เถ้าแก่นั่นเห็นอย่างนั้น ก็ดีใจนัก รีบเอาเสื้อหนังที่ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมาทั้งหมด และแนะนำให้กับโจวกุ้ยหลานว่า “นี่เป็นหนังจิ้งจอกนะ ขนสวย มีประกาย และยังอุ่นด้วย!”
โจวกุ้ยหลานมองดูหนังนั่น สุดท้ายก็ปฏิเสธออกมาอยู่ดี
ถึงจะบอกว่าในมือนางมีเงินอยู่สี่ร้อยกว่าตำลึง แต่ยังต้องสร้างบ้านใหม่อีกนะ ประหยัดไว้หน่อยดีกว่า
เฮ้อ เห็นได้ชัดว่า พอจนขึ้นมา จะซื้ออะไรก็ทำได้ยากนัก
โจวกุ้ยหลานแอบถอนหายใจ และซื้อด้ายฝ้ายมาอีกนิดหน่อย ถึงรู้สึกว่าพอตัวแล้ว
“เถ้าแก่ ของพวกนี้ฝากไว้ที่ท่านที่นี่ก่อน กลางคืนข้าค่อยแวะมา ท่านช่วยข้าส่งไปเป็นอย่างไร?”
เถ้าแก่นั่นต้องรับปากรัวๆอยู่แล้ว แม้แต่ค่ารถม้าก็ไม่ให้โจวกุ้ยหลานออกเลย
โจวกุ้ยหลานคิดเงิน ครั้งนี้ใช้ถึงหกตำลึง
หลังจากสอบถามดูแล้ว เถ้าแก่ได้แจ้งโจวกุ้ยหลานว่า อากาศหนาวแล้ว ดอกฝ้ายขึ้นราคาเป็นหนึ่งจินสิบแปดเหวิน อีกอย่างเสื้อกั๊กขนนั่นก็แพง ทั้งหมดนี่รวมกันมา ก็เป็นเงินมากมายขนาดนี้แล้ว นี่ยังเป็นจำนวนที่เถ้าแก่ปัดเศษออกไปเหลือแค่ตัวเลขกลมๆด้วย
โจวต้าไห่ทางนั้นได้ยินเข้าก็หน้ามืด แทบเป็นลมลงไป
นี่ซื้อของที่ไหนกัน สาดเงินชัดๆ!
โจวกุ้ยหลานจ่ายเงิน พาโจวต้าไห่ที่ใกล้กระอักเลือดและสวีฉางหลินที่สงบนิ่งออกมา พลางมองท้องฟ้า นี่เที่ยงแล้ว
ถ้ากลับไปตอนนี้ อีกเดี๋ยวต้องมาอีก ยุ่งยากเกินไป ยังไม่สู้หาของกินในเมืองนี้ จะได้เดินเที่ยวต่ออีกหน่อย
ระหว่างคิด นางหมุนตัวหันไปปรึกษาทั้งสองคนว่า “พวกเราไปกินข้าวเที่ยงที่โรงเตี๊ยมเทียนเซียงแล้วกัน?”
“ไม่ได้! กินอะไร รีบกลับบ้าน! ท่านแม่ต้องทำกับข้าวไว้รอพวกเราแล้วแน่!” โจวต้าไห่ที่ใกล้จะเป็นลมอยู่รอมร่อ พอได้ยินคำพูดของโจวกุ้ยหลาน รีบห้ามปรามทันที
พวกเขาเป็นใครกัน? ชาวนา!
จะสามารถไปกินโรงเตี๊ยมใหญ่อย่างโรงเตี๊ยมเทียนเซียงได้ที่ไหนกัน?
พวกเขามีหรือจะสามารถไปกินได้
โจวกุ้ยหลานเบ้ปาก “ถ้าจะกลับ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้ายังต้องรอถึงกลางคืนถึงจะกลับไปได้นะ”
“เพราะเหตุใด?” โจวต้าไห่เร่งถาม
“ของมากมายเพียงนั้น กลับไปตอนนี้เจ้าให้คนในหมู่บ้านเห็นแล้วคิดยังไงล่ะ?” โจวกุ้ยหลานอธิบายออกมา
ถึงจะบอกว่านี่เป็นเงินของนางเอง อยากใช้ยังไงก็ได้ อยากซื้ออะไรก็ได้ แต่ที่นี่เป็นบ้านนอก มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยทุกคนก็รู้กันหมด นางเองก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว
พอคิดถึงของมากมายขนาดนั้น โจวต้าไห่ก็เข้าใจความหมายของนาง เลยไม่ร่ำร้องจะกลับไปแล้ว แต่ภายใต้การยืนกรานของเขา ทั้งสามหาแผงลอยข้างทางกินบะหมี่คนละชาม
ตอนบ่าย โจวกุ้ยหลานก็ไปร้านเนื้อ ซื้อเนื้อหมูมาไม่น้อย และยังวิ่งไปซื้อเนื้อวัวอีกไม่น้อย เตรียมกลับบ้านไปทำเนื้อวัวตากแห้ง
ก่อนหน้านี้ก็อยากทำขนมให้เจ้าก้อนน้อยกิน แต่ช่วงนี้มักไม่ราบรื่น เจอแต่เรื่องยุ่งยากปัญหาสารพัด เลยไม่ได้ทำสักที นี่ใกล้จะถึงฤดูหนาวแล้ว เลยมีเวลาพอดี สามารถค่อยๆทำได้ละ
จากนั้นก็เห็ดหอมตากแห้ง หอยตากแห้ง และผักต่างๆ สุดท้ายไปร้านยาซื้อเครื่องปรุงมาไม่น้อย
รอจนนางเห็นสีท้องฟ้าพอประมาณละ ก็เริ่มเหนื่อย หันกลับมาก็เห็นในมือสวีฉางหลินกับโจวต้าไห่เต็มไปด้วยข้าวของ
โจวกุ้ยหลานคิดๆก่อนตัดสินใจวางมือ กลับบ้านก่อนแล้วกัน ไม่งั้นโจวต้าไห่จะบ้าแล้ว
พอคิดอย่างนี้ พวกเขาไปร้านผ้าก่อน และนำรถม้าไปร้านเมล็ดข้าวพันธุ์ หลังจากยัดของใส่รถม้าสองคันจนเต็มแล้ว พวกเขาสามคนก็นั่งข้างนอกรถม้า มุ่งหน้าตรงไปทางหมู่บ้านต้าสืออย่างรวดเร็ว
ตอนรถม้าทั้งสองคันมาถึงหน้าประตูหมู่บ้านต้าสือ ฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
โจวกุ้ยหลานพาพวกเขาอ้อมไปทางไกล กลับไปบ้านตนเอง หลังจากรถม้าหยุดลง ก็เคาะประตูอย่างเบามือ
ตอนเหล่าไท่ไท่ออกมาเปิดประตู ก็เห็นรถม้าคันใหญ่สองคันหยุดอยู่ที่หน้าประตู เกือบตกใจร้องอุทานออกมา
โจวกุ้ยหลานดึงเหล่าไท่ไท่มาอีกด้าน ปิดปากนางไว้ และให้คนพวกนั้นรีบขนของเข้าไปในบ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...