ระหว่างที่เดินขึ้นบันได เฟิ่งซีก็ถามเฉินเฟิงด้วยเสียงเบาๆว่า “คุณรู้จักบ้านตระกูลเชียนด้วยเหรอ?”
เฉินเฟิงแบกกระเป๋ายาไว้ข้างหลัง เดินตามหลังไปทีละก้าว เมื่อเฟิ่งซีถาม เขาก็ตอบด้วยเสียงเบาๆว่า“หลังจากออกมาจากบ้านเขาแล้วก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเลย จากนั้นก็ไปอยู่ที่พวกคุณไง?”
เฟิ่งซีพูดด้วยความอยากรู้ว่า “งั้นจะเป็นพวกเขาหรือเปล่าที่ทำร้ายคุณ? ที่นี่ดูแล้วใหญ่โตขนาดนี้ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่เป็นพวกคนใจบุญมีเมตตาอะไรหรอก”
เฉินเฟิงยิ้มเจื่อนๆ ความคิดของเฟิ่งซีนั้นเขาคงตามไม่ทัน ถ้าบอกว่าที่นี่ใหญ่โตละก็ งั้นคาดว่าตัวเขาก็คงเป็นคนเลวแล้วล่ะ
แต่ว่ามาคิดดูตอนแรกหลงหลินก็เห็นเขาเป็นคนร้ายเหมือนกัน
“อย่าพูดซี้ซั้วไป ถ้าให้พวกเขาได้ยินคุณก็จะลำบากนะ”
ทุกคนก็เดินเข้าไปข้างใน เชียนสวนยี่ เดิมทีอยากให้ไปพักที่ห้องโถงก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง แต่หลงหลินกลับบอกว่า “ไปดูคนป่วยก่อนสำคัญกว่า เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
ถึงแม้เชียนสวยยี่รู้สึกจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ในใจก็ย่อมอยากจะให้รีบรักษาโรคให้หายดีก่อน อีกทั้งหลงหลินก็พูดเช่นนี้แล้ว เขาจึงพาพี่น้องสองสาวตระกูลฉางและเฉินเฟิงเข้าไปลานบ้านด้านหลัง
ยังไม่ทันเข้าไปในห้อง สวนนอกบ้านก็ส่งกลิ่นสมุนไพรโชยมา หลงหลินถามด้วยความสงสัยว่า“รากภูเขา ดอกเชียนเตี่ย มะเขือม่วง เห็ดหลินจือหอม สมุนไพรพวกนี้สามารถช่วยบำรุงชี่ของหัวใจที่ติดขัดได้ หรือว่านายท่านตอนนี้จิตใจอารมณ์มีปัญหาเหรอ?”
หลงหลินพูดจบ เชียนสวนยี่ก็พูดด้วยความแตกตื่นว่า“สมแล้วที่เป็นศิษย์เอกของท่านท่านปูถูถึงกับแค่ดมกลิ่นยาแล้วก็สามารถทายได้แม่นยำขนาดนี้ ช่างน่าชมเชยจริงๆเลย”
หลงหลินพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจว่า “นี่มันไม่มีอะไรมาก เป็นเพียงแค่ความรู้พื้นฐานของการแพทย์เท่านั้น คุณก็ไม่ต้องชมฉันมากหรอก หากยังไม่เห็นเจ้าตัวนายท่านแล้ว ฉันก็ไม่กล้าจะวินิจฉัยว่าเขาเป็นโรคอะไรกันแน่”
เชียนสวนยี่ก็รู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก จึงพาพวกเขาสามคนเดินเข้าไปในห้องต่อไป
ผ้าม่านหน้าต่างถูกปิดไว้ จึงค่อนข้างมืด ภายในห้องก็มีคนอยู่ หญิงสาวอายุราว 30 กว่าปีในชุดลำลอง กำลังยืนตรวจดูเครื่องมืออุปกรณ์อยู่ข้างๆ
ส่วนภายในห้องนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่ชิ้นใหญ่ที่สุดก็คือเตียงนอน มีคนนอนอยู่คนหนึ่ง ตอนนี้อยู่ในสภาวะสะลึมสะลือ น่าจะเป็นนายท่านตระกูลเชียนที่เชียนสวนยี่พูดถึง
ดูเหมือนว่าเพื่อรักษาโรคให้กับนายท่านตระกูลเชียนแล้ว บ้านตระกูลเชียนคงทุ่มเทแรงใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ภายในห้องนี้ ดูเหมือนไม่ได้ด้อยกว่าของที่โรงพยาบาลเลย หรืออาจจะทันสมัยกว่าด้วยซ้ำไป
แต่ในเมื่อเชิญพี่น้องสองสาวตระกูลฉางมาแล้ว นั่นก็แสดงว่า การแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตของนายท่านได้แล้ว หรืออาจจะพูดไว้ว่ายากที่จะรักษาแล้ว
“ท่านนี้ก็คือพ่อฉันเอง ตั้งแต่เดือนที่แล้วก็สลบไม่รู้สึกตัวมาโดยตลอด ที่โรงพยาบาลก็ไม่มีทางรักษา พูดแต่เพียงว่าสภาวะหัวใจเสื่อมถอย อาศัยเทคนิคการแพทย์แผนปัจจุบันก็ไม่มีทางรักษาได้แล้ว”
แต่ว่าหลงหลินกลับไม่อยากจะไปรู้เรื่องพวกนี้ เธอเองก็เดินเข้าไปใกล้เตียงผู้ป่วย
ความจริงแล้วด้วยฐานะของนายท่านตระกูลเชียนแล้วไม่ใช่ว่าใครก็สามารถที่จะเข้าไปสัมผัสแตะต้องได้ ดังนั้นขณะที่หลงหลินเดินเข้าไปใกล้ เชียนสวนยี่ กลับไม่ได้ห้ามปราม พยาบาลสาวที่นั่งอยู่หน้าเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์นั้นก็รู้สึกแตกตื่นตกใจ
หลงหลินตอนแรกก็แหวกหนังตาขึ้นเพื่อดูภายในดวงตาของนายท่าน แล้วดึงหน้ากากออกซิเจนออก มองเข้าไปในปากของผู้เฒ่า สุดท้ายก็จับวัดชีพจรของนายท่าน
หลังจากที่ตรวจครบชุดแล้ว ก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
จากนั้นหลงหลินก็เดินไปข้างหน้าเฉินเฟิงพวกเขา เชียนสวนยี่ก็รีบถามด้วยความอยากรู้ว่า “อาการโรคของพ่อฉันตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว ได้สืบทอดวิชาการแพทย์ที่สูงส่งจากท่านท่านปูถูในโลกนี้ไม่มีใครที่ท่านไม่สามารถรักษาให้หายได้ ฉันคิดว่าคุณหนูก็จะต้องมีวิธีรักษาให้หายได้เช่นกัน”
ถึงแม้เป็นเพียงคำชมเชย แต่สีหน้าของหลงหลินเย็นชา พูดด้วยเสียงเข้มว่า “ข้อแรกคือในโลกนี้ไม่มีคนที่สามารถรักษาทุกโรคให้หายได้ ต่อให้เป็นอาจารย์ฉันก็ไม่ได้เช่นกัน ข้อที่สองคือ สำหรับอาการของนายท่านอาจจะซับซ้อนเกินกว่าที่ฉันคิดเสียอีก ดังนั้นฉันก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะรักษาให้หายขาดได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...