ใบหน้าของเฉินเฟิงแสดงออกถึงความเจ็บปวดรวดร้าว แต่ไป๋ซูกลับไม่คิดที่จะหยุดยั้งเลย
“ความจริงฉันก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแต่อยากจะเป็นเพื่อนกับพี่น้องสองสาวนั้น แต่เสียดายที่ว่า พวกเธอกลับรู้จักกับแกมาก่อนหน้าแล้ว นี่ทำให้ฉันรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเลย ดังนั้นถ้าเป็นไปได้.......”
ยังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ เฉินเฟิงก็พูดว่า “แกก็เลยอยากให้ฉันไปจากพวกเธอ”
ไป๋ซูหัวเราะ “ช่างเป็นคนฉลาดเสียจริงเชียว ถ้าแกตกลงละก็ ฉันก็จะรีบช่วยแกออกไปทันทีเลย”
เฉินเฟิงมองหน้าเขาด้วยความเย็นชา กลับไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว นั่นก็คือการแสดงคำตอบออกมาแล้ว
รอยยิ้มของไป๋ซูก็เยือกเย็นทันที ตบหน้าเฉินเฟิงไปหนึ่งฉาก แล้วตะโกนด้วยความโกรธว่า “ไอ้เศษสวะ งั้นแกก็จมอยู่แต่ในกองขยะตรงนี้ต่อไปก็แล้วกัน”
ดูเหมือนเป็นเพราะว่าไม่ได้รับสิ่งที่อยากได้มากที่สุดจากตัวของเฉินเฟิงแล้ว ไป๋ซูก็ยิ่งไม่มีความอดทนที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว หันไปพูดกับอะซานสองสามคำ จากนั้นทั้งสองคนก็ปิดประตูแล้วเดินออกไปจากที่นี่
ภายในห้องใต้ดินที่มืดมิดนั้นก็เหลือแต่เฉินเฟิงอยู่เพียงคนเดียว
ภายในห้องนอนของหลงหลิน เฟิ่งซีและหลงหลินสองคนก็นอนอยู่บนเตียงด้วยกัน ท่าทางดูเหมือนกับว่าจะอ่อนล้ามาก
เฟิ่งซีเอาหน้าไปแนบใกล้กับซอกคอของหลงหลิน แล้วค่อยๆสูดดมกลิ่นอายจากร่างของหลงหลินกลิ่นคล้ายกับดอกกล้วยไม้จางๆโชยมา ทำให้ในใจเฟิ่งซีรู้สึกสงบนิ่งลงมาก
ต่อให้ในเวลาอันใกล้นี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายก็ตาม เธอก็ยังสามารถลืมมันไปแล้วนอนหลับอย่างเงียบสงบได้
หลงหลินดูเหมือนก็สัมผัสได้ว่าในใจของเฟิ่งซีรู้สึกไม่สบายใจ จึงยื่นมือไปกอดเธอไว้เบาๆ ก้มหัวลงไป ปลายคางก็ไปจรดกับผมที่นุ่มสลวยของเฟิ่งซีพอดี กลับทำให้รู้สึกว่าเธอไม่ได้กอดกับเฟิ่งซีอย่างใกล้ชิดเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
หลงหลินพูดด้วยเสียงเบาๆว่า “เฟิ่งซี ดูเหมือนว่าพวกเราไม่ได้กอดกันอย่างนี้มานานแล้วนะ”
เฟิ่งซีตอบด้วยเสียงเบาๆว่า “อึม เป็นเวลานานมากแล้วจริงๆ ขอเพียงแต่มีพี่อยู่ข้างกายทุกครั้ง ฉันก็จะรู้สึกสบายใจเป็นพิเศษแล้ว”
หลงหลินพูดว่า “มีแกอยู่ข้างกายฉัน ฉันก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นเหมือนกัน หลังจากที่อาจารย์จากไปแล้ว ก็เหลือแต่พวกเราสองคนพี่น้องอยู่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมาตลอด”
เฟิ่งซีเงยหน้าขึ้นมา มองหน้าของหลงหลิน ทั้งสองคนเหมือนกำลังส่องดูกระจกอยู่ เพียงแต่เห็นใบหน้าที่เหมือนกัน แต่กลับมีสีหน้าที่ไม่เหมือนกัน
สีหน้าของหลงหลินนั้น มักจะแฝงด้วยความเยือกเย็นเล็กน้อย แต่ตอนนี้ในดวงตากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
สีหน้าของเฟิ่งซีก็ยังคงเหมือนเช่นปกติ มีความใสซื่อบริสุทธิ์แฝงอยู่ เธอยื่นมือข้างหนึ่งมากอดเอวของหลงหลินไว้ พูดด้วยเสียงเบาว่า “ฉันก็คิดถึงอาจารย์เหมือนกันนะ แต่ฉันรู้ว่าพี่จะคอยอยู่เป็นเพื่อนฉันตลอดเวลา ฉันก็รู้สึกไม่ค่อยเสียใจอะไรมากเท่าไหร่แล้ว”
หลงหลินพยักหน้า แล้วค่อยๆจุมพิตลงบนหน้าผากของเฟิ่งซี
พี่น้องสองสาวต่างก็ปลอบใจซึ่งกันและกัน ต่างก็รู้ว่าสำหรับเรื่องของเฉินเฟิงนั้นเป็นเรื่องที่พวกเธอเป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้
เฟิ่งซีถามขึ้นมาว่า “ไป๋ซูคนนั้นคิดอยากจะช่วยพวกเราพาเฉินเฟิงออกมาจริงหรือเปล่า?”
หลงหลินก็พูดอย่างไม่มั่นใจว่า “ไป๋ซูคนนั้น ดูไปแล้วเหมือนคนที่อ่อนโยนมาก แต่มักจะทำให้รู้สึกว่าภายในจิตใจของเขาแอบซ่อนอะไรเอาไว้ เลยทำให้มองไม่ออกว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่”
ฉันคิดว่าเขาไม่ใช่เป็นคนที่ใสซื่อบริสุทธิ์ และก็ไม่ใช่อย่างที่พวกเราเห็นอย่างนั้นแน่นอน”
เฟิ่งซีพูดเห็นด้วยว่า “ทุกครั้งเวลาที่เขาพูดกับฉัน นัยน์ตาดูเหมือนว่าใสสะอาด แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ฉันมักจะรู้สึกว่าเขาอยากจะทำอะไรสักอย่าง ถึงแม้จะพูดไม่ถูก แต่ก็ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดมาก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...