเฉินเฟิง บอกฉันได้ไหมว่าคุณชื่ออะไร? ถึงตอนนี้ยังไม่รู้จักชื่อของคนที่มีบุญคุณเลย นี่จะเป็นการเสียมารยาทเกินไปแล้ว”
“คุณก็คือเฉินเฟิงเหรอ?” เมื่อได้ยินชื่อของเฉินเฟิงแล้ว หญิงสาวดูเหมือนรู้สึกเซอร์ไพรส์มาก
“เฉินเฟิงที่สำนักเทียนซานกำลังตามฆ่าคนนั้นเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...