ตอน บทที่ 874 หนีไปให้พ้น จาก ลูกเขยมังกร – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 874 หนีไปให้พ้น คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต ลูกเขยมังกร ที่เขียนโดย เมฆทอง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
เฉินเฟิงถูกบีบให้ถอยร่นไปติดกำแพง เมื่อเขาตั้งตัวได้ก็มองไปข้างหน้า ข้างกายของคนนั้นก็มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกสองคนแล้ว
การแต่งกายของทั้งสามคนก็เหมือนกันหมด สวมหมวกคลุมใบหน้าและเสื้อคลุมปกปิดร่างกายไว้มิดชิด
คนที่เดินนำหน้าที่บีบให้เฉินเฟิงถอยไปคนนั้น รูปร่างกำยำล่ำสัน กล้ามเนื้อแขนขาแข็งแรง กำหมัดทั้งสองไว้แน่น พร้อมที่จะชกใส่เฉินเฟิงอีกครั้งหนึ่ง
เขาพูดกับเฉินเฟิงว่า “คนบาปหนา ก็สมควรที่จะต้องได้รับการพิพากษา”
พูดจบเขาก็ไม่รอให้เฉินเฟิงตอบโต้เลย บุกเข้าไปชกหมัดไปหนึ่งที หมัดหนักเป็นตัน ราวกับจะทุบให้เฉินเฟิงกลายเป็นหมูบะช่อไปเลย แต่ว่าเฉินเฟิงในเวลานี้ก็ไม่ใช่จะมาแหย็มได้ง่ายเช่นกัน
ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ ภายในร่างกายแผ่กระจายคลื่นความร้อนออกมา ชกหมัดออกมาด้วยเหมือนกัน ชกสวนตรงเข้าไปหาฝ่ายนั้น
หมัดทั้งสองปะทะกัน ต่างฝ่ายต่างรับแรงกระแทก เฉินเฟิงยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนเลยส่วนคนนั้นก็ถอยหลังออกไปเจ็ดแปดก้าว แล้วจึงหยุดลงได้
อีกสองคนที่อยู่ข้างๆเห็นว่าเพื่อนสู้ไม่ได้ ก็บุกเข้าไปพร้อมกัน
แต่ยังไม่ทันรอให้พวกเขาสามคนลงมือเลย เฉินเฟิงก็บุกเข้าไปก่อน ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต คิดแต่อยากหาทางระบายมันออกมา
ส่วนสามคนตรงหน้านี้ก็มาพานพบเจอพอดี
เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่า ทั้งสามคนนั้นก็ล้มลงกับพื้น แต่ว่าเฉินเฟิงก็ยังไม่สามารถระบายความกระหายเลือดในใจของเขาได้ เขาจับร่างของหนึ่งในนั้นกดลง แล้วทุบตีลงไปในร่างที่นอนสลบนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ชั่วพริบตาเดียวร่างนั้นก็แหลกเหลวจนแยกชิ้นส่วนไม่ออก หมัดทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเลือด ไม่รู้ว่าเป็นเลือดของเฉินเฟิงเองหรือว่าเป็นของฝ่ายตรงข้ามกันแน่
หลังจากที่คนนั้นหมดลมหายใจไปแล้ว เฉินเฟิงจึงหยุดมือ ยกกำปั้นที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นมา เฉินเฟิงก็สะบัดมือ เพื่อสลัดเลือดออกไปจากมือของเขา
ยังดีที่ในใจยังพอมีสติเตือนเขาว่า จะต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่
จากนั้นก็วิ่งต่อไปอีก ในที่สุดก็ได้เห็นทางออกแล้ว ประตูเหล็กที่ใหญ่โตยังถูกปิดไว้อย่างหนาแน่น
ประตูเหล็กสูงใหญ่มาก ใช้กระบองโลหะท่อนหนึ่งขัดประตูเอาไว้ เฉินเฟิงก้าวเดินไปข้างหน้ายกกระบองโลหะนั้นออกไป จากนั้นก็ออกแรงลากประตูเหล็กนั้น ในที่สุดก็ค่อยๆเปิดประตูเหล็กนั้นออกไปได้
ท้องฟ้าภายนอกนั้น แผ่นฟ้าสีครามสดใส ไม่มีก้อนเมฆลอยมาปิดบังเลย
เฉินเฟิงกลับไม่มีเวลาไปชื่นชม อาการตกค้างหลังจากการใช้เคล็ดวิชาพลังสวนกลับจวนจะระเบิดออกมาแล้ว เขาไม่อยากถูกคนที่นี่จับได้อีก
แต่แล้วบริเวณรอบๆภายนอกเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ดูเหมือนเป็นโรงงานที่ถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว เดิมทีอาจจะเป็นพื้นปูนแต่ถูกปกคลุมด้วยต้นหญ้าหลากหลายชนิด โดยทำให้พื้นปูนแตกร้าวเป็นริ้วรอย พวกมันก็แทรกตัวขึ้นมาตามซอกรอยร้าวนั้น
สิ่งประดิษฐ์ตกแต่งข้างทางของเดิมก็ถูกรื้อทิ้งไปหมดแล้ว เหลือไว้ให้เห็นแต่เพียงสิ่งของที่ไม่สามารถนำออกไปได้ แผ่นโลหะที่เหลือไว้ให้ก็ล้วนแต่เป็นสนิมเขลอะไปหมด เมื่อถูกแรงกระแทกแผ่นสนิมเหล็กก็จะตกลงมาเป็นแผ่นๆ
ร่างกายแทบจะทนไม่ไหวแล้ว พลังแรงก็ไม่สามารถสงบลงได้ พยุงตัวไปตามผนังกำแพงปูน เฉินเฟิงรู้ตัวว่าจำเป็นที่จะต้องหาสถานที่สำหรับพักฟื้นร่างกายเสียก่อน
แต่ว่าในที่นี้ เกรงว่าแค่ใช้ชีวิตต่อไปก็ลำบากยากเข็ญแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะต้องอยู่พักฟื้นที่นี่อีกหลายวันเลย
แต่ว่าร่างกายกลับดูเหมือนว่าถึงขีดสุดแล้ว เกรงว่าอีกประเดี๋ยวก็คงต้องล้มลงไปแล้ว
เฉินเฟิงกัดฟันไว้แน่น เขาจำเป็นจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ควรจะมาสลบอยู่ที่นี่
แต่ว่าความมุ่งมั่นของคนเราก็ไม่อาจจะเอาชนะทุกสิ่งได้ เขาได้ยินเสียงคน ดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้มาก แต่เขาไม่ได้สนใจที่จะไปดูว่าอีกฝ่ายมาจากทางไหน อย่างน้อยต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อน ไปหาบ้านช่องที่มีผู้คนอาศัยอยู่ เขาจึงจะปลอดภัยขึ้นบ้าง
เวลานี้เอง ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา
เฉินเฟิงก็มองไปยังประตูทางเข้า หญิงสาวสะสวยคนหนึ่งกำลังยกกะละมังล้างหน้าเข้ามา รูปร่างสูงเพรียว อายุประมาณไม่เกินยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี แฝงไปด้วยกลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ติดตัวมาด้วย
หญิงสาวก็เห็นเฉินเฟิงลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงแล้ว อีกทั้งยังเห็นเฉินเฟิงสวมแค่กางเกงในตัวเดียวเท่านั้น เธอก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
“คุณไม่รู้สึกว่าแบบนี้ดูไม่ค่อยสุภาพมั่งเหรอ?” หญิงสาวคนนั้นพูด
น้ำเสียงที่พูดอ้อมค้อมน่าฟัง เฉินเฟิงได้ยินเสียงของเธอก็รู้ถึงนิสัยของเธอ ต้องเป็นคนฉลาดและค่อนข้างเก็บตัว
เขาหวนคิดไปไม่กี่นาที จึงตอบว่า “แต่ฉันไม่รู้ว่าเสื้อผ้าของฉันไปอยู่ที่ไหนแล้ว?”
ด้วยเหตุที่เฉินเฟิงเป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ ร่างกายจึงแข็งแรงบึกบึน กล้ามเนื้อเป็นมัดเห็นได้ชัดเจน แต่ไม่ใช่เป็นแบบน่าตกใจเช่นนั้น รูปร่างของเขาให้ความรู้สึกสมส่วนพอเหมาะพอดี
อย่างน้อยเฉินเฟิงก็รู้สึกมีความมั่นใจกับรูปร่างของเขา
แต่ว่าหญิงสาวที่อ่อนโยนนั้นกลับไม่ได้ไปสนใจเลย เธอเดินไปตรงหน้าโต๊ะ แล้ววางกะละมังล้างหน้าไว้บนนั้น จากนั้นก็พูดกับเฉินเฟิงว่า “ตอนนี้ร่างกายของคุณยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้นทั้งหมด ให้ดีที่สุดจะต้องพักฟื้นอีกเป็นเวลาสักระยะหนึ่ง คุณจะวางใจไม่ได้เลยนะ ความเจ็บปวดอย่างนั้นยังดีที่คุณยังสามารถอดทนไว้ได้ ถ้าหากเป็นคนทั่วไปแล้ว อาจจะเจ็บปวดจนตายไปแล้วล่ะ”
“คุณเป็นคนที่ช่วยฉันไว้เหรอ?” เฉินเฟิงถาม
หญิงสาวพูดว่า “ไม่ใช่ฉันหรอก แต่เป็นผู้ชายที่แปลกประหลาดคนหนึ่ง เขาใส่ชุดคลุมทั้งตัว ราวกับจะไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าของเขา หลังจากที่เขาส่งคุณมาที่นี่แล้ว ก็หายตัวไปเลย ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้พวกเราช่วยคุณหรือเปล่า ไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นคุณยังมีลมหายใจอยู่บ้าง สงสัยคงโยนคุณเข้าไปในโพรงป่าเขาแล้วล่ะ”
เฉินเฟิงก็นึกถึงคนพวกนั้นที่อยู่ในโรงงานร้างขึ้นมาทันที ยังไงก็แล้วแต่พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปช่วยตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...