รุ่ยหนิงแกว่งเท้าสั้นของตนเองไปมา ดวงตาเบิกโต จ้องมองโจวกุ้ยหลาน ถามนางอย่างอยากรู้ว่า “ท่านแม่จะใส่ชุดชั้นในสีแดงหรือ”
ยังไม่ทันที่โจวกุ้ยหลานจะพูดอะไร รุ่ยอานก็พูดอย่างแก่แดดว่า “ท่านยายสามของพวกเราต่างหาก”
เหล่าไท่ไท่ถลึงตาให้รุ่ยอาน“ห้ามเรียกนางว่าท่านยายสาม นางไม่ใช่ท่านยายสามของพวกเจ้า จากนี้ไปนางเป็นศัตรูของพวกเรา”
โจวกุ้ยหลานตบที่หลังของรุ่ยอานเบาๆ เตือนเหล่าไท่ไท่ว่า “ท่านแม่ รุ่ยอานยังเด็ก ท่านอย่าพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าพวกเขาเลย”
“พอมีลูกก็ลืมแม่ ”เหล่าไท่ไท่พูดอย่างประชดประชัน ดวงตาทั้งคู่มองไปที่ใบหน้าของสองพี่น้องรุ่ยอานกับรุ่ยหนิง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก
ทั้งสองพูดคุยกันอีกชั่วครู่ โจวกุ้ยหลานจึงบอกกับเหล่าไท่ไท่ว่าเรื่องนี้นางจะจัดการเอง
ตอนกลางคืน โจวกุ้ยหลานรอให้ทุกคนนอนหลับกันหมดแล้ว ก็ไปยังห้องใต้ดินที่เรือนทิศเหนือ แอบเข้าไปขนเสบียงอาหาร ออกมา เอาไปวางไว้ในครัวหนึ่งถุง จากนั้นก็ค่อยๆย้ายไปไว้ในห้องของตนเอง
เมื่อทำเสร็จทุกอย่าง นางรู้สึกว่าเอวตนเองแทบจะหักอยู่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถบอกกับพวกเขาได้ว่าเสบียงอาหาร ซ่อนไว้ที่ไหน ไม่เช่นนั้นภายหน้าจะยิ่งจัดการได้ยากมากขึ้น
เที่ยงของวันที่สอง ไป๋ยี่เซวียนพาคนจำนวนหนึ่งมาที่บ้านของโจวกุ้ยหลาน
พอเห็นเขา เหล่าไท่ไท่ก็กระตือรือร้นมาก ดึงเขาไปนั่งลง และเทน้ำให้เขาด้วย
โจวกุ้ยหลานเห็นแม่ของนางมาอีกแล้ว ก็รีบโบกมือให้นาง “ท่านแม่ พวกเรามีธุระต้องคุยกัน ท่านไปทำงานของท่านเถอะ”
“ได้ได้ได้ ข้าจะไปขุดผักป่า ”เหล่าไท่ไท่พูด แล้วไปหยิบตะกร้า เดินออกมาไป
เมื่อเหล่าไท่ไท่เดินออกไปแล้ว ในห้องโถงเหลือแค่พวกเขาสองคน ไป๋ยี่เซวียนเก็บพัดในมือของตนเอง มองไปที่โจวกุ้ยหลาน ยิ้มขึ้น และพูดว่า “นี่เจ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้จะปรึกษากับข้าหรือ”
โจวกุ้ยหลานประสานมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน “เถ้าแก่ไป๋ พวกโจรที่บ้านท่านจะยืมให้ข้าใช้สักสี่ห้าวันได้หรือไม่”
“เจ้าจะใช้พวกเขาไปทำอะไร ”ไป๋ยี่เซวียนหลุยตาลงมองพัดในมือของตนเอง ถามเสียงเรียบเฉย
โจวกุ้ยหลานพูดยิ้มๆว่า “ข้าจะขายเสบียงอาหาร ในบ้านข้าทั้งหมด”
ไป๋ยี่เซวียนที่มีท่าทีสบายใจชะงักไปเล็กน้อย สายตาเหลือบไปมองโจวกุ้ยหลาน ในสายตามีแววยินดีแฝงอยู่ “เจ้ามีเสบียงอาหาร อยู่เท่าไหร่ จะขายเท่าไหร่ ”
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “ไม่ไม่ไม่ ข้าไม่ได้จะขายให้ท่าน”
เพิ่งจะพูดจบ ก็เห็นว่าแววดีใจในสายตาของไป๋ยี่เซวียนได้หายไปแล้ว โจวกุ้ยหลานรู้ว่าเขาเข้าใจผิด จึงอธิบายว่า “ข้าไม่ขายให้พ่อค้าคนไหนทั้งนั้น เสบียงอาหาร นี้ ข้าจะเอามาแลกกับที่นา”
ในยุคสมัยนี้ ที่นาเป็นอสังหาริมทรัพย์ มีที่นา จึงจะมีทรัพย์สินสำรองที่แน่นอน
ไป๋ยี่เซวียนขมวดคิ้ว “เจ้าจะขายเสบียงอาหาร อย่างไร ”
“ขึ้นราคาเป็นเท่าตัว ก่อนหน้านี้ข้าขึ้นราคาเสบียงอาหาร เป็นสามเท่า แลกกับที่นาของพวกเขา”
“ถ้าหากเจ้าขาเสบียงอาหาร ให้ข้า ข้าจะซื้อในราคาห้าหกเท่า ถึงตอนนั้นเจ้าจะซื้อที่นาเท่าไหร่ก็ย่อมได้”ไป๋ยี่เซวียนพูด วางมือไว้บนโต๊ะ เบี่ยงตัวหันไปทางโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “ไม่ขายไม่ขาย อย่างไรเสียพวกท่านก็สามารถขนเสบียงอาหารมาจากที่อื่นได้ มีเงินก็สามารถมีชีวิตอย่างมั่นคงได้ แต่ชาวนาที่ไม่มีเงินจะอดตายกันหมดแล้ว”
มือของไป๋ยี่เซวียนชะงักไป ส่ายหน้าไปมา “กุ้ยหลาน เจ้าใจอ่อนเกินไปแล้ว การเป็นพ่อค้ากำไรต้องมาก่อน”
“มันไม่แน่นอน ที่เขาว่ากันว่า ยามยากเฝ้ารักษาคุณความดีเฉพาะตน เมื่อบรรลุผล อย่าหลงลืมส่งผ่านความดีงามสู่แผ่นดิน”โจวกุ้ยหลานเกาใบหน้าของตนเองบริเวณที่รู้สึกคัน “ข้าคงส่งผ่านความดีงามไปทั่วแผ่นดินไม่ได้ แน่นอนว่าข้าเองก็ไม่อยากทำ ข้าเพียงแต่ไม่อยากให้คนที่ข้ารู้จักต้องอดตายก็เท่านั้น ”
แม้ว่าก่อนหน้านี้คนในหมู่บ้านต่างก็เคยคิดจะแย่งเสบียงอาหาร ของนาง แต่ถ้าหากนางตกอยู่ในสภาพอย่างพวกเขา เกรงว่าก็คงจะมีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน เวลาคนรู้สึกหิว ไม่ว่าอะไรก็สามารถทำได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...