ตัวนางจะลำบากแค่ไหนก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ลูกของนางทำบาปกรรมอะไรไว้ล่ะ? นางต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนไม่เคยได้หยุดได้พัก แต่ทำไมลูกของนางกระทั่งข้าวก็ยังกินไม่อิ่มท้อง?
“อั้ยหยา! พวกเจ้ามันเป็นหมาป่าเนรคุณเลี้ยงไม่เชื่อง! ถูกตระกูลโจวเลี้ยงดูไม่กี่วันก็จำย่าของตัวเองไม่ได้แล้วใช่ไหม? ไอ้พวกเนรคุณลืมกระทั่งญาติโกโหติกาของตัวเอง!” ป้าซุนปากก็ด่ากราดไม่หยุด ขาก็เดินเข้าไปทำท่าจะทุบตีพวกเขา
ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุกพวกนี้นี่! จะหน้าไหน ๆ ก็ร่ำร้องอยากจะอยู่ที่บ้านตระกูลโจวกันหมด แล้วจะให้ตระกูลซุนของนางเอาหน้าไปไว้ไหนล่ะ?
เพิ่งจะพูดจบ ก็เห็นเหล่าไท่ไท่หยิบไม้กวาดด้ามหนึ่งขึ้นมา แล้วพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว
“นั่นเจ้าจะทำอะไรน่ะ?” ป้าซุนก้าวถอยหลังไปสองก้าว มองเหล่าไท่ไท่พลางร้องตะโกนเสียงดัง
“จะทำอะไรน่ะรึ? ก็จะตีเจ้าให้ตายน่ะสิ!” เหล่าไท่ไท่พูดพลาง มือก็เงื้อไม้กวาดขนาดใหญ่ วิ่งอ้อมโต๊ะไปหาป้าซุนแล้วฟาดลงไปเต็มแรง
ป้าซุนหันหลังคิดจะวิ่งออกไปข้างนอก แต่ส่วนปลายของไม้กวาดด้ามนั้นก็ยังเกี่ยวโดนคอของนางจนได้ บาดจนส่วนท้ายทอยกับลำคอของนางเป็นแผล เผยรอยเลือดรอยใหญ่ไหลอาบเป็นทาง
ไม้กวาดด้ามนี้ เป็นไม้ไผ่ซี่เล็ก ๆ ที่เก็บมาจากบนเขา แล้วนำมามัดรวมกัน ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับกวาดดินโคลนตรงหน้าประตู จึงแข็งจนไม้กวาดทั่วไปเทียบไม่ติด
“อ๊า! ฆ่าคนแล้ว!” ป้าซุนแหกปากร้องห่มร้องไห้โวยวาย พลางวิ่งหนีออกไปข้างนอก
ซุนโก่วต้านที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าแม่ตัวเองวิ่งหนีออกไปแล้ว จึงรีบวิ่งตามออกไปข้างนอก
พอนางตะโกนแบบนั้นอยู่ข้างนอก พวกคนข้างบ้านก็พากันออกมาชมดูเรื่องสนุกกันให้สลอน
เหล่าไท่ไท่เดินถือไม้กวาดด้ามใหญ่ยักษ์ออกมา ปักไม้กวาดด้ามนั้นลงกับพื้นหนัก ๆ มือข้างหนึ่งของนางจับด้ามไม้กวาด ส่วนมืออีกข้างก็ท้าวอยู่ที่เอว อ้าปากด่าซุนโก่วต้านที่ตามออกมายืนเซ่อซ่าไปอีกยก เสียงก่นด่าดังลั่นนั้น ถึงกับกลบทับเสียงร้องไห้ของป้าซุนลงไปเลยทีเดียว
พวกเด็ก ๆ ก็เดินตามออกมาด้วย ต้าญาเห็นเลือดที่ไหลอาบมุมปากของพ่อ จมูกก็พลันแสบร้อนขึ้นมา แต่เมื่อหวนนึกถึงท่าทีของพ่อที่มองดูพวกน้องชายน้องสาว รวมถึงตัวนางเองต้องถูกคนพวกนั้นรังแกตอนที่ยังอยู่บ้านตระกูลซุน นางก็หันหน้าหนี ไม่มองมาทางนี้อีก
“คนในหมู่บ้านต้าสือมันรังแกคนอย่างนี้เลยสินะ? พวกเจ้า.....”
ป้าซุนคิดจะเสี้ยมให้คนที่มาชมดูเรื่องสนุกช่วยนาง แต่เหล่าไท่ไท่ไม่ยอมเปิดโอกาสให้นางทำแบบนั้นได้แม้แต่น้อย : "แม่ผัวสมควรตายอย่างเจ้า กล้ามาทุบตีลูกสาวคนโตของข้าถึงในบ้าน แล้วยังคิดจะขอให้คนในหมู่บ้านต้าสือช่วยอีกงั้นรึ? หรือเจ้าคิดว่าพวกเขาตาบอดกันหมดแล้ว ? ข้าก็คนหมู่บ้านต้าสือ คิดหรือว่าพวกเขาจะยอมช่วยคนจากหมู่บ้านตระกูลซุนอย่างเจ้า?"
จากนั้นก็อ้าปากด่าอีกยก สุดท้ายด่าแล้วยังไม่รู้สึกหนำใจ จึงคว้าไม้กวาดด้ามยักษ์นั่นขึ้นมาไล่ทุบไล่ตีแม่ลูกคู่นี้หนัก ๆ อีกรอบ
สองคนแม่ลูกนั่นหลบหนีหัวซุกหัวซุน แต่ติดที่ไม้กวาดด้ามนั้นใหญ่เกินไป ขอแค่ข่วนโดนเพียงเล็กน้อย ก็จะเจ็บปวดจนเกือบทนไม่ได้เลยทีเดียว
เมื่อเห็นซุนโก่วต้านในสภาพนี้ โจวคายจือก็รู้สึกทุกข์ใจอยู่บ้างเล็กน้อย เพิ่งคิดว่าจะก้าวเข้าไปห้าม ก็ถูกต้าญาฉุดรั้งไว้ กระทั่งพวกลูก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ก็คอยรั้งนางเอาไว้เช่นกัน
แม้แต่ซานญาที่อายุน้อยที่สุดก็ยังเข้ามารั้งโจวคายจือไว้ พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “แม่ เมื่อก่อนย่าก็ทุบตีทั้งพี่สาว พี่ชาย แล้วก็ข้าแบบนี้เหมือนกัน.…”
หัวใจของโจวคายจือประหนึ่งว่าไปพลิกโดนไหน้ำส้มสายชูหกคว่ำใส่จนหมดไห ใจทั้งดวงเจ็บปวดเสียดแปลบ ทรมานจนแทบหายใจไม่ออก
นางยื่นมือออกไปกอดซานญาไว้แน่น ใช้หน้าผากของตัวเองแนบชิดกับหน้าผากของซานญา น้ำตาไหลนองอาบแก้ม
ล้วนเป็นเพราะนาง เพราะนางมันอ่อนแอเกินไป ถ้านางเป็นได้เหมือนแม่ เหมือนน้องรองหรือน้องสามที่เด็ดเดี่ยวกล้าหาญแบบนั้น ลูก ๆ ของนางจะถูกคนรังแกขนาดนี้ได้ยังไง?
ถ้าตอนที่แม่ช่วยระบายโทสะแทนนางให้เมื่อคราวก่อน นางไม่ก้มหัวยอมถอยให้ทางนั้นง่าย ๆ บางทีตอนนี้ นางอาจจะไม่ต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชขนาดนี้แล้วใช่ไหม?
คิดพลาง สายตาก็หันไปมองเหล่าไท่ไท่อีกครั้ง นางมองดูแม่ของตัวเองทั้งกดทับทั้งทุบตีสองแม่ลูกนั่นอย่างไม่ปราณี จนสองคนนั้นไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้แม้แต่น้อย รวมถึงเสียงด่ากราดที่ดังลั่นแบบไม่มีสะดุดนั่นอีก ยิ่งทำให้นางรู้สึกทุกข์ทรมานใจขึ้นมาหลายส่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...