เฉินเฟิงถูกบีบให้ถอยร่นไปติดกำแพง เมื่อเขาตั้งตัวได้ก็มองไปข้างหน้า ข้างกายของคนนั้นก็มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนแล้ว
การแต่งกายของทั้งสามคนก็เหมือนกันหมด สวมหมวกคลุมใบหน้าและเสื้อคลุมปกปิดร่างกายไว้มิดชิด
คนที่เดินนำหน้าที่บีบให้เฉินเฟิงถอยไปคนนั้น รูปร่างกำยำล่ำสัน กล้ามเนื้อแขนขาแข็งแรง กำหมัดทั้งสองไว้แน่น พร้อมที่จะชกใส่เฉินเฟิงอีกครั้งหนึ่ง
เขาพูดกับเฉินเฟิงว่า “คนบาปหนา ก็สมควรที่จะต้องได้รับการพิพากษา”
พูดจบเขาก็ไม่รอให้เฉินเฟิงตอบโต้เลย บุกเข้าไปชกหมัดไปหนึ่งที หมัดหนักเป็นตัน ราวกับจะทุบให้เฉินเฟิงกลายเป็นหมูบะช่อไปเลย แต่ว่าเฉินเฟิงในเวลานี้ก็ไม่ใช่จะมาแหย็มได้ง่ายเช่นกัน
ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ ภายในร่างกายแผ่กระจายคลื่นความร้อนออกมา ชกหมัดออกมาด้วยเหมือนกัน ชกสวนตรงเข้าไปหาฝ่ายนั้น
หมัดทั้งสองปะทะกัน ต่างฝ่ายต่างรับแรงกระแทก เฉินเฟิงยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนเลยส่วนคนนั้นก็ถอยหลังออกไปเจ็ดแปดก้าว แล้วจึงหยุดลงได้
อีกสองคนที่อยู่ข้างๆเห็นว่าเพื่อนสู้ไม่ได้ ก็บุกเข้าไปพร้อมกัน
แต่ยังไม่ทันรอให้พวกเขาสามคนลงมือเลย เฉินเฟิงก็บุกเข้าไปก่อน ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต คิดแต่อยากหาทางระบายมันออกมา
ส่วนสามคนตรงหน้านี้ก็มาพานพบเจอพอดี
เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่า ทั้งสามคนนั้นก็ล้มลงกับพื้น แต่ว่าเฉินเฟิงก็ยังไม่สามารถระบายความกระหายเลือดในใจของเขาได้ เขาจับร่างของหนึ่งในนั้นกดลง แล้วทุบตีลงไปในร่างที่นอนสลบนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ชั่วพริบตาเดียวร่างนั้นก็แหลกเหลวจนแยกชิ้นส่วนไม่ออก หมัดทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของเฉินเฟิงเองหรือว่าเป็นของฝ่ายตรงข้ามกันแน่
หลังจากที่คนนั้นหมดลมหายใจไปแล้ว เฉินเฟิงจึงหยุดมือ ยกกำปั้นที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นมา เฉินเฟิงก็สะบัดมือ เพื่อสลัดเลือดออกไปจากมือของเขา
ยังดีที่ในใจยังพอมีสติเตือนเขาว่า จะต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่
จากนั้นก็วิ่งต่อไปอีก ในที่สุดก็ได้เห็นทางออกแล้ว ประตูเหล็กที่ใหญ่โตยังถูกปิดไว้อย่างหนาแน่น
ประตูเหล็กสูงใหญ่มาก ใช้กระบองโลหะท่อนหนึ่งขัดประตูเอาไว้ เฉินเฟิงก้าวเดินไปข้างหน้ายกกระบองโลหะนั้นออกไป จากนั้นก็ออกแรงลากประตูเหล็กนั้น ในที่สุดก็ค่อยๆเปิดประตูเหล็กนั้นออกไปได้
ท้องฟ้าภายนอกนั้น แผ่นฟ้าสีครามสดใส ไม่มีก้อนเมฆลอยมาปิดบังเลย
เฉินเฟิงกลับไม่มีเวลาไปชื่นชม อาการตกค้างหลังจากการใช้เคล็ดวิชาพลังสวนกลับจวนจะระเบิดออกมาแล้ว เขาไม่อยากถูกคนที่นี่จับได้อีก
แต่แล้วบริเวณรอบๆภายนอกเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ดูเหมือนเป็นโรงงานที่ถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว เดิมทีอาจจะเป็นพื้นปูนแต่ถูกปกคลุมด้วยต้นหญ้าหลากหลายชนิด โดยทำให้พื้นปูนแตกร้าวเป็นริ้วรอย พวกมันก็แทรกตัวขึ้นมาตามซอกรอยร้าวนั้น
สิ่งประดิษฐ์ตกแต่งข้างทางของเดิมก็ถูกรื้อทิ้งไปหมดแล้ว เหลือไว้ให้เห็นแต่เพียงสิ่งของที่ไม่สามารถนำออกไปได้ แผ่นโลหะที่เหลือไว้ให้ก็ล้วนแต่เป็นสนิมเขลอะไปหมด เมื่อถูกแรงกระแทกแผ่นสนิมเหล็กก็จะตกลงมาเป็นแผ่นๆ
ร่างกายแทบจะทนไม่ไหวแล้ว พลังแรงก็ไม่สามารถสงบลงได้ พยุงตัวไปตามผนังกำแพงปูน เฉินเฟิงรู้ตัวว่าจำเป็นที่จะต้องหาสถานที่สำหรับพักฟื้นร่างกายเสียก่อน
แต่ว่าในที่นี้ เกรงว่าแค่ใช้ชีวิตต่อไปก็ลำบากยากเข็ญแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องอยู่พักฟื้นที่นี่อีกหลายวันเลย
แต่ว่าร่างกายกลับดูเหมือนว่าถึงขีดสุดแล้ว เกรงว่าอีกประเดี๋ยวก็คงต้องล้มลงไปแล้ว
เฉินเฟิงกัดฟันไว้แน่น เขาจำเป็นจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ควรจะมาสลบอยู่ที่นี่
แต่ว่าความมุ่งมั่นของคนเราก็ไม่อาจจะเอาชนะทุกสิ่งได้ เขาได้ยินเสียงคน ดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้มาก แต่เขาไม่ได้สนใจที่จะไปดูว่าอีกฝ่ายมาจากทางไหน อย่างน้อยต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน ไปหาบ้านช่องที่มีผู้คนอาศัยอยู่ เขาจึงจะปลอดภัยขึ้นบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...