พวกลูกหลานตระกูลเศรษฐีเหล่านั้นที่เดิมทีกำลังจะพูดคุยกับมู่เซิ่ง เมื่อได้ยินหยางเหม่ยหลินเอ่ยถึงสถานะของมู่เซิ่งแล้ว ก็แสดงสีหน้าท่าทางที่รังเกียจขึ้นในทันที แล้วก็พากันถอยหลังออกมา
มือของโจวจวิ้นเจี๋ยที่ค้างอยู่กลางอากาศนั้นก็ได้เก็บคืนกลับเข้ามา และพูดขึ้นด้วยถ้อยคำที่ถากถางว่า: “พูดกันแล้วไม่ใช่เหรอว่า คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้ อย่างน้อยจะต้องเป็นตระกูลอันดับสอง แต่ไม่ใช่ว่าคนของตระกูลอันดับสองคนไหนก็สามารถมาเข้าร่วมงานได้”
“ถูกต้อง” ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ชื่อจางเพ่ยเพ่ยก็พูดเสริมต่อว่า: “ตระกูลอันดับสองชั้นสูงกับตระกูลอันดับสองรั้งท้าย มันเหมือนกันเหรอ อย่างตระกูลของพวกเราถึงแม้จะเป็นตระกูลอันดับสอง แต่รายได้ต่อปีก็สามารถที่จะใช้หลักร้อยล้านมาคำนวณได้ ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลอันดับหนึ่งเท่าไรเลย”
“นั่นน่ะสิ ตระกูลจางแห่งตงเหอของพวกเธอคาดว่าใกล้ที่จะเลื่อนขั้นขึ้นสู่ตระกูลอันดับหนึ่งแล้ว”
“ใช่สิ ก่อนหน้านี้ฉันเคยได้ยินมาว่า อีกไม่กี่ปี ตระกูลอันดับหนึ่งก็จะยอมรับสถานะตระกูลจางของพวกเธอแล้ว”
“คุณจาง คุณมาเปรียบเทียบกับไอ้คนนี้ มันช่างลดระดับสถานะของคุณโดยสิ้นเชิง”
คนเหล่านี้ทยอยกันเอ่ยปาก และต่างก็พูดกันแต่สิ่งที่ไม่น่าฟัง แม้ว่าจะเป็นเพียงคำพูดด้านเดียวของหยางเหม่ยหลิน แต่พวกเขาก็เชื่อว่า มู่เซิ่งก็คือลูกเขยที่แต่งงานแล้วมาอยู่กับฝ่ายหญิงของตระกูลอันดับสอง ซึ่งคาดว่าสถานะลูกเขยนี้ก็ได้มาอย่างไม่ค่อยจะชัดเจนสักเท่าไรนัก
พวกเขาคิดกันว่า คนอะไรกันถึงจะไปเป็นลูกเขยที่มาอยู่กับฝ่ายหญิงอ่า
นั่นคงจะเป็นคนที่ยากจนค่นแค้น และเป็นหนุ่มหน้าใสเท่านั้นถึงจะไปเป็นลูกเขยที่มาอยู่กับฝ่ายหญิง คนประเภทนี้ช่างเป็นความอับอายในกลุ่มของผู้ชายยิ่งนัก โดยแบกรับคำว่าเกาะผู้หญิงกิน เอาไว้ในตัวอย่างแท้จริง
เพียงแต่ในตอนนี้ติดอยู่กับเกียรติและหน้าตาของหยางฟางฟาง พวกเขาจึงไม่ได้พูดสิ่งเหล่านี้ออกมาโดยตรง แต่ภาพความรู้สึกที่พวกเขามีต่อมู่เซิ่งนั้น มันย่ำแย่จนไม่สามารถพูดออกมาได้ตั้งนานแล้ว
“ฮึ ช่างเป็นแมลงวันที่น่ารำคาญ ไม่เห็นคุณค่าความหวังดีของผู้อื่นเสียจริง” หยางเหม่ยหลินเขย่านาฬิกาหรูที่มือ และพูดขึ้นอย่างรำคาญใจ
คนประเภทนี้อย่างมู่เซิ่งเธอรู้และเข้าใจดีเป็นที่สุด
ทั้งที่ขาดแคลนเงิน แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมาโดยตรง และยังจงใจแกล้งทำเป็นคนดีมีจิตใจสูงส่ง ซึ่งถ้าไม่ใช่แบบนี้ แล้วตอนคัดเลือกของสี่องค์กรใหญ่นั้น ทำไมมู่เซิ่งถึงต้องไปแล้วก็ย้อนกลับมาด้วยล่ะ?
แน่นอนว่าเขาอายไม่กล้าจะเข้าร่วม แล้วแอบไปพูดคุยปรึกษาผลลัพธ์กับทางครูผู้ฝึกฝานหรง
หยางฟางฟางเองก็ร้อนใจไม่เป็นสุข ทำไมทุกครั้งที่พามู่เซิ่งมา ทุกคนถึงต้องมุ่งเป้าเล่นงานเขาด้วยล่ะ มู่เซิ่งเองก็ไม่เคยไปก่อเรื่องอะไรกับพวกเขา แต่เหมือนกับว่าทุกคนต่างก็ยอมรับในตัวของมู่เซิ่งไม่ได้
หยางฟางฟางที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในสังคมมาก่อนไม่รู้อย่างแน่ว่า ในสายตาของคนรวยแล้ว บางครั้งความจนก็เป็นความผิดอย่างหนึ่ง
เซียวจ้านยิ้ม แล้วก็แกล้งทำเป็นใจกว้างและเดินออกมาพูดว่า: “พอเถอะ มู่เซิ่งก็มาแล้ว ไม่เห็นจะเป็นไรไป ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นเพื่อนของฟางฟางของฉัน หวังว่าพวกคุณจะไม่ทำให้เขาต้องทำตัวลำบากเลย”
“ในเมื่อพี่เซียวพูดแบบนี้แล้ว พวกเราก็รับฟังอย่างแน่นอน”
“งั้นก็ได้ พวกเราพูดคุยเรื่องอื่นกันเถอะ”
ทุกคนหัวเราะฮ่าฮ่า เรื่องที่เซียวจ้านชื่นชอบหยางฟางฟางใครบ้างล่ะที่ไม่รู้? ดังนั้นพวกเขาต่างก็ถือว่าให้เกียรติต่อหน้าของเซียวจ้าน
เพราะนอกจากเซียวจ้านจะมีสถานะเป็นคนในสี่องค์กรใหญ่แล้ว ยังจะมีอีกสถานะหนึ่ง นั่นก็คือลูกหลานของตระกูล ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถมาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้
“ใครเป็นคนตระกูลเดียวกับนายล่ะ เซียวจ้าน ฉันเตือนนายไว้นะว่าอย่าได้เรียกฉันว่าฟางฟางอีก! ” หยางฟางฟางจ้องเขม็งใส่เซียวจ้าน ไอ้คนนี้ช่างหน้าด้านยิ่งนัก ทั้งที่หลังจากถูกมู่เซิ่งชกจนล้มกองลงไปแล้ว ไม่นึกว่ายังจะกล้ามาคุกคามตัวเองอีก
พวกลูกหลานเศรษฐีนั้นได้แต่หัวเราะโดยไม่พูดอะไร ถือซะว่าเป็นการล้อเล่นสนุกสนานกันของเซียวจ้านกับหยางฟางฟางไปแล้ว
หยางฟางฟางอดเศร้าใจไม่ได้ อยากที่จะเอ่ยปากพูดขึ้น แต่ก็กลัวว่ายิ่งอธิบายก็ยิ่งจะบานปลาย ทำได้เพียงมองไปยังมู่เซิ่งด้วยความไม่พอใจ
เห็นมู่เซิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเฉยเมย โดยที่ไม่ได้มาเข้าร่วมด้วย ในสภาพที่ตัดขาดจากโลกภายนอก หยางฟางฟางเองก็โมโหขึ้น ไอ้คนนี้อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นแฟนของตัวเองอย่างที่ทราบกันโดยทั่วไป อีกทั้งเธอยังเป็นคนพาเข้ามาด้านในงานด้วย แต่ทำไมถึงไม่ช่วยตัวเองพูดแก้ตัวอะไรบ้างเลยล่ะ
เวลานี้ หยางเหม่ยหลินก็พูดขึ้นว่า: “ใช่แล้ว พวกเธอได้ยินข่าวการจัดงานเลี้ยงเศรษฐีที่ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้วหรือยัง? ”
คนในสถานที่แห่งนี้ต่างก็เป็นคนในตระกูลอันดับสอง โดยตระกูลอันดับหนึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่คน ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงเศรษฐีแบบนี้ และแน่นอนว่าจะต้องให้ความสนใจค่อนข้างมากด้วย
“ฉันรู้แล้ว” โจวจวิ้นเจี๋ยเอ่ยปากพูดขึ้นเป็นคนแรกว่า: “ตอนนี้ผู้ยิ่งใหญ่มีอิทธิพลจากมณฑลอื่นได้มาถึงที่นี่กันไม่น้อยแล้ว อย่างน้อยก็เป็นบุคคลระดับเจ้าบ้านของตระกูลอันดับหนึ่ง ถึงขนาดที่เหนือกว่าตระกูลอันดับหนึ่งก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศตงหัวที่จัดขึ้นในช่วงเวลานี้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง
Thanks...
มีต่อมั้ยครับ...