มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง นิยาย บท 405

สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาในทันที นอกจากมู่เซิ่งแล้ว ทุกคนที่กำลังทานอาหารอยู่นั้นก็เชื่องช้าลงกันไปหมด

เรื่องที่สำคัญมาถึงแล้ว!

ที่พวกเขามากันในครั้งนี้ ก็เพื่อสิ่งของชิ้นนี้ แต่พวกเขาเพียงแค่เคยได้ยินชื่อและฟังคำบรรยาย ซึ่งสิ่งของชิ้นนี้มีลักษณะอย่างไร พวกเขายังไม่เคยพบเห็นมาก่อน

ด้วยเหตุนี้ ทุกคนต่างก็อยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก ว่าสิ่งของอะไรที่สามารถทำให้ตระกูลโม่ให้ความสำคัญมากขนาดนี้

“สิ่งของชิ้นนี้ พวกเราตระกูลโม่ได้พยายามเป็นอย่างมากกว่าจะได้มาถึงมือ ครั้งนี้ก็เชิญเพียงแค่พวกคุณกี่คนเท่านั้น” โม่ซวี่พูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

เวลานี้ทุกคนก็ยิ่งจะอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีก

“คุณชายโม่ คุณอย่าได้ชักช้ารีรออยู่เลย รีบนำออกมาดูเถอะ” หยางเหม่ยหลินอดไม่ได้จึงพูดขึ้น

“ใช่เลย ร้อนใจจะตายอยู่แล้ว สิ่งของชิ้นนี้มันเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเราต่างก็ไม่เคยเห็นกันมาก่อนเลย”

ทุกคนทยอยกันตะโกนขึ้น

“ก็คือสิ่งนี้ น้ำวิเศษพลังเสวียน! ”

โม่ซวี่ยกตู้นิรภัยสีดำตู้หนึ่งขึ้นวางไว้บนโต๊ะ และพูดแนะนำด้วยความมั่นใจว่า: “ฮ่าฮ่า สิ่งของชิ้นนี้คือสิ่งของที่โด่งดังเป็นที่แพร่หลายมากที่สุดในสังคมชั้นสูง ต่อให้มีเงินก็ยังซื้อไม่ได้”

มองเห็นสายตาที่คาดหวังของทุกคน โม่ซวี่ชื่นชอบความรู้สึกแบบนี้มาก ในขณะที่กำลังจะเปิดขึ้น เวลานี้ในที่สุดคุณนายโม่ก็กลับมาถึงแล้ว

“สวัสดีคุณนายโม่”

“คุณนายโม่ท่านกลับมาแล้ว เหนื่อยไหม รีบนั่งลงก่อนเถอะ”

แม้ว่าทุกคนจะแปลกใจมากแค่ไหน แต่ก็ห้ามมองข้ามคุณนายโม่เด็ดขาด เพราะที่นี่คือตระกูลโม่ พวกเขาจึงรีบลุกยืนขึ้นกล่าวทักทาย

โม่ซวี่เองก็รีบวางของในมือลง แล้วก็เข้ามาต้อนรับ “คุณแม่ สิ่งของเหล่านี้ให้ฉันใช่ไหม หนักขนาดนี้เลย ท่านซื้ออะไรมาเนี่ย? ”

“พวกนี้คือของขวัญที่คนอื่นมอบให้กับบริษัทของแม่ มีมูลค่าไม่เท่าไรหรอก วางเอาไว้ด้านข้างเถอะ” คุณนายโม่ยิ้ม และพูดขึ้น

“คุณแม่ ทานอาหารก่อน ฉันรู้ว่าแม่กลับมาช้า จึงได้ตั้งใจสั่งให้พ่อครัวจัดเตรียมเอาไว้หลังครัวยังไม่ได้นำออกมาเสริฟ ก็เพื่อรอแม่มาทานยังไงล่ะ” โม่ซวี่พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม

“ซวี่เอ๋อของแม่เป็นเด็กดีอยู่แล้ว” คุณนายโม่ยิ้มและพูดขึ้น

โม่หรูถงกลับส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา รู้สึกว่าอับอายขายหน้า และพูดขึ้นอย่างดูแคลนว่า: “เธอยุ่งทั้งวันตั้งแต่เช้าจนค่ำ แม้แต่เวลาเลิกงานก็ยังไม่แน่นอน เงินเดือนก็น้อยขนาดนั้น ลาออกเสียเลยดีกว่า”

“แล้วนายทำไมถึงไม่ลาออกล่ะ? ” คุณนายโม่ย้อนถามกลับ

อย่างน้อยเธอก็เป็นถึงประธานกรรมการของบริษัทแห่งหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะเทียบกับโม่หรูถงไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่บริษัทขนาดเล็ก ที่สำคัญเธอนั้นได้ตั้งใจประกอบกิจการมาเป็นเวลานาน บริษัทก็คือเลือดเนื้อและจิตใจของเธอ เธอคงจะไม่ยอมละทิ้งบริษัทไปง่าย ๆ แน่

โม่หรูถงขยับเน็คไท และพูดอย่างจริงจังว่า: “บริษัทของฉันนำมาเปรียบเทียบกับบริษัทของคุณได้เหรอ? พนักงานลูกน้องของฉันมีถึงสองหมื่นคน เงินเดือนต่อปีที่จ่ายออกไปก็เป็นสิบล้านแล้ว ถ้าหากฉันลาออกจากงาน แล้วพวกพนักงานเหล่านั้นจะทำอย่างไร? ไม่ต้องพูดไปไกลหรอก พวกเราตระกูลโม่จะเป็นอย่างไร? ”

“ฮึ ตระกูลโม่ไม่ใช่ว่าจะต้องจ่ายเงินจำนวนมากทุกวันเพื่อประคับประคองให้ดำรงอยู่ต่อไปซะที่ไหนล่ะ” คุณนายโม่พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“พอเถอะพอเถอะ คุณพ่อ คุณแม่ พวกท่านอย่าได้ทะเลาะกันเลย แบบนี้ทำให้คนอื่นเขาหัวเราะเยาะเอาได้” โม่ซวี่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ย พ่อของเขาคนนี้อย่างอื่นอะไรก็ดีหมด ติดอยู่แค่เห็นแก่เกียรติหน้าตาของตนเองมากเกินไป คิดว่าภรรยาไปเปิดบริษัท ปีหนึ่งทำเงินได้แค่ล้านสองล้าน ก็รู้สึกว่าอับอาย จึงอยากให้หล่อนลาออกแล้วก็อยู่ที่บ้านไปเลยดีกว่า

แต่ภรรยาของเขาจะยอมตกลงอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน ทั้งสองคนจึงทะเลาะกันด้วยเหตุนี้ไม่ต่ำกว่าสิบครั้งแล้ว

แต่ทว่า คำพูดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าของใครบางคน ก็ถือว่าเป็นการถากถางอย่างหนึ่งแล้ว

แม้แต่ภรรยาของคนอื่น ก็ยังไม่ยอมที่จะล้าหลัง คิดที่จะเปิดบริษัทหาเงินหาทอง แต่นายที่เป็นลูกเขยที่มาอยู่กับฝ่ายหญิงเพื่อเกาะผู้หญิงกินนั้น ยังจะเกาะกินอยู่อย่างสุขสบายใจอีกเหรอ?

พวกเขามองดูมู่เซิ่งที่ยังคงไม่แสดงท่าทางใด ๆ ทำหูหนวกไม่ได้ยิน จึงแอบถ่มน้ำลาย ถุย ช่างหน้าด้านเสียจริง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง