สวีฉางหลินเอาเสื้อวางไว้บนเก้าอี้ พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฟ้าสว่างเจ้าก็กลับไปได้แล้ว แล้วค่อยหาคนที่ดีแต่งงานไปเสีย”
พูดเสร็จ ไม่รอให้โจวกุ้ยหลานพูดตอบ คว้ามืออุ้มเจ้าก้อนน้อยวางไว้ตรงกลาง ดับไฟแล้วนอนลงด้านนอกสุดของเตียง พร้อมพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “นอนหลับ”
เจ้าก้อนน้อยนอนลงอย่างว่าง่าย แล้วก็หลับตา
เมื่อกี้เหมือนนางจะคิดมากไป.....
โจวกุ้ยหลานแอบดูถูกตนเองอยู่ในใจ แล้วก็คิดถึงท่าทีของสวีฉางหลิน แล้วก็เข้าใจแล้วว่า การฆ่าตัวตายของเจ้าของเดิม ทำให้สวีฉางหลินเสียใจแล้ว
ร่างกายอ่อนเพลียอย่างมาก นางจึงก็นอนลง
เตียงนี้กว้างแค่ประมาณหนึ่งเมตรสาม นอนสามคนค่อนข้างเบียด ขยับตัวก็ไม่ได้ หมอนที่ทำจากไม้ ทั้งสูงทั้งแข็ง ไม่สบายอย่างมาก
ฟังเสียงลมหายใจของทั้งสองพ่อลูกค่อยๆสม่ำเสมอ เดิมโจวกุ้ยหลานคิดนอนไม่หลับ สักพักก็หลับไปแล้ว
ภายใต้ความมืด ผู้ชายที่นอนอยู่ริมสุดลืมตาขึ้น หันมองไปที่ผู้หญิงที่นอนด้านในสุด แล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง
ตอนที่โจวกุ้ยหลานตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว เจ้าก้อนน้อยบนเตียงยังนอนอยู่ ส่วนสวีฉางหลินไม่เห็นแล้ว คันธนูที่เห็นแขวนไว้บนผนังเมื่อคืนก็ไม่เห็นแล้ว
นางลุกขึ้น หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว จึงเห็นว่าบนโต๊ะมีถ้วยข้าวต้มสองถ้วย หลังจากนางทานไปแล้วหนึ่งถ้วย ก็เริ่มเก็บกวาดบ้านถึงภายในภายนอก แล้วจึงพบว่าทั้งบ้านมีเพียงข้าวโพดครึ่งถุง
“นี่กำลังจะทำให้คนหิวตายหรือ?”
เพิ่งกรีดพูดเสร็จ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องตะโกนพูดขึ้นอย่างโมโหอยู่ข้างนอกว่า “โจวกุ้ยหลาน เจ้าไสหัวออกมา”
ชายคนหนึ่งอายุประมาณสี่ห้าสิบกระโจนเข้ามา คว้าจับแขนของนางแล้วก็ลากออกไปข้างนอก
เจ้าก้อนน้อยที่อยู่บนเตียงตกใจตื่นเพราะเสียงตะโกนนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เอื้อมมือน้อยๆ ไปจับแขนอีกข้างหนึ่งของโจวกุ้ยหลานไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...