อ้างอิงจากคำพูดของซือโห่วทอง นับตั้งแต่ยุคบรรพกาลจวบจนปัจจุบัน ผู้ที่สามารถบรรลุถึงแดนจักรพรรดิเสียงสุดหล้ามีเพียงไท่ซ่างผู้เดียวเท่านั้น
จักรพรรดิเซียนส่วนมากที่เหลือล้วนเป็นเพียงจักรพรรดิเซียนธรรมดา ซึ่งมีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ แต่ศักยภาพไม่ค่อยแตกต่างกันมากเท่าไหร่นัก
ในบรรดาจักรพรรดิเซียนธรรมดาทั้งหลาย จักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับจักรพรรดิเซียนไท่ซ่างที่บรรลุถึงแดนสุดหล้าแล้ว ก็ยังแตกต่างกันไม่น้อยเลย
“ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด หากจักรพรรดิเซียนไท่ซ่างและจักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์ประชันกัน มากสุดแค่สามกระบวนท่า หากจักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน!”
“ระดับจักรพรรดิเซียนที่แตกต่างกัน ช่วงระยะความต่างก็ต่างกันมากเช่นกัน”
ในขณะที่ซือโห่วทองพูดคำพูดเหล่านี้อยู่นั้น ราวกับเขาเคยประสบพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยตาตนเองยังไงอย่างนั้น ประหนึ่งเริ่มตั้งแต่ยุคบรรพกาล เขาเคยผ่านพ้นทุกยุคสมัยมาแล้ว และเคยเป็นประจักษ์ต่อการเจริญเติบโตของจักรพรรดิเซียนทุกตน
“ลองตามหาดูดี ๆ สิ แม้นจักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์จะปิดผนึกไม่สำเร็จ แต่ทว่าอีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถบรรลุถึงระดับจักรพรรดิเซียนสุดหล้าแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงเสี้ยวเดียวทวยเทพไท่ซ่างก็จะถูกผนึกแล้ว”
อุบายการปิดผนึกของจักรพรรดิเซียนเป็นอะไรที่คาดเดาได้ยากมาก แต่ซือโห่วทองกลับสามารถอาศัยเบาะแสร่องรอยต่าง ๆ ตามหาตำแหน่งของตราผนึกได้
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ตามหาอยู่ในสถานที่ที่รกร้างว่างเปล่าแห่งนี้มาเดือนกว่า แต่ก็ไม่พบอะไรเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าแน่ใจหรือว่าอยู่ที่แห่งนี้จริง ๆ?”หลัวซิวรู้สึกหมดคำจะพูดแล้ว “เจ้าโม้ได้สมจริงสมจังเหลือเกิน ข้าเกือบจะปักใจเชื่อไปแล้วเนี่ย สรุปตามหามาเดือนกว่าแล้ว ตกลงทวยเทพไท่ซ่างที่เจ้าหมายถึงอยู่ที่ใดกันแน่?”
“เจ้ารีบร้อนอะไร? ตั้งแต่ยุคโบราณกาลมา ก็ไม่เคยมีผู้ใดเจอทวยเทพไท่ซ่างเลย หากมันตามหาง่ายขนาดนั้นละก็ ยังถึงคราวเจ้ามาตามหารึ?”
สีหน้าของซือโห่วทองก็ดูไม่ดีเช่นกัน แต่กลับยังคงปากแข็งเช่นเคย
“เสียเวลามาเดือนกว่าแล้ว อีกสามวันหากยังไม่เจออีก ข้าก็จะไม่ตามหาแล้ว และเจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้เตาเซียนของจักรพรรดิเซียนเช่นกัน”หลัวซิวทำเสียงหึครั้งหนึ่ง
“อย่าสิ ต้องเจอแน่นอน หากเจ้าต้องการโชคโอกาส ก็ช่วยใจเย็นหน่อยได้หรือไม่”ซือโห่วทองพูดด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
“แม่งเอ๊ย เมื่อปีนั้นจักรพรรดิเซียนภูตศักดิ์สิทธิ์ผนึกไม่สำเร็จด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่ปิดกั้นกระแสออร่า ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่เจอจุดที่ตราผนึกเปราะบาง!”
ตามหากันอีกสองวัน ซือโห่วทองก็เริ่มร้อนรนขึ้นมาแล้วเหมือนกัน อ้าปากพ่นครั้งหนึ่ง แสงทองดวงหนึ่งจึงบินออกมาจากปากเขา แล้วแล้วกลายเป็นถาดกลมสีทองที่มีขนาดเท่าฝ่ามือหนึ่งชิ้น ลอยกลางอยู่กลางนภา
“เจ้าสิ่งนี้คืออะไร?”หลัวซิวหรี่ตาลง เขาสามารถสัมผัสได้อยู่ว่ามีพลังออร่าที่น่าทึ่งแฝงซ่อนอยู่ในถาดกลมสีทองนี่ ซึ่งไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
“สมบัติของมกุฎอย่างข้า เจ้าอย่ามุ่งเป้ามาที่มันล่ะ”ซือโห่วทองถลึงตาใส่หลัวซิวแล้วพูด
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นเจ้ารึ?”หลัวซิวเบ้ปาก
ซือโห่วทองก็ทำเสียงหึครั้งหนึ่งเช่นกัน จากนั้นก็ส่วนอะไรบางอย่างในปาก ถาดกลมสีทองจึงกลายเป็นลำแสงสีทองดวงหนึ่ง แล้วบินตรงไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
“รีบตามไป”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ซือโห่วทองก็ผันร่างเป็นเศษเงาไล่ตามไปแล้ว
หลัวซิวก็รีบโคจรเกณฑ์ปริภูมิและความเร็วไล่ตามหลังไปเช่นกัน
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ถาดกลมสีทองก็หยุดอยู่ตรงตำแหน่งหนึ่ง ตำแหน่งดังกล่าวมีภูเขารกร้างลูกหนึ่ง ซึ่งสามารถมองเห็นภูเขาประเภทนี้ได้ในทุกแห่งหนของทะเลทรายที่เวิ้งว้างว่างเปล่านี้
หลัวซิวยังคิดที่จะสังเกตดูอย่างละเอียดอีกอยู่ว่าถาดกลมสีทองนี่คืออะไรกันแน่ แต่ซือโห่วทองกลับอ้าปากแล้วดูดเก็บถาดกลมกลับเข้าไป แล้วจ้องมองเขาด้วยแววตาที่ระมัดระวัง
หลัวซิวทำท่ายักไหล่ ก่อนจะนำสายตาจับจ้องไปทางภูเขาที่ว่างเปล่านั่น “เจ้าแน่ใจหรือว่าอยู่ที่นี่?”
“ตลก ตำแหน่งที่เข็มทิศหมื่นต้องบอกไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน”ซือโห่วทองพูดอย่างภาคภูมิใจ
เข็มทิศหมื่นต้อง?
นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่หลัวซิวได้ยินสมบัติชิ้นนี้ สภาพของซือโห่วทองดูภูมิใจกับสมบัติชิ้นนี้มาก ๆ จึงแสดงให้เห็นเลยว่าความเป็นมาของมันน่าจะไม่ธรรมดา
“ตู้มม!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...