ความรู้สึกซาบซึ้งเกิดขึ้นในหัวใจของโจวกุ้ยหลาน แต่ตอนนี้ก็มาทำลายบรรยากาศ “เจ้ากินก่อนเถิด อีกเดี๋ยวเจ้าต้องไปทำงาน”
“ข้าไม่หิว”
สวีฉางหลินยังคงเข้าใจได้อย่างชัดเจน
ภรรยายังไม่กินข้าว แล้วเขาจะกินได้อย่างไร ?
คลื่นความร้อนหลั่งไหลเข้าสู่หัวใจของโจวกุ้ยหลาน ทำให้ทั่วทั้งร่างกายของนางรู้สึกอบอุ่น
ผู้ชายคนนี้ปกติแล้วจะไม่พูดอะไร พูดออกมาสองสามคำเท่านั้น ราวกับหากพูดมากกว่านี้อีกสักคำอาจทำให้ชีวิตของเขาต้องหาไม่ บางครั้งก็ไร้เดียงสาราวกับเด็กอายุสามขวบ
แต่เขามันจะเป็นคนแรกที่สามารถสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของนาง และสามารถทำให้นางรู้สึกอบอุ่นได้เสมอแม้เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ
และที่สำคัญกว่านั้น หลายครั้งที่ความคิดของเขาและนางตรงกัน เช่นการกำจัดเฉินโหยวซวน แม้ในบางเวลาที่นางนึกถึง หัวใจของนางจะรู้สึกเบื่อหน่ายไม่สบายใจ แต่ต่อให้ต้องตัดสินใจอีกครั้งนางก็ยังเลือกที่จะทำเหมือนเดิม
“ไม่ต้องซาบซึ้งใจขนาดนั้นหรอก” สวีฉางหลินเห็นดวงตาอันแดงระเรื่อของภรรยา เขาจึงพูดออกมาทันที
นี่คือสิ่งที่เขาควรทำเพื่อภรรยา
โจวกุ้ยหลานระงับอารมณ์ของตนเอง เบะปากแล้วพูดออกไปว่า “ใครซาบซึ้ง ข้าก็แค่อยากให้เจ้ารีบกินเข้าไป หากตอนบ่ายเจ้าไม่มีแรงทำงาน พวกเราก็จะไม่มีข้าวสวยกิน !”
“ไม่เป็นไร”
ไม่กินข้าวมื้อเดียวสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่สำหรับภรรยานั้นต่างออกไป นางผอมขนาดนี้ นางจำเป็นต้องกินข้าวให้มากเพื่อเพิ่มเนื้อหนัง
“กุ้ยหลาน เจ้ากินข้าวในถ้วยของข้าเถิด อีกเดี๋ยวข้าเข้าไปในป่า ไปดูว่ายังมีผลไม้อยู่หรือไม่ จะได้เก็บมันมากินรองท้อง” โจวต้าไห่พูดออกมา ยื่นถ้วยในมือของตนเองออกไป
โจวกุ้ยหลานโมโหและน่าขัน นางไม่กินตอนนี้ก็ไม่เห็นเป็นไร อีกเดี๋ยวกลับไปนางก็กินได้ กับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทั้งสองคนกลับทำเป็นเรื่องจริงจัง
แต่ถูกคนเอาใจใส่แบบนี้ มันรู้สึกดีเสียจริง.....
ตอนนั้นหลิวเซียงเคี้ยวข้าวอยู่ในปาก เห็นฉากที่เกิดขึ้น คิดไปคิดมา จึงคิดว่าควรนำข้าวของตนเองให้กับโจวต้าไห่ “ต้าไห่ เจ้าเอาของข้าไปกินแล้วกัน ข้าอิ่มแล้ว !”
“เอาละพอได้แล้ว พวกเจ้ารีบกินของตัวเองเข้าไป กินเสร็จแล้วข้าจะได้กลับไปทำกับข้าวกินบ้าง หากยังไม่กินดี ๆ ข้าจะเอากับข้าวพวกนี้ไปทิ้งให้หมด !” โจวกุ้ยหลานกล่าวอย่างดุร้าย
โจวต้าไห่รู้ว่าน้องสาวตนเองสามารถทำอย่างที่พูดได้ เขาจึงหันไปพูดกับหลิวเซียง “รีบกินเถอะ อย่าทำให้ต้องเสียเวลา”
จากนั้นเขาก็กินข้าวในถ้วยของตนเองทันที
เจ้าก้อนน้อยเหลือบมองไปยังแม่ของเขา จากนั้นก็เหลือบมองไปยังพ่อของเขา เขาเดินเข้ามาด้วยขาคู่น้อย ๆ ของเขา คีบเนื้อวัวชิ้นหนึ่งยื่นไปข้างริมฝีปากของโจวกุ้ยหลาน
เห็นความน่ารักของเจ้าก้อนน้อย หัวใจของโจวกุ้ยหลานไม่สามารถปฏิเสธมันได้ นางจึงอ้าปากกัดเนื้อวัวชิ้นนั้นเข้าไป และค่อย ๆ เคี้ยวมัน
“เสี่ยวเทียนน่ารักมาก !”
โจวกุ้ยหลานกินเข้าไปพร้อมกับลูบหัวของเจ้าก้อนน้อยที่อยู่ข้าง ๆ
เพิ่งจะกินหมด เนื้ออีกชิ้นก็ถูกยื่นเข้ามาข้างริมฝีปากของนาง
“ข้าไม่กิน เจ้าเอาไปกินเถอะ” โจวกุ้ยหลานส่ายหน้าให้สวีฉางหลินและตอบกลับไป
“ไม่ได้ !”
มีความโกรธแฝงอยู่ในน้ำเสียงของสวีฉางหลิน
ภรรยากินเนื้อของเสี่ยวเทียนก็ต้องกินเนื้อของเขาด้วย ?
โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้ว นี่สวีฉางหลินกำลังบังคับนางงั้นหรือ ?
“ข้าแค่ชิมทีเดียวพอ”
“งั้นก็ลองชิมอีกครั้ง” สวีฉางหลินแน่วแน่
เขาต้องเป็นคนสำคัญในหัวใจของน้องนางถึงจะถูก จะแพ้ให้กับเจ้าเด็กน่ารักคนนั้นไม่ได้
โจวกุ้ยหลานเห็นความแน่วแน่ของสวีฉางหลิน หมดหนทาง ทำได้เพียงนำตะเกียบของนางคีบเนื้อชิ้นนั้นเข้ามาในปาก
อ่า ฝีมือของตนไม่เลว รสชาติดีมาก......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...